"เศรษฐา"ปราศรัยหนองคาย ชูพักหนี้เกษตรกรทั้งต้นทั้งดอก 3 ปี รายได้เกษตรกรเพิ่ม 3 เท่าใน 4 ปี
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 21 เม.ย. 66 ที่ จ.หนองคาย แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นายพานทองแท้ ชินวัตร ที่ปรึกษาศูนย์ปฎิบัติการเลือกตั้ง ส.ส.พรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย นายจาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการพรรคเพื่อไทย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้สมัครสส.บัญชีรายชื่อพรรค พร้อมด้วย นายกฤษฎา ตันเทอดทิตย์ ผู้สมัครส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย เขต 1 เบอร์ 6 เดินตลาดตลาดโพธิ์ชัย อ.เมือง จ.หนองคาย เพื่อพบปะพ่อค้าแม่ค้า และพี่น้องประชาชนที่มาเดินจับจ่ายซื้อของในช่วงเช้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างเดินหาเสียงในตลาดนายเศรษฐาได้แวะนั่งดื่มโอเลี้ยงร่วมกับประชาชนที่นั่งอยู่ ระหว่างนั้นคุณลุงท่านหนึ่งพูดขึ้นมาว่า Wโต๊ะตัวนี้ นายกฯทักษิณ เคยมานั่ง นายกฯจากพรรคเพื่อไทยต้องมานั่งโต๊ะนี้ และวันนี้ นายกฯเศรษฐาก็มานั่งW ทั้งนี้ พื้นตรงนี้จะเป็นที่ที่ประชาชนชาวหนองคายจะมานั่งพูดคุยแลกเปลี่ยนปัญหาสังคม และการเมืองกันทุกเช้า ถือเป็นสภากาแฟย่อมๆ แห่งหนึ่งของอำเภอเมืองหนองคายเลยก็ว่าได้ ขณะที่ พ่อค้าแม่ค้าต่างพากันเรียก "นายกฯเศรษฐา ๆ ๆ ๆ” ตลอดทางที่เดิน ทำให้นายเศรษฐายิ้มเขิน ผู้สื่อข่าวจึงแซวว่า "เขินไหมคะ" ซึ่งนายเศรษฐา ตอบว่า "เขินครับ เขินมาก"
ต่อมาพรรคเพื่อไทยเปิดเวทีปราศรัย ที่ลานตลาดหน้าโรงแรมราชาโฮเทล แอนด์ รีสอร์ท อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย โดยมีประชาชนเข้ารับฟังการปราศรัยเต็มพื้นที่กว่า 5,000 คน
นายเศรษฐา กล่าวว่า เป็นครั้งแรกที่ได้มาพบปะคนหนองคาย ส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร ล้วนมีรายได้ลด รายจ่ายสูง พรรคเพื่อไทยจึงมีนโยบายให้พี่น้องประชาชนกลับมาอยู่ดีกินดี ด้วยนโยบายสร้างรายได้จากการเกษตรโตขึ้น 3 เท่าในเวลา 4 ปี พร้อมนำสินค้าไปเปิดตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศ ใช้ปุ๋ยอินทรีย์ราคาถูกลง เพื่อให้มีรายจ่ายลดลง เมื่อเก็บพืชผลทางการเกษตร จะมีรายได้สูงขึ้น พรรคเพื่อไทยไม่ได้ขายฝัน เราคิดใหญ่ ทำเป็น ในอดีต เราเคยทำนโยบายที่โดนใจประชาชนมาโดยตลอด ทำสำเร็จมาแล้ว และจะทำอีกครั้ง เรามีทีมบริหารที่มีความชำนาญทำให้พี่น้องอยู่ดีกินดี ยกตัวอย่างราคายางพาราในยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กิโลกรัมละ 80 บาท ไม่ใช่ 3 กิโลกรัม 100 บาท เหมือนทุกวันนี้ พร้อมย้ำนโยบาย ไม่ท่วม-ไม่แล้ง เพิ่มพื้นที่ชลประทาน 15 ล้านไร่ภายใน 4 ปี มากกว่า 10% ของพื้นที่เพาะปลูก ไม่ต้องขาดแคลนน้ำอีกต่อไป พร้อมทำแก้มลิงและฟลัดเวย์ ป้องกันน้ำท่วม และจะพักหนี้เกษตรกร 3 ปี ทั้งต้นทั้งดอก เมื่อมีรายได้สูงขึ้น รายจ่ายลดลง จึงค่อยมาใช้หนี้กัน
นายเศรษฐายังเน้นย้ำนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท สำหรับคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป เป็นนโยบายที่โดนใจและได้รับความสนใจจากพรรคการเมืองอื่นอย่างมาก นโยบายเกณฑ์ทหารแบบสมัครใจ ให้ชายไทยมีอิสรภาพในการประกอบอาชีพ ยกระดับการปราบปรามยาเสพติดเป็นวาระแห่งชาติ ทำให้หมดไปใน 1 ปี เปลี่ยนผู้เสพเป็นผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาดูแล จับกุมผู้ผลิตและผู้ค้า พร้อมทำให้กลไกการยึดทรัพย์ผู้กระทำผิด รวดเร็ว ฉับไวขึ้น และนายกรัฐมนตรีจะต้องนั่งหัวโต๊ะเป็นเจ้าภาพ ในการจัดการให้สิ้นซากไปจากพี่น้องประชาชน นโยบายทั้งหมดที่พูดมาจะเกิดขึ้นได้ ขอเพียงพี่น้องชาวหนองคายเลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ทั้ง 3 เขต เลือกทั้งคนทั้งพรรค เพื่อให้พรรคเพื่อไทยได้เข้ามาทำหน้าที่เพื่อพี่น้องประชาชนให้เป็นจริง