รองโฆษก ตร. เตือน "น้องกี้-ผู้"สวมหมวกกันน็อกทุกครั้งก่อนออกเดินทาง ไม่ว่าใกล้แค่ไหน ชี้สถิติทุก 1 ชม.มีคนตาย 1 คน จากการขี่ จยย.
เมื่อวันที่ 13 เม.ย.66 พ.ต.ท.หญิง ดร.ณพวรรณ ปัญญา รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ขอเตือนผู้ขับขี่และคนซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ ให้สวมหมวกนิรภัยตามกฎหมายทุกครั้งเพื่อลดความเสี่ยงจากการบาดเจ็บและการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ อัตราโทษสำหรับการไม่สวมหมวกนิรภัย ปรับสูงสุดถึง 2,000 บาท ชักชวนให้มีการแข่งรถในทาง จำคุกสูงสุด 6 เดือน ปรับสูงสุด 20,000 บาท แข่งรถในทาง จำคุกสูงสุด 3 เดือน ปรับสูงสุด 10,000 บาท เมาแล้วขับ จำคุกสูงสุด 1 ปี ปรับสูงสุด 20,000 บาท ทำผิดซ้ำซ้อน เพิ่มโทษ
พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณ กล่าวต่อว่า อุบัติเหตุบนท้องถนนเป็นปัญหาสำคัญที่สร้างความสูญเสียเป็นอย่างมาก ข้อมูลจ าก ศูนย์ข้อมูลอุบัติเหตุเพื่อเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน เผยให้เห็นยอดผู้เสียชีวิตสะสมในปี 2566 (1 ม.ค.66-11 เม.ย.66) มีจำนวนสูงถึง 4,478 ราย เป็นเพศชาย 77% และเพศหญิง 23% โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงอายุ 36-60 ปี (39%) และ 25-35 ปี (21%) โดยผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนร้อยละ 79 เป็น “ผู้ขับขี่หรือผู้ซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์” ในภาพรวม ตามสถิติ ทุก 1 ชั่วโมง จะมีคนตาย 1 คน จากการขับขี่จักรยานยนต์ เนื่องในเทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง ประชาชนมีการสัญจรบนท้องถนนเพิ่มมากขึ้น ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีความห่วงใยในความปลอดภัยของประชาชน จึงขอรณรงค์และขอความร่วมมือให้ผู้ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์สวมหมวกนิรภัย โดยการสวมหมวกกันน็อกที่ได้มาตรฐาน สามารถช่วยลดความรุนแรงต่อการบาดเจ็บที่ศีรษะได้ถึง 72% ลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตได้ถึง 39% จึงมีข้อแนะนำในการเลือกหมวกนิรภัยที่ปลอดภัย ดังนี้ 1. เลือกชนิดปิดเต็มหน้าหรือชนิดเต็มใบ เพื่อปกป้องศรีษะและใบหน้าให้มากที่สุด 2. เลือกที่ได้รับรองมาตรฐานอุตสาหกรรม มีสัญลักษณ์ มอก. 3. เลือกขนาดของหมวกนิรภัยให้กระชับ พอดีกับขนาดของศรีษะ 4. เลือกสีสันสดใส มองเห็นชัดเจนแม้ในเวลากลางคืน5. เปลี่ยนหมวกใบใหม่ทุก 3-5 ปี หรือเปลี่ยนทันทีเมื่อหมวกได้รับการกระแทก
พ.ต.ท.หญิง ณพวรรณกล่าวอีกว่า พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.ได้มีความห่วงใยความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยได้สั่งการให้หน่วยปฏิบัติในพื้นที่ทั่วประเทศและกำลังพลกว่า 100,000 นาย ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน พร้อมอำนวยความสะดวกการจราจร ให้กับประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนา รวมถึงการป้องปรามไม่ให้มีการฝ่าฝืนกฎหมายการบังคับใช้กฎหมายเพื่อลดอุบัติเหตุ โดยจะปฏิบัติงานตลอดช่วงเทศกาลไม่มีวันหยุด ประชาชนสามารถแจ้งเหตุร้ายที่สายด่วน 191 หรือ 1599 ได้ตลอด 24 ชม.