ควรหั่นก่อนกินมั้ย !! แพทย์เอ็กซเรย์พบแตงกวาบิ๊กบึ้มในทวารชายชาวโคลอมเบีย หลังปวดท้องหนักต้องปรี่รักษาตัวที่ รพ.
ทีมแพทย์ถึงกับงงเป็นไก่ตาแตก เมื่อชาวชาวโคลอมเบียคนหนึ่งถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล หลังมีอาการปวดท้องอย่างหนัก เมื่อเอ็กซเรย์แล้วกลับพบสิ่งของบางอย่างรูปร่างยาวใหญ่คล้ายแตงกวาที่คนทั่วไปรับประทานนอนนิ่งขวางทางอยู่ในบริเวณส่วนล่างของลำไส้ใหญ่ ใช่แล้วมันคือทวารนั่นเอง แต่ผู้ป่วยชายดันบอกหน้าตาเฉยว่ามันอาจจะเข้าไปเจริญเติบโตในร่างของเขาก็เป็นได้ โดยผ่านการกินมันเข้าไปนั่นเอง ซึ่งยิ่งทำให้ทีมแพทย์กู้ชีพพากันเกาศีรษะมึนกับคำบอกเล่าของชายผู้นี้เป็นอันมาก
ผู้ป่วยชายคนดังกล่าวที่ทางสำนักข่าวไม่อาจเปิดเผยชื่ออายุ 40 ปีผู้นี้เดินทางไปโรงพยาบาลโดยแจ้งกับพยาบาลว่าปวดท้องทรมานแทบเดินไม่ไหว โดยเจ้าตัวไม่สามารถระบุสาเหตุของอาการเหล่านั้นได้ ทางเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่งุนงงเริ่มดำเนินการตรวจสอบ สุดท้ายก็พบวัตถุแปลกปลอมขนาดใหญ่ภายในลำไส้ใหญ่ผ่านการเอ็กซเรย์
ทีมแพทย์ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่เพื่อวางยาสลบและทำการผ่าตัดผู้ป่วยชายจากเมืองบาราโนอา ประเทศโคลอมเบียรายนี้อย่างเร่งด่วน และพบว่าสิ่งแปลกปลอมนั้นคือแตงกวาจริงๆ ด้านผู้ป่วยชายยังคงยืนยันว่าแตงกวาที่แพทย์นำออกมาจากร่างเขานั้นมันเข้าไปงอกงามในร่างของเขาจริงๆ
มีการตั้งทฤษฎีไขปริศนาแตงกวายักษ์โผล่ในร่างขึ้นมาว่า เจ้าแตงกวาอาจเติบโตในระบบย่อยอาหารของเขาจากเมล็ด เนื่องจากเขากินแตงกวาที่บ้านเป็นจำนวนมาก แต่แล้วความคิดเหล่านั้นได้ถูกปัดตกไปโดยทีมแพทย์ผู้รักษา และเรื่องแปลกเรื่องนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น เคสประหลาดคาดไม่ถึงแบบนี้เคยมีมาก่อนหลายครั้งด้วยกัน ซึ่งแพทย์ก็ต้องทำหน้าที่รักษาอย่างเร่งด่วนเสมอมา
ก่อนหน้านี้ในปี ค.ศ. 2018 ชายชาวจีนก็เข้าโรงพยาบาลเพื่อมารับการรักษาจากกรณีมี "มะเขือม่วงญี่ปุ่น" อาศัยอยู่ในส่วนท้ายของเขา โดยเขาอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของการรักษาอาการท้องผูก ข่าวนี้ถูกรายงานโดยสำนักข่าว New Zealand Herald ทีมแพทย์กล่าวว่า "มะเขือม่วง" เกือบจะเข้าถึงบริเวณหัวใจของผู้ป่วยอีกด้วย ชายคนนี้อธิบายว่าเขามีอาการท้องผูกเป็นเวลาสี่วันก่อนที่จะหันไปใช้วิธีรักษาที่บ้านที่แปลกประหลาด แต่ไม่สามารถนำพืชสีม่วงออกมาได้ จึงเดินทางไปโรงพยาบาลในอีกสองวันต่อมา หลังจากมีอาการท้องบวมและปวดท้องอย่างหนัก เมื่อเอ็กซเรย์พบว่าวัตถุดังกล่าวติดอยู่ในแนวทแยง ทำให้ชายคนนั้นมีอาการปอดอักเสบ ทีมแพทย์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องผ่าตัดผู้ป่วยทันทีเพื่อนำมะเขือม่วงออกจากร่างโดยเร็ว