กรณีหนุ่มรายหนึ่งส่งข้อความร้องเรียนเข้ามาที่เพจโหนกระแส อ้างไปซื้อน้ำแข็ง เจอเจ้าถิ่นนั่งกินเหล้า เรียกเข้าไปหา ก่อนจะวิ่งกรูกันเข้ามาจะทำร้ายร่างกาย จนเจ้าตัวต้องวิ่งหนีเข้าบ้านไป คู่กรณีไม่จบ ตามมาทำร้ายพ่อถึงในบ้าน กระทืบลูกชายอายุ 12 ปี ขณะที่คู่กรณีชี้แจง เหตุเริ่มจากพ่อของหนุ่มรายดังกล่าว ที่เข้ามาหาเรื่องก่อน รายการโหนกระแส ได้เปิดใจสัมภาษณ์ ศาสตรา ผู้บาดเจ็บ มาพร้อม ธนู พ่อของศาสตรา ที่ได้รับบาดเจ็บ และ ทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล
ศาสตราทำอาชีพอะไร?
ศาสตรา : ทำงานส่งพัสดุครับ
เล่าเรื่องราวที่คุณส่งมา ตอนนี้เป็นข่าวแล้ว?
ศาสตรา : วันที่ 14 เม.ย. ผมกลับบ้าน ซื้อกับข้าวไปให้ลูก ลูกสาวบอกว่าน้ำแข็งหมด ผมก็เลยลุกไปซื้อน้ำแข็งร้านค้าประจำ ตอนนั้นร้านค้าปิด เผอิญวัยรุ่นที่นั่งอยู่ 4 แยกเขาก็เรียกผม ตอนเช้าเขายังคุยกับผมดีๆ อยู่เลย ผมก็คิดว่าในฐานะที่รู้จัก ผมก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์เข้าไป เขาลุกขึ้นมาดูแล้วไม่ได้มาดีแน่ พอผมเข้าไป ผมก็ถามว่ามีอะไรกับกูหรือเปล่า ก็ลุกฮือมากันเลย
คุณดึงคัตเตอร์ออกมา?
ศาสตรา : ผมเห็นว่าเขาเหมือนไม่ประสงค์ดี ก็ดึงคัตเตอร์ออกมา แล้วก็วิ่งเลย ผมสู้แต่ 10 กว่าคนสู้ไม่ได้ ผมต้องหนี หันไปเขาถือขวดตามมาเลย
เปิดคลิป ร้านขวามือปิด คุณจะมาซื้อน้ำแข็งร้านนี้?
ศาสตรา : ใช่ครับ ผมก็จะไปเลี้ยวซ้ายมือ จะมีอีกร้าน
แต่คุณมุ่งไปเลยนะ?
ศาสตรา : เขาเรียกผม มันไม่ได้ไกลกัน
พอขี่ไปปุ๊บ เขาลุกขึ้นมาเลย คุณชักมีดหรือยัง?
ศาสตรา : ยังครับ ผมก็ทิ้งรถเลย แล้วถอยหลัง ยังไม่วิ่งเพราะคิดว่าเขาจะคุย เขาก็ถือขวดเขวี้ยงใส่ผม ผมก็วิ่ง เขาหยิบขวดปา
จากนั้นไปไหนต่อ?
ศาตรา : ผมวิ่งเข้าบ้าน เกือบ 20 เมตร เข้าบ้านก็ปิดประตูรั้ว เขาก็พังประตูรั้วเข้าไป เขาเข้ามากระทืบผมเลย ทีแรกปิดรั้วนะครับ
คนที่ยืนอยู่หน้าประตูรั้วเขามาทำอะไร?
ศาสตรา : ผู้หญิงสองคนช่วยห้าม บอกว่าอย่าเข้าไปเลย เขาเข้ามาก็ทุบผม หัวโนหมด ตามองไม่ค่อยเห็น
มีใครโดนอะไรอีกบ้าง พ่อโดนมั้ย?
ธนู : ผมเพิ่งกลับมาเจอลูกกำลังถูกทำร้าย ผมกำลังถึงประตูพอดี เขาก็รุมสกรัมผม คนนึงรัดผม อีกสองคนต่อยเอาหินทุบผม ดั้งหัก ผมทรุดไปแล้วทำอะไรไม่ได้
ศาสตรา : ผมก็ไปดึงพ่อเข้าบ้าน
แม่โทรตามพ่อให้มาช่วย?
