"เศรษฐา" ลั่น พท.จัดการปัญหายาเสพติดไม่เอากัญชา เมิน "ไพบูลย์" ประกาศไม่จับมือ พท. ลั่น ปชช.จะตัดสินเอง
เมื่อวันที่ 10 เม.ย.66 นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย และประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย นางพวงเพ็ชร ชุนละเอียด ประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่ กทม. นายวราวุธ ยันต์เจริญ รองประธานคณะกรรมการประสานงานด้านการเมืองพื้นที่ กทม. นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย นายดนุพร ปุณณกันต์ ประธานคณะรณรงค์หาเสียง กทม. นายประภัสร์ จงสงวน ผู้สมัครส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายกวีวงศ์ อยู่วิจิตร ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตพระโขนง, เขตบางนา เบอร์ 3 ลงพื้นที่หาเสียงเขตพระโขนง เขตบางนา และเขตสวนหลวง โดยนายเศรษฐา ได้เดินทางมาลงพื้นที่ด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส เนื่องจากนายเศรษฐามีภารกิจสำคัญก่อนหน้า นั่งรถสองแถวเดินทางไปยังนิรันดร์คอนโด 93 เพื่อพบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่นิรันดร์คอนโด 93
นายเศรษฐา ระบุว่า พรรคเพื่อไทยจะจัดการปัญหากับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด เราไม่เอากัญชาแน่นอน เราจะเอากัญชาเพื่อการแพทย์อย่างเดียวเท่านั้น เพราะไม่อยากให้ลูกหลานเราโตมากับยาเสพติด นอกประเด็นนี้ เรามีนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล ใครอายุเกิน 16 ปี ได้รับหมดทุกคน 1 ครอบครัว มีกี่คนที่อายุเกิน 16 ปี ได้รับหมด ถ้ามี 5 คนก็ได้ 50,000 บาท ซึ่งต้องใช้ภายใน 6 เดือน ในรัศมี 4 กิโลเมตรจากที่อยู่ตามบัตรประชาชน พี่น้องสามารถเอาไปจับจ่ายใช้สอย ไปต่อยอดธุรกิจ และนำไปจ่ายค่าน้ำ-ค่าไฟได้ ยังไม่พอ เรายังมีนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายด้วย พี่น้องจะเดินทางได้สะดวก และประหยัดมากขึ้นและหวังว่านโยบายของเราจะโดนใจพี่น้องประชาชนนอกจากเรื่องนี้ตนยังมีเรื่องคับเค้นใจอีกประมาณ 2-3 เรื่อง เรื่องแรก คือเรื่องการเกณฑ์ทหารเพราะเพิ่งผ่านช่วงการเกณฑ์ทหารมา ซึ่งแน่นอนว่า พี่น้องทุกคนมีลูก มีหลาน มีทั้งคนที่อยากเป็นทหาร และไม่อยากเป็น ดังนั้น ถึงเวลาแล้วที่เราควรมีอิสระภาพในการเลือกว่าเราอยากเป็นหรือไม่อยากเป็นทหาร การบังคับเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และการเป็นทหารนี้ไม่ใช่การบ่งบอกว่า รักชาติ หรือชังชาติ อย่าให้เขาพูดอย่างนั้น เพราะการรักชาติไม่จำเป็นต้องเป็นทหารก็สามารถแสดงออกถึงการรักชาติได้ อีกประเด็นคือ เรื่องสมรสเท่าเทียม เรามีความรักที่หลากหลาย ดังนั้น เป็นสิทธิของเราทุกคนที่จะรักใครก็ได้ และต้องมีกฎหมายมารองรับ สมรสเท่าเทียมจะเป็นเรื่องหนึ่งที่เราจะผลักดันให้มีแน่ๆ สำหรับเรื่อง 30 บาทรักษาทุกโรคที่รัฐบาลมีการยกเลิกสถานพยาบาลที่รองรับสิทธินี้ แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาล บัตรประชาชนใบเดียวสามารถเข้ารับการรักษาได้ทุกโรงพยาบาล
