ซิดนีย์, 31 พ.ค. (ซินหัว) — วันพุธ (31 พ.ค.) คณะนักวิทยาศาสตร์ประกาศการตรวจสอบซากฟอสซิลขนาดเล็ก อายุ 107 ล้านปี จำนวน 2 ชิ้น พบเป็นสัตว์เลื้อยคลานบินได้ขนาดยักษ์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยโบยบินอยู่กลางท้องฟ้าของออสเตรเลีย โดยซากฟอสซิลนี้ถูกค้นพบที่รัฐวิกตอเรียในช่วงทศวรรษ 1980 แต่คณะนักวิจัยเพิ่งสามารถยืนยันต้นกำเนิด
ผลการศึกษาในวารสารฮิสทอริคัล ไบโอโลจี (Historical Biology) เมื่อวันอังคาร (30 พ.ค.) ระบุว่าคณะนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคอร์ติน พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติยุคไดโนเสาร์แห่งออสเตรเลีย มหาวิทยาลัยโมนาช และสถาบันวิจัยพิพิธภัณฑ์วิกตอเรีย ยืนยันว่าซากฟอสซิลเป็นของเทอโรซอร์ (Pterosaurs) สัตว์มีกระดูกสันหลังยุคแรกสุดที่มีวิวัฒนาการด้านการบิน
รายงานระบุว่าซากฟอสซิลดังกล่าวเป็นกระดูกเชิงกรานและกระดูกจากปีกซ้าย ซึ่งกระดูกทั้งสองชิ้นมีขนาดเล็กพอดีกับฝ่ามือ ขณะเทอโรซอร์เป็นสัตว์เลื้อยคลานบินได้ ซึ่งมีชีวิตอยู่ร่วมกับไดโนเสาร์ในมหายุคมีโซโซอิก (Mesozoic Era) โดยกระดูกทั้งสองชิ้นมีความเก่าแก่ที่สุดเท่าที่เคยค้นพบในออสเตรเลีย
อเดล เพนต์แลนด์ หัวหน้านักวิจัยและนักศึกษาปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยเคอร์ติน กล่าวว่าเทอโรซอร์เป็นสัตว์หายากทั่วโลก มีการค้นพบซากเพียงไม่กี่ตัวในพื้นที่ที่เคยยกตัวสูงอย่างรัฐวิกตอเรีย ดังนั้นกระดูกเหล่านี้ช่วยให้เราสันนิษฐานที่อยู่อาศัยและขนาดตัวของเทอโรซอร์ได้ดียิ่งขึ้น
เพนต์แลนด์เสริมว่าผลวิเคราะห์กระดูกเหล่านี้ช่วยยืนยันการดำรงอยู่ของเทอโรซอร์วัยเยาว์ตัวแรกของออสเตรเลีย ซึ่งเคยอาศัยอยู่ในป่าของรัฐวิกตอเรียเมื่อราว 107 ล้านปีก่อน
เพนต์แลนด์ชี้ว่าช่วงยุคครีเทเชียส (145-66 ล้านปีก่อน) ออสเตรเลียอยู่ทางใต้มากกว่าปัจจุบัน และรัฐวิกตอเรียอยู่ภายในวงกลมขั้วโลกอันปกคลุมด้วยความมืดมิดเป็นเวลาหลายสัปดาห์ในช่วงฤดูหนาว ซึ่งแม้มีสภาพแวดล้อมเลวร้ายตามฤดูกาลดังกล่าว แต่เทอโรซอร์หาทางอยู่รอดและเติบโตได้
ด้าน ทอม ริช ผู้เขียนร่วมและภัณฑารักษ์อาวุโสด้านบรรพชีวินวิทยาสัตว์มีกระดูกสันหลังจากสถาบันวิจัยพิพิธภัณฑ์วิกตอเรีย กล่าวว่าเป็นเรื่องน่ายินดีที่ได้เข้าใจต้นกำเนิดของซากฟอสซิลนี้ โดยซากฟอสซิลทั้งสองชิ้นเป็นผลลัพธ์จากความพยายามตลอดทศวรรษของอาสาสมัครมากกว่า 100 คน
(แฟ้มภาพซินหัว : โรงอุปรากรซิดนีย์ นครซิดนีย์ของออสเตรเลีย วันที่ 25 มี.ค. 2023)