ศาสตรา : แม่โทรตามพ่อให้มากินข้าว
ธนู : ผมไม่รู้ว่าเขามีเรื่องกัน มาถึงบ้านก็เห็นลูกถูกทำร้ายอยู่เลย พ่อก็โดนปลายคางร่วงเลย
ลูกคุณล่ะ?
ศาสตรา : ลูกบอกว่าอย่าทำปู่เลย ก็เตะลูกผมกระเด็นเลย ลูกอายุ 12 (ร้องไห้) เขาทำร้ายในรั้วบ้านผมเลย
เขาเตะลูกชายคุณเข้าฝา พ่อกลับมาที่บ้านเพราะเมียโทรตามให้มากินข้าว?
ธนู : เขาก็ล้อมผมและรัดผม ล้มทั้งคนและรถ
ทนาย : ทำไมต้องพกมีดไป
ศาสตรา : มอเตอร์ไซค์ผมจะมีถุงเล็กๆ อยู่แล้ว เวลาส่งพัสดุ ซีนกาวก็ต้องตัดกระดาษอยู่แล้ว
ทนาย : ไม่ได้ไปยั่วยุ
ศาสตรา : ไม่ได้ยั่วยุ ใครจะยั่วยุ ลูกผมสองคนอยู่ในบ้าน
ทนาย : ไม่ ตอนคุณขับมอเตอร์ไซค์ไป ได้มีการปะทะวาจาหรือเปล่า
ศาสตรา : ไม่ ไม่มี ต่างฝ่ายต่างรู้จัก ตอนเช้ายังคุยกันดีๆ อยู่เลย เขาเมา

คุณแจ้งความแล้ว?
ศาสตรา : แจ้งความแล้ว ได้พี่ๆ ที่ติดตามให้ผม ขอบคุณมากเลย (ร้องไห้) พี่ที่ไปหาผมไม่เคยทิ้งผมด้วย (ร้องไห้)
มีคนออกมายืนยันว่าไม่ได้เป็นอย่างที่คุณพูด คุณรู้ใช่มั้ย?
ศาสตรา : รู้ครับ เพราะหนึ่งในนั้นก็แฟนเขานั่งดื่มเหล้าด้วยกัน
หลังศาสตราร้องมาที่โหนกระแส เรานำภาพเปิดออกไป อีกฝั่งบอกว่าไม่ใช่อย่างที่ศาสตราพูด ศาสตราบอกว่ากลุ่มนี้หาเรื่องจนตามไปถึงบ้าน แต่เขาบอกว่าปฐมบทจริงๆ คือพ่อศาสตรา ขี่มอเตอร์ไซค์ไปก่อนที่ศาสตราจะไป พ่อขี่ไปเสร็จก็ไปด่าเขาว่าเฮ้ย มึงแจกกล้วยกูเหรอ ไปหาเรื่องเขา เขาก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น?
ธนู : ผมขับกลับมาเพราะเขาเรียก ผมไม่ได้พูดอะไรเลย ไม่ได้ตอบโต้อะไรเลย
พ่อโทรเรียกศาสตราให้ออกมาหา?
ธนู : ไม่ใช่ครับ แฟนโทรมาให้กลับบ้านกินข้าว
เขาบอกพ่อโทรไปตามศาสตรา ให้ออกมาจัดการกับพวกนี้ ศาสตราเลยขี่มอเตอร์ไซค์ออกไป แต่สู้เขาไม่ได้เพราะมีหลายคน?
ธนู : ผมสาบานได้ ไม่เคยมีอะไรกับใคร
“คุณอ๊อด” อยู่ในเหตุการณ์ อยู่ในสาย เหตุการณ์วันนั้นเกิดอะไรขึ้น?