ตัวแทนลูกบ้านคอนโดฯถามว่า ใครคือคนที่จะเป็นนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย นายเศรษฐากล่าวว่า พรรคเพื่อไทยมีแคนดิเดตนายกฯ 3 คน ถ้าประชาชนเห็นว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือนายชัยเกษม นิติสิริ เหมาะสม คนที่เหลือก็ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษา ซึ่งตนก็ยังมีอีกตำแหน่งหนึ่งนั่นก็คือ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ทั้งนี้ ก็ต้องขอดูผลการเลือกตั้งก่อน ตอนนี้ขอให้กา 2 ใบ ให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์ก่อน
ตัวแทนประชาชนถามอีกว่า พรรคเพื่อไทยมีแนวทางในการแก้ปัญหา PM 2.5 อย่างไรบ้าง นายเศรษฐา ตอบว่า ปัญหานี้เป็นปัญหาใหญ่ ส่งผลต่อสุขภาพของพี่น้องทุกคน พรรคเพื่อไทยมีนโยบาย เรื่องการออก พ.ร.บ.อากาศสะอาด ซึ่งเราจะมีการผลักดันใช้พลังงานทดแทน และการวางระบบขนส่งสาธารณะให้ครอบคลุม เข้าถึง เพื่ออนาคตพี่น้องจะหันมาใช้ขนส่งสาธารณะเพิ่มมากขึ้นลดปัญหาฝุ่นจากเครื่องยนต์ด้วย
ต่อมาคณะเดินทางไปยังท่าน้ำสรรพาวุธ โดยรถสองแถว พบปะพี่น้องประชาชนในพื้นที่บริเวณท่าน้ำสรรพาวุธ และรับฟังความคิดเห็นการพัฒนาพื้นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวติดแม่น้ำเจ้าพระยา
นายเศรษฐา ให้สัมภาษณ์ถึงเสียงตอบรับจากประชาชนกับนโยบายกระเป๋าเงินดิจิทัล ว่า ได้รับเสียงตอบรับดี ยิ่งโดนโจมตี พวกเราก็ยิ่งได้อธิบายเรื่อยๆ สำหรับการแจงที่มากับทาง กกต. เราส่งคำชี้แจงไปยัง กกต. เรียบร้อยแล้ว
เมื่อถามว่า หลายคนมองว่า ไม่ควรแจกเงินแบบพร่ำเพรื่อเป็นเบี้ยหัวแตก นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ใช่การแจกพร่ำเพรื่อ รัฐบาลปัจจุบันนี่แหละที่แจกพร่ำเพรื่อ 500-700 บาท หยอดน้ำข้าวต้มไปเรื่อยๆ แต่ของเรา แจกหนเดียว กระตุ้นเศรษฐกิจครั้งยิ่งใหญ่ และตรงจุดในการกระจายเม็ดเงินไปยังเมืองต่างๆด้วย
เมื่อถามว่า มีความพยายามโยงไปถึงโครงการของบริษัทแสนสิริ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่ได้เกี่ยวกันเลย SiriHub Token ก็ไม่ได้ออกโดยบริษัทแสนสิริ ซึ่งเรื่องนี้สามารถชี้แจงได้ทั้งหมด
นายเศรษฐากล่าวถึงกรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประกาศพรรคพลังประชารัฐจะไม่จับมือกับพรรคเพื่อไทย ว่า ผมไม่ทราบ ซึ่งผมไม่ทราบว่าคุณไพบูลย์คือใครด้วย ณ เวลานี้ หน้าที่ของพรรคเพื่อไทยคือเผยแพร่นโยบายให้พี่น้องประชาชน และรับฟังข้อคิดเห็นจากประชาชนเพื่อมาปรับเสริมเติมแต่งนโยบายที่มี เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากกว่า เราให้ความสำคัญกับการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. และพี่น้องประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินในวันที่ 14 พ.ค.เอง