โฆษกรัฐบาลเผยนายกฯ กำชับ สทนช. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ติดตามประเมินพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำไทยมีแนวโน้มเข้าสู่ "เอลนีโญ" เดือน ก.ค.
เมื่อวันที่ 18 เม.ย. 66 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กำชับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมทรัพยากรน้ำ กรมอุตุนิยมวิทยา การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) กรมส่งเสริมการเกษตร กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ติดตามประเมินพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำอย่างต่อเนื่องใกล้ชิด เพื่อเตรียมการพร้อมรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกักเก็บน้ำต้นทุนที่เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับการอุปโภคบริโภคของประชาชน การทำเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และการรักษาระบบนิเวศ ให้มีเพียงพอต่อความต้องการในแต่ละกิจกรรม รวมถึงการเตรียมการวางแผนบริหารจัดการน้ำต้นทุนในฤดูฝน และสำรองไว้ใช้ในหน้าแล้ง เพราะประเทศไทยมีแนวโน้มเข้าสู่สภาวะเอลนีโญ เดือน ก.ค. นี้
นายอนุชา กล่าวต่อว่า จากข้อมูลของ กอนช. ระบุว่าแหล่งน้ำทั่วประเทศในปัจจุบันมีปริมาณน้ำ 50,022 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) คิดเป็น 61 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งในจำนวนนี้เป็นปริมาณน้ำใช้การ 25,865 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 45 เปอร์เซ็นต์ โดย กอนช. คาดการณ์ปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ 35 แห่ง ณ วันที่ 1 พ.ค. 2566 จะมีปริมาณน้ำ 41,660 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 59 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงต้นฤดูฝนปีนี้ จะมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่เสี่ยงปริมาณน้ำใช้การน้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ จำนวน 11 แห่ง อาทิ เขื่อนจุฬาภรณ์ เขื่อนอุบลรัตน์ เขื่อนสิริกิติ์ ขณะที่การปลูกพืชฤดูแล้งพบว่า ปัจจุบันยังไม่มีการเพาะปลูกเกินแผน และมีบางพื้นที่ดำเนินการเก็บเกี่ยวแล้ว โดยกรมส่งเสริมการเกษตรและกรมชลประทาน ได้ขอความร่วมมือแต่ละจังหวัด เพื่อประชาสัมพันธ์ไม่ให้มีการทำนาปรังรอบที่ 2