อ๊อด : ผมได้ยินข่าวมาว่าเขาจะไปฟ้องผมกับแฟนข้อหาหมิ่นประมาท ผมกับแฟนให้ข่าวไป
ศาสตรา : ผมไม่ฟ้อง ใครบอกผมจะฟ้อง
อ๊อด : อีกอย่างคุณพูดจริงมั้ยว่าผมเป็นพวกฝั่งนี้ รับเงินฝั่งนี้เพื่อมาให้ข่าว
ศาสตรา : ผมไม่เคยพูดเลย ใครพูดล่ะครับ ผมไม่ได้พูดแน่นอน
อ๊อด : ไม่ได้พูดไม่เป็นไร ในฐานะเพื่อนมันแรงไป คุณเอาความจริงมาพูด มันจะได้จบๆ กัน อยู่ในซอยด้วยกันได้ ยังไงก็ต้องเจอทุกวันอยู่แล้ว มันต้องผ่าน เอาความจริงมาพูด กฎหมายเป็นยังไงก็ให้เป็นไปตามนั้นเพื่อน จะได้จบๆ ไป
ศาสตรา : ผมจบได้ในด้านกฎหมายนะที่บุกรุกเข้ามาในบ้านผม
เหตุการณ์วันนั้นเกิดอะไร?
อ๊อด : เริ่มจากลุงเขาผ่านมา ลุงก็มอง ด้วยเหตุผลอะไรเราก็ไม่ทราบ ทางนี้ก็มีการดื่มแหละเพราะเทศกาลสงกรานต์ ด้วยความลุงเขาใส่หมวกกันน็อกด้วย เขาได้ยินอะไรยังไง ผมก็ไม่เข้าใจ แล้วลุงก็ตะโกนกลับมา
ลุงได้ยินว่าอะไร?
ธนู : ผมไม่ได้ยินว่าอะไร ผมคุยกับแฟน โทรศัพท์เสียบคุยกับแฟน แฟนผมโทรมา
พอลุงผ่านไป ลุงพูดอะไรมั้ย?
อ๊อด : ลุงผ่านไปก่อนหนึ่งรอบ แป๊บเดียวลุงวนกลับมา เขาก็มอง มองเสร็จทางนี้ก็เอ่ยขึ้นว่ามีอะไรลุง ลุงก็หันหัวปัดเข้าไป ทางนั้นก็ลุกขึ้นมา ลุงก็ขับหนีไป แล้วไปจอดหนึ่งรอบ ทางนี้ก็เดินไปหน่อย ผมไปดึงห้ามว่ามานั่งกินให้สนุกดีกว่ามีเรื่องมีราว ลุงก็ขับไปอีกหนึ่งรอบ ลุงเขาคุยโทรศัพท์ สุดท้ายศาสตราขับรถมา
ศาสตรา : ผมขับรถไปซื้อน้ำแข็งอ๊อด แต่บ้านน้ำแข็งปิด
อ๊อด : เอาให้เป็นตามรูปคดีดีกว่ามั้ย ผมจะได้ไม่ต้องพูด
ตอนเขาขี่มอเตอร์ไซค์ เขาว่าไง?
อ๊อด : เขาขับมาแล้วถามว่าใครให้กล้วยพ่อกู คนชื่อปริ้นด้วยความรู้จักกัน ก็บอกว่ากูเอง เอ็งจะทำไม จะมีเรื่องเหรอ แล้วศาสตราก็ควักมีด คนมาซื้อน้ำแข็งคงไม่ต้องพกคัตเตอร์มามั้ง เอาตามความเป็นจริงเพื่อน
ศาสตรา : คัตเตอร์เอาไว้กรีดพัสดุอยู่แล้ว
อ๊อด : แล้วทำไมไม่ไว้ใต้เบาะล่ะ
ศาสตรา : รถผมมีกระเป๋าหน้าครับ
อ๊อด : รถคุณผมเป็นคนขับไปคืนคุณที่บ้าน
ศาสตรา : กระเป๋ามีอยู่หน้ารถนะครับ มีคัตเตอร์อยู่
อ๊อด : มีเรื่องเพื่อนมีเวลาหยิบเหรอ
ศาสตรา : ก็คุณมาขนาดนั้น ประสงค์ดีกับผมเหรอเปล่าล่ะ
อ๊อด : ผมประสงค์ดี ถ้าไม่ดีผมจะขับรถไปคืนคุณที่บ้านเหรอ
ศาสตรา : อ๊อดห้ามผมเข้าใจ ผมไม่ได้ว่าอะไรอ๊อดเสียๆ หายๆ
ศาสตราถามก่อนว่าใครแจกกล้วยพ่อกู กลุ่มนี้เลยลุกฮือขึ้นมา ศาสตราก็ชักมีดออกมา ฝั่งคุณเลยเดินตามมา แล้วตามไปที่บ้านมีคนบุกเข้าไปในบ้านเขาแล้วกระทืบเขามั้ย?
อ๊อด : ผมคือคนยื้อยุดฉุดกระชากคนถอดเสื้อ เข้าบ้านมี แต่ตอนนั้นยังไม่ได้เข้า เป็นการโต้เถียงกัน คุณถ่ายคลิปหรือถ่ายรูปไว้อยู่ พี่ผู้หญิงก็มาช่วยผมห้าม
ศาสตรา : แล้วมีคนเข้าบ้านผมมั้ย เอาตามความจริง
อ๊อด : ไอ้เข้าก็ตามเหตุการณ์รูปคดี คุณจะไปอะไรนักหนาเล่า ไม่งั้นมันไม่จบ มันกลายเป็นเรื่องใหญ่โตไปแล้ว
ถ้ามีการอนุมาน น่าจะมีการเข้าไปและทำร้ายเขาถูกมั้ย?
อ๊อด : ครับ
ทนาย : ตกลงลุงธนูว่าอะไรในกลุ่มตอนขับรถไปหรือเปล่า
อ๊อด : เป็นการมองกันในเบื้องต้นครับ
ลุงไม่ได้มีการพูด แต่ใช้สายตา?
อ๊อด : จากบ้านเขาเดินไปก็ถึงร้านค้าแล้วครับ
คิดว่าศาสตราตั้งใจไปหาเรื่องและเอาคืนแทนพ่อ ถูกมั้ย?
อ๊อด : หาเรื่องคงไม่ใช่หรอกพี่ ผมถามหน่อยการที่คนเรานั่งเป็นกลุ่ม เป็นพี่หนุ่มกล้าเข้าไปเหรอครับ เรียกเข้าไปจุดประสงค์อะไรก็ไม่รู้ เรียกเข้าไปก็เอาไม่อยู่ อยู่แล้ว เป็นผมก็ไม่กล้าเข้าไป
ศาสตรา : คนรู้จักกันก็ไปอยู่แล้ว คิดว่าเขาประสงค์ดีอยู่แล้ว
อ๊อด : ไม่คิดว่าคนรู้จักกันจะลุกขึ้นมาต่อยคุณเหรอ ที่ผมมาให้ข่าวคือมันแรงเกินไป คุณบอกว่าเขาไปเตะลูกคุณ
แล้วมีเตะมั้ย?
อ๊อด : ไม่มีหรอกครับ พยานบุคคลในละแวกนั้นยืนกัน 10-20 คน จะไม่มีใครมาเป็นพยานให้เขาเลยเหรอ ทั้งผู้หญิงที่ยืนอยู่ ไม่มีสักคนที่บอกว่าไปเตะเด็กเหรอ
ศาสตรา : แล้วเด็กแขนบวมได้ไง
อ๊อด : ก็ผมบอกอยู่นี่ไง ผมไปช่วยห้าม ตอนพ่อคุณอยู่หน้าประตูจะเข้าบ้านเขาร้องช่วยปู่เขา มันมีกรณีรถล้มกับประตูกระแทกแขนลูกคุณ
ธนู : เป็นไปไม่ได้
อ๊อด : จะเป็นไปไม่ได้ได้ไง แล้วเรื่องพ่อคุณจบจากเหตุการณ์ที่คุณโดนทำร้ายแล้ว
ศาสตรา : ก็ผมไปดึงพ่อผมออกมาไง แล้วถามเด็กหรือเปล่าว่าใครทำ
อ๊อด : ผมบอกเลยนะถ้าคุณยังเป็นอย่างนี้ ผมให้เยอะกว่านี้อีกนะ มันแรงเกินไป ไหนจะคุณบอกว่าทรัพย์สินคุณหายอีกเยอะเลย

อะไรหายบ้าง?
ศาสตรา : พระ พ.ศ. 15 ราคาผมตีไม่ได้ ของตาผมให้ไว้ แล้วก็หน้าจอโทรศัพท์ลูกผมร้าวหมดเลย
มีสาย “คุณเหมียว” แม่ค้าละแวกนั้น โทรศัพท์เข้ามา?
เหมียว : อยู่ในเหตุการณ์ค่ะ
ตกลงมันยังไงกันแน่?
เหมียว : อย่างที่เคยเล่าไปในรายการ คือพ่อเขาขี่รถมา หนูยืนอยู่ตั้งแต่ต้นเลยค่ะ พ่อเขาขี่มา พวกนี้กินเหล้าเฮฮา กินกันตลอดอยู่แล้วในวันสงกรานต์ เสียงก็โวยวายอยู่แล้ว วันนั้นลุงแกขี่มา ลุงแกขี่มาบอกว่ามีคนเรียกวิน ตอนนั้นไม่มีใครเรียกค่ะ มีแต่คนกินเหล้า ลุงก็ชะลอๆ มองหน้าพวกนี้ พวกนี้ก็ถามว่าลุงมีอะไรหรือเปล่า ลุงก็ชะลอมองหน้าๆ เหมือนหาเรื่อง ยืนยันว่าทางนี้ไม่ได้หาเรื่องก่อน ที่เขาบอกว่ามาซื้อน้ำแข็ง ซื้อตรงไหนคะหนูอยากถาม เขาขี่รถมาจอดถึงคร่อมรถถามว่าใครให้กล้วยพ่อกูวะ พี่ปริ้นก็ลุกขึ้นไปบอกว่ากูเอง มีอะไร นั่นก็ชักมีดเด้งดึ๋งขึ้นมา ไม่ใช่คัตเตอร์นะคะพี่
ศาสตรา : คัตเตอร์ พี่ก็ไม่ใช่ฮีโร่เวลามีเรื่องจะได้เข้าไปคนเดียว
เหมียว : พี่ก็พูดความจริงไปเถอะ พี่กล้าสาบานต่อหน้าศาลหลักเมืองมั้ย
ศาสตรา : กล้าสาบาน
เหมียว : คนในซอยที่เห็นมีเป็นสิบๆ ตา เขาก็กล้ามายืนยันเหมือนกัน
ยืนยันว่าอะไร?
เหมียว : สิ่งที่หนูพูดเป็นความจริง ไม่มีโกหก ตอแหลค่ะ
จากนั้นยังไง?
เหมียว : เขาก็ถอยหลังหนีไป แล้วก็ด่าพ่อล่อแม่พวกนี้ พอถึงหน้าบ้านพี่ก็ด่าพ่อแม่เขา ใครจะอดใจไหวคะ
ศาสตรา : เป็นไปไม่ได้ที่ผมจะชักศึกเข้าบ้าน ลูกผมยังเล็กอยู่
คุณเหมียวเขาจะใส่ร้ายคุณทำไม?
ศาสตรา : ผมไม่รู้ เขานั่งกินอยู่ด้วยกัน
เหมียว : หนูไม่เคยโกรธเกลียดเขา หนูต้องการความถูกต้อง ไม่ใช่บอกแต่ละช่องไม่เหมือนกัน บอกช่องนึงว่าทางนี้เตะลูกพี่ บอกอีกช่องว่าทางนี้ยกลูกพี่ทุ่มบ้าง แล้วพี่จะมาบอกว่าพวกหนูรับสินบนทางนี้ไม่ได้
คุณเหมียวไม่มีแฟนอยู่ในกลุ่มนั้นใช่มั้ย?
เหมียว : แฟนหนูชื่ออ๊อดค่ะ ถ้าจะเอาหลักฐาน คนในนี้มีทั้งหมด บอกพระหายเงินหาย คนก็เป็นพยานบอกได้เพราะพี่ชูให้เขาเห็นว่าสร้อยยังอยู่
ศาสตรา : สร้อยยังอยู่ แต่พระหาย
เหมียว : แล้วใครจะกระชากพระพี่
ศาสตรา : แล้วพวกนั้นเข้ามาในบ้านผมหรือเปล่า
เหมียว : แล้วเกี่ยวอะไรกับพระหาย พี่เป็นคนชูให้ชาวบ้านแถวนั้นเห็นว่าสร้อยพี่อยู่
ศาสตรา : ผมพูดกับใครล่ะ คุณอุปโลกน์ขึ้นมาเองคุณเหมียว
เหมียว : ถ้ามาสำรวจในหมู่บ้านจะรู้ เขาจะบอกความจริงพี่ยังไง
เหมียวยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนที่ไปไล่ชกต่อยเขา อ๊อดเป็นแฟนคุณ เหมียวไม่เคยทำร้ายคุณ แต่วันนี้สิ่งที่เหมียวพูดคือการยืนยันข้อเท็จจริงว่าเกิดแบบนี้จริงๆ เหมียวมีเหตุผลอะไรต้องไปใส่ร้ายคุณ?
