ตำรวจท่องเที่ยว ร่วมกับหน่วยปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจมาเลเซีย บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ “แก๊งอาซื่อ” พบคนไทยถูกขังให้เป็นพนักงานรับโทรศัพท์ 11 คน รวบชาวไต้หวัน 5 คนรวมหัวหน้าแก๊ง
เมื่อวันที่ 20 ก.พ. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบช.ทท.) หัวหน้าชุดปฏิบัติการประจำศูนย์ป้องกัน และปรามปรามการฉ้อโกงประชาชนผ่านระบบโทรศัพท์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ขยายผลจับกุมแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตั้งอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย โดยประสานความช่วยเหลือผ่าน น.ส.นิภา นิรันดร์นุช อุปทูต รักษาการเอกอัครราชทูตประจำกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย นำกำลังร่ตำรวจท่องเที่ยวไทย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจมาเลเซีย บุกเข้าไปภายในอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ย่านศรีเปอร์ตาลิ่ง กัวลาลัมเปอร์ หลังสืบทราบว่าเป็นศูนย์สั่งการคอลเซ็นเตอร์ "แก๊งอาซื่อ" หรือ นายจู อี้ เต๋อ เคยทำงานให้นายเฉิน หยวน ไข่ ระดับผู้จัดการดูแลทั้งหมด ต่อมาจึงได้แยกมาทำเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการเข้าตรวจค้นภายในอาคารพบอุปกรณ์โทรศัพท์ คอมพิวเตอร์ และเครื่องแปลงสัญญาณโทรศัพท์ พร้อมทั้งบัญชีรายชื่อเหยื่อคอลเซ็นเตอร์ ที่อยู่ระหว่างการสื่อสารเพื่อรอโอนเงิน นอกจากนี้ยังพบโพยรายชื่อเหยื่อและรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐระดับสูงรวมถึงบทพูดคุยระหว่างแก๊งคอลเซ็นเตอร์กับเหยื่อในแต่ละบริบท
นอกจากนี้ยังพบคนไทย ทำหน้าที่เป็นพนักงานคอลเซ็นเตอร์ถูกขังอยู่ภายในอาคาร 11คน และชาวไต้หวัน ซึ่งเป็นผู้ควบคุมอีก 5 คน ในจำนวนนี้คือนายจู อี้ เต๋อ หรือ อาซื่อ หัวหน้าแก๊ง และนายหวัง ลู่ เฉิน หรือ อาหวัง ซึ่งเป็นระดับสั่งการอีกคน มีนายชัชนันท์หรือ “เฟิน” เกตุพันธ์ และ น.ส.ติรวดี หรือ “ติ้ว” ลิ้มติ้ว ถูกออกหมายจับ รวม 4 คนในข้อหา ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังและกรรโชกทรัพย์ โดยศาลจังหวัดนครปฐมไว้แล้วด้วย
พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า แก๊งนี้เพิ่งย้ายมาเช่าอาคารแห่งนี้ทำศูนย์คอลเซ็นเตอร์ 2 เดือน เงินหมุนเวียนกว่า100 ล้านบาท และยังมีผู้ร่วมอีกคนเป็นชาวไต้หวันหลบหนีกลับประเทศไปได้ก่อนหน้านี้ ซึ่งตำรวจได้ออกหมายจับแล้ว สำหรับการบุกเข้าทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในประเทศมาเลเซียครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ในรอบเดือน เป็นการขยายผลการช่วยเหลือคนไทยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา