เกษตรกรเลี้ยงสุกรรายย่อย จ.พัทลุง 250 ราย รวมตัวหลังราคาสุกรหน้าฟาร์มตกต่ำสุดขีดเหลือ กก.ละ 44 บาท เรียกร้องภาครัฐแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน พร้อมขอให้บริษัทยักษ์ใหญ่ 2 บริษัทที่เลี้ยงสุกรลดปริมาณแม่พันธุ์ เนื่องจากสุกรล้นตลาด
เมื่อวันที่ 20 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.พัทลุงว่า ที่สหกรณ์เกษตรพนมวังก์ ต.พนมวังก์ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยจำนวน 250 ราย รวมตัวเรียกร้อง “ขอคืนพื้นที่การเลี้ยงหมู...พัทลุงเรา” ซึ่ง จ.พัทลุง เป็นจังหวัดหนึ่งในภาคใต้ที่มีเกษตรกรรายย่อยเลี้ยงสุกรเป็นจำนวนมาก ส่งขายทั่วภาคใต้และภาคกลางบางส่วน แต่ขณะนี้ประสบปัญหาสุกรล้นตลาดราคาสุกรหน้าฟาร์มตกต่ำสุดขีดเหลือ กก.ละ 44 บาท ส่งผลให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรแต่ละรายขณะขาดทุนรายละไม่ต่ำกว่า 20,000-30,000 บาท ซึ่งการขอคืนพื้นที่การเลี้ยงหมู ในครั้งนี้ประเด็นหลักคือ ต้องการให้บริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ 2 ราย ลดการเลี้ยงสุกรลดโดยการจ้างเกษตรกรเลี้ยงในพื้นที่ จ.พัทลุง เพื่อป้องกันการล้นตลาดของสุกร อีกทั้งเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหาราคาสุกรที่เกษตรกรรายย่อยเลี้ยงตกต่ำโดยเร่งด่วน ซึ่งก่อนหน้าตัวแทนเกษตรกร ได้ร้องเรียนกับทาง จ.พัทลุงมาแล้วจำนวน 2 ครั้ง แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหา
นายชธิต ภักดีบุรี ตัวแทนกลุ่มผู้เลี้ยงสุกร จ.พัทลุง กล่าว ขณะนี้เกษตรกรรายย่อยผู้เลี้ยงสุกรเกือบทุกจังหวัดได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก แต่ละรายต่างประสบกับสภาวะการขาดทุน หลังราคาสุกรเป็นหน้าฟาร์มลดลงเหลือแค่กิโลกรัม 44 บาท ขณะที่ต้นขาดทุนอยู่ 56-57 บาท วันนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรเรียกร้องต้องการให้บริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่หยุดกำลังการผลิตลงหรือลดกำลังการผลิต เพื่อเปิดช่องทางให้กับเกษตรกรรายย่อยได้จำหน่ายในราคาที่สูงขึ้น โดยเฉพาะการจ้างให้เกษตรกรในพื้นที่ทำคอกเพื่อเลี้ยงสุกรของบริษัท ทั้งนี้เพื่อป้องกันปัญหาสุกรล้นตลาด
ขณะเดียวกันได้มีตัวแทนของบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่รายหนึ่งเข้าชี้แจง กับเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรว่า ปัจจุบันบริษัทได้ลดกำลังการผลิตสุกรลง โดยเลิกจ้างการเลี้ยงระบบคอกจากเกษตรกรในพื้นที่ไปไม่ต่ำกว่า 5 คอก และลดแม่พันธุ์สุกรไปแล้วจำนวนกว่า 800 ตัว