ศาสตรา : คนที่ผมบอกไป เข้าบ้านผมทำร้ายผมจริงมั้ย
เหมียว : เขาทำร้ายเพราะพี่ไปด่าพ่อล่อแม่เขา
ศาสตรา : ผมจะด่าเขาเรื่องอะไร
เหมียว : ข้างบ้านยังได้ยินเสียงพี่ด่าอยู่เลย ชักชวนให้เขาเข้ามา
ศาสตรา : ไม่มีหรอก ลูกผมก็อยู่ในบ้าน คุณเอาหลักฐานมายืนยันแล้วกันว่าผมด่าพ่อด่าแม่
เหมียว : พี่ก็ดูหลักฐานกันเอาเอง หนูพูดด้วยความสัตย์จริง
ศาสตราเดือดมั้ย?
ศาสตรา : ไม่เดือด ไม่ขึ้นครับ
ทำไมร้องไห้บ่อย?
ศาสตรา : ผมเสียใจที่เขาทำร้ายลูกผม
เขาบอกเขาไม่ได้ทำ?
ศาสตรา : ทำครับ พ่อผมดั้งหัก พ่อผมโขกเสาเองเหรอครับ
เหมียว : แล้วถามหน่อย ใครเป็นคนตบลูกเขาคะ
ศาสตรา : คนชื่อปริ้นกับโอ๊คเตะ ถามเด็กดู เด็กเห็น
เหมียว : เด็กลูกพี่ พี่จะสอนเขายังไงก็ได้ ให้คนเอาเด็กไปสอบได้มั้ยล่ะคะ
อ๊อดอยู่กับเฟียส ถามเฟียสให้หน่อย วันนั้นมีคนเข้าไปทำร้ายร่างกายเด็กมั้ย?
อ๊อด : เฟียสไม่อยู่ในเหตุการณ์ครับ
คนเข้าไปคือใคร?
อ๊อด : เรื่องของเรื่องการเข้าบ้านเป็นคดีแล้ว พวกนี้ก็โดนข้อหาร่วมกันบุกรุกทำร้าย ก็มีอยู่แล้ว แต่เรื่องการทำร้ายเด็กไม่มีหรอกครับ อย่างที่ผมบอกไป ถ้าเขาทำร้ายเด็ก คน 10-20 ตา เขาไม่เห็นกันเลยเหรอ
ศาสตรา : ก็พวกของคุณทั้งนั้น
อ๊อด : คนข้างบ้านคุณ คนอยู่ตรงข้ามบ้านคุณนะ นี่เป็นพวกเราเหรอ
กรณีศาสตรา ร้องสื่อ ไปซื้อน้ำแข็งถูกเจ้าถิ่นนั่งกินเหล้าเรียกเข้าไปหา และจะทำร้ายร่างกาย ทำให้ศาสตราเอาคัตเตอร์มาขู่ ก่อนหนีเข้าบ้าน คู่กรณีเข้าไปในบ้านเตะลูกชายติดกำแพง พ่อกลับมาพอดีโดนคนกลุ่มนี้กระทืบดั้งหัก ขณะที่อ๊อดอยู่ในที่เกิดเหตุพยายามห้ามปราม พร้อมเผยว่าเรื่องของเรื่องเป็นเพราะพ่อศาสตราขี่มอเตอร์ไซค์วินเอาหัวปักไปหาเขา แล้วถามว่าแจกกล้วยกูเหรอ?
