"บิ๊กตู่" ขึ้นเวทีหาเสียง กทม.โว 8 ปีประชาชนฝากผีฝากไข้ได้ ลั่นรัฐบาลต้องมีประสบการณ์ ไม่สามารถฝากบ้านเมืองไว้กับคนที่ไม่มีประสบการณ์ทั้งชีวิตไม่เคยทำงานอะไร อ้อนเลือก รทสช.เบอร์ 22 ชี้ถ้าเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ มีนายกฯคนใหม่ โครงการดีๆ มีประโยชน์จะถูกทอดทิ้ง เปิดแผนหารายได้ 4 ล้านล้าน ภายใน 2-3 ปี
เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 7 เม.ย. ที่ลานอัฒจันทร์กลางแจ้ง สวนเบญจกิติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 1 ของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ปราศรัยหาเสียงครั้งแรกใน กทม. พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. ทั้ง 33 เขต โดยมี นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรค นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรค ร่วมปราศรัยด้วย อีกทั้งยังมีผู้บริหารพรรครวมไทยสร้างชาติ ผู้สนับสนุน และประชาชนทั่วไปเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก
พล.อ.ประยุทธ์ ปราศรัยว่า เทศกาลสงกรานต์ที่จะมาถึงในสัปดาห์หน้า เป็นการฉลองสงกรานต์อย่างเต็มรูปแบบครั้งแรกในรอบ 3 ปี หลังจากที่เราพิชิตวิกฤตโควิดได้ ซึ่งการที่ประเทศไทยเปิดประเทศ เปิดธุรกิจได้เร็ว ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ เพราะคนไทยให้ความร่วมมือ มีวินัย และรัฐบาลบริหารจัดการแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โควิดเป็นวิกฤตการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าจะเกิด โลกวันนี้และอนาคตเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน คาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เช่น สงครามยูเครนในตอนนี้ และผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ เราต้องการรัฐบาลที่มีวิสัยทัศน์ มีประสบการณ์ พร้อมที่จะทำงานให้ต่อเนื่อง เราไม่สามารถฝากบ้านเมืองไว้กับคนที่ไม่มีประสบการณ์ ทั้งชีวิตไม่เคยทำงานอะไร
แคตดิเดตนายกรัฐมนตรี รทสช. กล่าวอีกว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ มีบุคลากรที่ร่วมกันนำประเทศฝ่าวิกฤติโควิดมา เช่น นายสุพัฒน์พงศ์ พันธุ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี ม.ล.ชโยทิต กฤดากร ผู้แทนการค้าไทย และหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรค นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายอนุชา นาคาศัย และนายธนกร วังบุญคงชนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รวมทั้งหัวหน้าพรรค นายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค การบริหาราชการแผ่นดิน การแก้ปัญหาที่สะสมมานาน การเอาตัวรอดจวิกฤต ทำคนเดียไม่ได้ ต้องร่วมมือกันทุกฝ่าย ต้องอาศัยคนที่มีประสบการณ์ในการทำงานที่กว้างขวาง หลากหลายมาช่วยกัน ที่สำคัญที่สุด ต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้ว่า จะพาบ้านเมืองไปตลอดรอดฝั่ง ฝากผีฝากไข้ได้ 8 ปีที่ผ่านมา ผมได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สามารถนำพาประเทศไทยไปตลอดรอดฝั่ง ประชาชนฝากผีฝากไข้ได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ กทม. เปลี่ยนไปเยอะ ประเทศไทยเดินหน้าไปไกลแล้ว ทุกคนต้องย้อนกลับไปดูว่า 8 ปีที่แล้ว กทม. เป็นอย่างไร มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง เปรียบเทียบกับวันนี้ การเมืองไทย ถ้าเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ มีนายกฯคนใหม่ โครงการดีๆ มีประโยชน์ จะถูกทอดทิ้ง ไม่ทำต่อ ถ้าอยากให้ พรรครวมไทยสร้างชาติ ทำต่อ สิ่งที่ผมและทีมงานทำแล้ว ทำอยู่ ไม่สูญเปล่า ต้องเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ เบอร์ 22 เป็นรัฐบาล เลือกผมเป็นนายกรัฐมนตรี
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า พรรครวมไทนสร้างชาติมีนโยบายเศรษฐกิจหลักคือ การหารายได้จากต่างประเทศให้ได้ 4 ล้านล้านบาท ภายในเวลา 2-3 ปี ซึ่งมีแผนปฏิบัติการชัดเจนว่า รายได้นี้จะมาจากไหน เช่น การลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ได้แก่ ฐานผลิต รถอีวี สมาร์ทอิเล็กทรอนิกส์ การลงทุนในโครงสร้างดิจิทัล คือ ดาต้า เซ็นเตอร์ และคลาวด์ เซอร์วิส มี AWS กูเกิ้ล หัวเหว่ย ฯลฯ ตัดสินใจเข้ามาลงทุนแน่นอนแล้ว รายได้จาก ชาวต่างชาติที่มีศักยภาพ มาพำนักระยะยาวในประเทศไทย โดยรัฐบาลชุดที่แล้วได้ประกาศให้วีซ่าและใบอนุญาติทำงานอายุ 10 ปีให้กับชาวต่างชาติกลุ่มนี้
การปรับปรุงความสัมพันธ์กับซาอุดีอาระเบียซี่งครบ 1 ปี มีมูลค่าการค้ารวม 3 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 37.64% มีโครงการลงทุนด้านพลังงานอีอีซี 3 แสนล้านบาท รัฐบาลชุดที่แล้ว ได้ลงมือสร้างจุดแข็งของประเทศไทย เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ได้แก่ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ให้มีระบบโลจิสติคส์ที่มีประสิทธิภาพ การสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ทันสมัย การส่งเสริมพลังงงานสะอาด และการประกาศเป้าหมาย เป็นประเทศที่เป็นกลางทางคาร์บอนในปี 2030 แผนหารายได้เข้าประเทศ 4 ล้านล้านบาท เป็นของจริง ไม่ใช่ชายฝัน เพราะได้ลงมือทำจนเกิดผลในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และจะทำต่อ ในรัฐบาลหน้า