ศาลฎีกายืนประหารชีวิต "อดีต ผอ.กอล์ฟ"

2023-04-26 12:38:52

ศาลฎีกายืนประหารชีวิต  "อดีต ผอ.กอล์ฟ"

Advertisement

ศาลฎีกายืนประหารชีวิต  "อดีต ผอ.กอล์ฟ" ชิงทองในห้างโรบินสัน จ.ลพบุรี ยิงดับ 3 ศพ บาดเจ็บสาหัส 4 ราย

เมื่อวันที่ 26 เม.ย.66 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก  ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา คดีฆ่าชิงทองออโรร่า ภายในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน จ.ลพบุรี คดีหมายเลขดำ อ.409/2563 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา 6 เเละบริษัท ออโรร่า ดีไซน์ พร้อมด้วย ผู้เสียหายรวม 10 ราย เป็นโจทก์ร่วมยื่นฟ้อง นายประสิทธิชัย เขาแก้ว หรือ "กอล์ฟ"  อายุ 39 ปี อดีต ผอ.รร.แห่งหนึ่ง ใน จ.สิงห์บุรี เป็นจำเลย ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิด พยายามฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น  ชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้อาวุธปืน และใช้ยานพาหนะ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับอันตรายสาหัส, ยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิด โดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยเปิดเผย โดยไม่มีเหตุสมควร และโดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว  มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต  มีและใช้อาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้  ใช้อาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่สามารถออกใบอนุญาตให้ได้ในการกระทำความผิดฐานฆ่าผู้อื่น ฐานชิงทรัพย์ และมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับใบอนุญาต รวม 9 ข้อหา ซึ่งจำเลยให้การภาคเสธ ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางบางขวาง

อัยการโจทก์ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 20 ก.พ. 63  ระบุพฤติการณ์ความผิดว่า เมื่อวันที่ 9 ม.ค.63 นายประสิทธิชัย มีอาวุธปืน ออโตเมติก ขนาด 9 มม. ทะเบียน กท 5027346 เลขหมาย A 300638 ติดท่อเก็บเสียง 1 อัน ซองกระสุนปืนพร้อมเครื่องกระสุน ได้นำอาวุธ พร้อมเครื่องกระสุนเข้าไปภายในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาลพบุรี แล้วยิง นายธีระฉัตร นิ่มมา พนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) ของห้างสรรพสินค้า รวมทั้งประทุษร้ายบุคคลทั่วไปจนเป็นเหตุให้  ด.ช.ภาณุวิชญ์ วงศ์อยู่ และ น.ส.ธิดารัตน์ ทองทิพย์ พนักงานร้านทองออโรร่า จนถึงแก่ความตาย และจำเลยยังได้ยิงบุคคลอื่นอีก 4 คน ได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนชิงเอาสร้อยคอทองคำ น้ำหนักเส้นละ 1 บาท จำนวน 22 เส้น น้ำหนักเส้นละ 2 สลึง อีก 11 เส้น รวม 33 เส้น เป็นเงินทั้งสิ้น 664,470 บาท  ก่อนขี่รถจักรยานยนต์หลบหนี

คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 27 ส.ค. 64 ว่าจำเลยมีความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (6) ประกอบมาตรา 60, 289 (6) ประกอบมาตรา 80, 289 (7), 339 วรรคสอง วรรคสี่ และวรรคท้ายประกอบมาตรา 340 ตรี, 371, 376, พ.ร.บ.อาวุธปืน พ.ศ. 2490, พ.ร.บ.ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 การกระทำของจำเลยเป็นความผิดต่างกรรมให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานมีอาวุธปืน จำคุก 8 เดือน ฐานมียุทธภัณฑ์ไว้ในครอบครอง จำคุก 6 เดือน  ฐานพกพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้านโดยไม่มีเหตุสมควร จำคุก 3 ปี  ฐานฆ่าผู้อื่นเพื่อตระเตรียมการหรือเพิ่มความสะดวกในการจะกระทำผิดให้ประหารชีวิต ฐานพยายามฆ่าผู้อื่น จำคุกตลอดชีวิต ฐานชิงทรัพย์ในเวลากลางคืน เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โดยมีและใช้อาวุธปืนและโดยใช้ยานพาหนะ ให้ประหารชีวิต เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว ให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลย สถานเดียว ปรับ 1,000 บาท ริบของกลาง อาวุธปืนและเครื่องกระสุน หมวกโม่งคลุมศีรษะสีดำ รถจักรยานยนต์ยี่ห้อยามาฮ่า เสื้อยืด โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ใช้กระทำผิด รวมทั้งให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่บรรดาโจทก์ร่วมที่ 1 จำนวน 1.8 แสนบาท  ที่ 2 จำนวน 9.9 หมื่นบาท ที่ 3 จำนวน 1.3 แสนบาท ที่ 4 จำนวน 2.2 ล้านบาท, ที่ 5 จำนวน 7.5 แสนบาท ที่ 6, 7 และ 8 จำนวน 2.25 ล้านบาท ที่ 9 และ 10 จำนวน 7.5 แสนบาท จำเลยยื่นอุทธรณ์ขอลดโทษ

ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือแล้ว เห็นว่า การที่จำเลยรับสารภาพเป็นเพราะเกิดจากจำนนต่อหลักฐาน การที่จำเลยชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับอันตรายสาหัส และฆ่าผู้อื่น เพื่อตระเตรียมการหรือเพื่อความสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น ฆ่าผู้อื่นเพื่อจะเอาหรือเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่ตนได้กระทำความผิดอื่น และเพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาในความผิดอื่นที่ตนได้กระทำไว้ ลักษณะของการกระทำความผิดจึงเป็นไปโดยอุกอาจ ไม่ยำเกรงต่อกฎหมายบ้านเมือง เป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมทารุณ ไร้มนุษยธรรม  ที่ศาลชั้นต้นให้ลงโทษประหารชีวิตจำเลยโดยไม่ลดโทษ ย่อมเหมาะสมแก่พฤติการณ์แห่งรูปคดีแล้ว จึงไม่มีเหตุที่ศาลอุทธรณ์จะเปลี่ยนแปลงแก้ไข  พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น  จำเลยยื่นฎีกา ขอให้ศาลลดโทษด้วย 

ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือเเล้วเห็นว่า  พฤติการณ์ของจำเลยกระทำอย่างอุกอาจ ในห้างสรรพสินค้าอันเป็นที่สาธารณะ กระทำต่อผู้บริสุทธิ์มีคนตายบาดเจ็บหลายคน รวมถึงคนที่ไม่เกี่ยวข้องด้วย อันเป็นพฤติการณ์อุกอาจโหดเหี้ยมอันตรายร้ายแรงผิดมนุษย์ จำเลยเป็นถึง ผอ.รร.ควรมีจิตสำนึกที่ดี ให้สมกับมีอาชีพเป็นครู ควรประพฤติตัวให้เป็นเยี่ยงอย่าง กลับกระทำอย่างอุกฉกรรจ์ ที่จำเลยขอปรานีให้ลดโทษจึงไม่มีสมควร ที่ศาลอุทธรณ์ลงโทษประหารชีวิต ศาลฎีกาเห็นพ้องพิพากษายืน