ธนู : ไม่ใช่ ไม่ได้ยืนมอง ผมขี่กลับไปวิน ตอนไปก็เลี้ยวซ้ายไปก่อน กลับมาเพราะเขาเรียก คิดว่าเรียกรถโดยสาร
ตอนนี้ฝั่งโอ๊ค-ปริ้นเขาบอกว่าเขายอมรับผิด ในมุมเข้าไปในบ้านทำร้ายร่างกาย ก็ว่ากันไปตามกระบวนการ สองเขายืนยันว่าเขาไม่ได้เตะลูกคุณ ก็ต้องไปต่อสู้กันว่าทำหรือไม่ทำ แต่ประเด็นที่อยากพูด เขาบอกปฐมเหตุเกิดจากคุณที่คุณไปหาเรื่องเขา?
ศาสตรา : ผมจะไปหาเรื่องเขาได้ไง ผมคนๆ เดียว
เหมียว : หนูอยู่ในเหตุการณ์ ก็พูดไปตามเหตุการณ์
ศาสตรา : ก็ไม่ได้ว่า ไม่ได้โกรธ เพราะเหมียวก็เป็นพวกเดียวกัน ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการในชั้นศาลก็แล้วกัน
ทนาย : วันนั้นคุณเหมียวได้ยินที่ศาสตราพูดว่าใครเป็นคนให้กล้วยพ่อกู
เหมียว : ใช่ค่ะ หนูยืนอยู่ปากซอยบ้านหนูเลย
ทนาย : จุดเริ่มต้นแตกต่างกัน อีกฝ่ายบอกด่า อีกฝ่ายบอกไม่ได้ด่า แต่จุดที่เหมือนกันคือมีการทำร้ายร่างกาย บุกรุกไปในบ้านเขา
เหมียว : ค่ะ
ทนาย : ถ้าพูดประเด็นกฎหมายสั้นๆ กรณีผู้ก่อเหตุคือฝั่งทำร้าย จะอ้างบันดาลโทสะก็เป็นเรื่องที่ต้องไปว่ากันอีกที เพราะถูกข่มเหงอย่างร้ายแรงเกิดจากที่ตัวศาสตราไปด่า สมมตินะ มันก็เป็นอีกเรื่องนึง แต่มันขาดตอนไปแล้ว เมื่อศาสตราวิ่งเข้าบ้าน ตรงนั้นมันจบไปแล้ว ต้องนับเหตุการณ์ใหม่คือมีการทำร้ายร่างกาย บุกรุก ทำให้เสียทรัพย์ ลักทรัพย์ หรือกรณีต่างๆ นานา ก็เป็นอีกเรื่องนึง บุคคลที่เข้าไปก็เป็นตัวการร่วม ต้องมาไล่กัน จุดเริ่มต้นต่างกันก็ว่ากันไป แต่ปลายทางเกิดเหตุความเสียหายเกิดขึ้น นี่คือข้อกฎหมาย ลุงอายุ 50-60 แล้ว ก็สงสัยว่าถ้าลุงจะเป็นฝ่ายก่อเรื่อง ลุงได้มีการว่าเขาก่อนมั้ย
ธนู : ไม่มีครับ ผมเลี้ยวซ้ายไป
เหมียว : ลุงเขาไม่ด่าหรอกค่ะพี่ เขาชะลอมองหน้าค่ะ ทางนี้เขากินกันอยู่ เขาก็รู้ เขาก็ชะลอๆ แทนที่ขี่วินแล้วจะขี่ไปเลย แต่คุณไปบอกลูกคุณ
ทนาย : การที่เขาชะลอ ก็ไม่ได้มีเรื่องของการกระทำ
เหมียว : เขามองหน้าหาเรื่องค่ะพี่ ต้องมาถามในชุมชน ว่าเขาเป็นอย่างนี้กันหรือเปล่า หนูถามหน่อยครอบครัวเขามีใครเป็นพยานมั้ยคะ แต่ฝั่งนี้เป็นฝ่ายบุกรุก แต่ทำไมพยานเต็มซอย
ทนาย : กรณีพยานไม่พยาน อยู่ที่ว่าความเสียหายมันอยู่ตรงไหนด้วย พยานบางเหตุการณ์ พยานเยอะก็จริง แต่การกระทำบางเหตุการณ์ไม่ต้องมีพยานก็ได้ครับ
เหมียว : แต่หนูว่าความเสียหายของเขาไม่ได้เยอะขนาดนั้น
ทนาย : แล้วแต่ เขาอ้างว่ามีการลักทรัพย์ ขโมยพระเขาไป ก็ไปว่ากัน ส่วนเด็กที่ถูกทำร้ายร่างกาย เด็กได้รับผลยังไงต้องดูบาดแผล เดี๋ยวจะมีสหวิชาชีพมาดูอีกที บาดแผลนี้ถูกรถทับ ประตูทับ หรือเท้าเตะ มันดูได้อยู่แล้วครับ
เหมียวกับอ๊อดไม่ได้เกี่ยวข้องเลย?
