เชียงใหม่งัดกฎหมายคุมเข้มหาตัวผู้เผาป่า หากไม่เจอทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้านต้องรับผิดชอบ พร้อมตั้งรางวัลนำจับรายละ 5 พันบาท
เมื่อวันที่ 20 ก.พ. 61 นายมนัส ขันใส ปลัดจังหวัดเชียงใหม่ เป็นประธานแถลงข่าวสื่อมวลชนประจำสัปดาห์ ที่ห้องประชุม 4 ชั้น 4 ศาลากลาง จ.เชียงใหม่ โดยวันนี้มีวาระแถลงข่าว “เรื่องของเชียงใหม่ เร่งแก้ไขปัญหาหมอกควันและไฟป่า” พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนและนักท่องเที่ยว
นายสมคิด ปัญญาดี ผอ.ส่วนสิ่งแวดล้อม สำนักงานทรัพยากธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า สถานการณ์หมอกควันปัจจุบันของ จ.เชียงใหม่ยังอยู่ในสภาวะปกติ ซึ่งในเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ค่า pm10 ของจ.เชียงใหม่ยังไม่เกินค่ามาตรฐาน และเกณฑ์คุณภาพอากาศอยู่ในระดับปานกลาง สำหรับเดือน ก.พ.ค่า pm10 สูงสุดอยู่ที่ 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งค่ามาตรฐานกำหนดไว้ที่ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์คุณภาพอากาศปานกลาง
ขณะนี้ จ.เชียงใหม่ได้มีประกาศจังหวัด ลงวันที่ 25 ม.ค. 61 ลงนามโดย ผวจ.เชียงใหม่ กำหนดช่วงเวลาห้ามเผาทุกชนิดอย่างเด็ดขาดในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ในขั้นตอนการรับมือ ภายใต้ชื่อ "51 วันไม่เผา เพื่อเชียงใหม่ไร้หมอกควัน" เริ่มระหว่างวันที่ 1 มี.ค. - 20 เม.ย. 61 ด้วยการจัดชุดลาดตระเวน จัดชุดปฏิบัติการเข้าดับไฟทันทีในเวลาอันรวดเร็วหากมีเหตุเผาในพื้นที่ และดำเนินการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด หากผู้ใดจะทำการเผาหลังวันที่ 20 เม.ย. 61 ต้องขออนุญาตจากนายอำเภอก่อนดำเนินการทุกครั้ง เพื่อควบคุมการเผาโดยพนักงานเจ้าหน้าที่
นอกจากนี้การเผาที่ผ่านมานั้น พบว่าอยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ฯ และเขตป่าสงวน จากการหาของป่าของประชาชน แต่ก็ไม่มีการจับกุมตัวได้ แต่ในปีนี้ต้องเข้มงวด หากเกิดในพื้นที่ไหน เจ้าหน้าที่หน่วยควบคุมไฟป่าในพื้นที่ต้องประสานกำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่นั้นๆ และหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีให้ได้ จะอ้างว่าไม่ทราบ ไม่รู้เหมือนที่ผ่านมาไม่ได้ ปีนี้จะไม่มีการปล่อยปละละเลยให้มีการเผา เพราะทำให้ป่าเกิดความเสียหาย โดยทางท่านผู้ว่าฯ เชียงใหม่ จะเรียกบุคคลในพื้นที่เข้าพบเพื่อซักถาม และตั้งทีมขึ้นมาทำการสอบสวน เพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดให้ได้และต้องเป็นผู้กระทำผิดตัวจริงเท่านั้น ซึ่งหากไม่เจอทางกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ต้องรับผิดชอบ เพราะถือว่าเป็นเขตรับผิดชอบของตน พร้อมตั้งรางวัลนำจับรายละ 5,000 บาท โดยพื้นที่เฝ้าระวังในขณะนี้และเป็นพื้นที่สีแดง คือ อ.ฮอด และ อ.ดอยเต่า ซึ่งมีพื้นที่กว่าแสนไร่