เหมียว : ใช่ค่ะ แต่อยู่ในเหตุการณ์ หนูขายของตรงนี้ตลอด

จะมองหน้ากันติดมั้ย?
เหมียว : เราไม่มีปัญหากับใครอยู่แล้ว เราเป็นคนทำมาหากิน หาเช้ากินค่ำ ลูกหนูเล็กต้องขายของ
ศาสตรา : เขาขายก๋วยจั๊บ ก็ไปซื้อกิน ไม่เคยทะเลาะอะไรกันกับอ๊อดกับเหมียว
เหมียว : เขาก็มาซื้อกินนั่นแหละ หนูไม่ได้มีอะไรกัน แค่อยากให้เอาความจริงมาพูด ไม่ใช่ว่าช่องนั้นอีกเรื่องนึง ช่องนี้อีกเรื่องนึง
ตอนนี้ผู้สื่อข่าวช่องนึงแจ้งมาว่าเขาเข้าใจผิดเอง มุมคุณเองจะเอายังไงต่อไป?
ศาสตรา : ก็สู้กันไปตามรูปคดีครับ
เหมียว : ถ้าพี่อย่างนี้ตั้งแต่แรกก็จบแล้ว จริงมั้ย พี่ไม่ต้องร้องสื่อมากมายหรอก มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรมากเลย
ศาสตรา : ก็ไม่ใช่พ่อเหมียว เหมียวไม่รู้สึกอะไรมากมายหรอก
เหมียว : หนูรู้สึก หนูสงสารลูกพี่ตอนพี่ทำลูก
ศาสตรา : ทำลูกอะไร พี่ดันลูกเข้าไปในบ้านไม่ให้ออกมา แล้วไม่ใช่พ่อเหมียวดั้งหัก เหมียวก็ไม่รู้สึกหรอก ถ้าพ่อเหมียวดั้งหัก เหมียวจะรู้สึกยังไง
เหมียว : ทุกคนก็เสียใจหมดแหละพี่
ศาสตรา : ก็ว่ากันไปตามนั้น
เหมียว : ก็ต้องตามจริงทุกอย่างสิคะ
ทนาย : ศาสตรากับคุณพ่อใจเย็นๆ บางอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน
ตอนนี้กลับไปจะทำยังไง?
ศาสตรา : ผมก็ต้องทำมาหากินปกติ
ธนู : ผมวิ่งวินทุกวัน
ศาสตรา : ก็ให้เป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมาย
เขาแค่อยากให้คุณยอมรับว่าปฐมเหตุคือคุณไปหาเรื่องเขาก่อน?
ธนู : ผมไม่ได้หาเรื่อง ไปถึงสี่แยก ต้องเลี้ยวต้องดูขวาดูซ้ายมั้ย
เหมียว : ทุกทีลุงวิ่งผ่านตรงนี้ ลุงวิ่งไปเลยนะคะ หนูอยู่ทุกวัน หนูเห็นลุงก็วิ่งไปเลย
ธนู : พูดความจริงหน่อยสิหนู
เหมียว : สาบานกับหนูมั้ย
ธนู : เอาสิ สาบานได้อยู่แล้ว
เหมียว : ไปเลยค่ะ ศาลหลักเมืองเลยนะคะ
ธนู : โอเค ไปเลย ศาลหลักเมือง
กินก๋วยจั๊บร้านเขาต่อมั้ย?
ธนู : ไม่กินแล้ว
เหมียว : ไม่ต้องกินค่ะ หนูไม่ขาย ไม่อยากได้เงินของคุณเขา
ศาสตรา : ผมก็จะไม่ซื้อแล้วครับ
ทนาย : ช่วยไปบอกฝั่งโน้นใจเย็นๆ กันเถอะครับ เพราะบางคดียอมความกันได้
