"บิ๊กป้อม"ประกาศชัดไม่ดีเบต ลั่นผู้นำมีประสิทธิภาพ ไม่ได้วัดที่พูดเก่ง ยกตัวอย่าง "ป๋าเปรม"
เมื่อวันที่ 2 เม.ย.66 .ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร. ) ได้โพสต์ข้อความระบุว่า "ดีเบต" หรือ "ไม่ดีเบต”"ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติ และปรารถนาดีด้วยการเชิญไปร่วมตอบคำถาม หรือดีเบตในเวทีต่างๆ ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรค ปาร์ตี้ลิสต์ อันดับ 1 และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค เข้าใจในความปรารถนาดี และให้โอกาสที่ดีเช่นนั้นกับผม เพียงแต่ขอให้ทุกท่านโปรดช่วยเข้าใจผมสักหน่อย ยอมรับว่าประเทศควรจะมีผู้นำ ที่มีความรู้ความสามารถที่สุด เพื่อให้เป็น ผู้นำที่มีประสิทธิภาพที่สุด ในการนำพาประเทศสู่การพัฒนาให้เจริญรุ่งเรือง บริหารจัดการให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี ประเด็นที่คิดว่าน่าจะนำมาแลกเปลี่ยนกัน คือ ผู้นำที่มีประสิทธิภาพตามความหมายดังกล่าว วัดด้วยอะไร วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของประชาชนในแต่ละประเทศที่แตกต่างกัน การกำหนดเครื่องชี้วัด ประสิทธิภาพผู้นำจะต้องแตกต่างกันด้วยหรือไม่ ความรู้ ความสามารถ ความมีประสิทธิภาพของผู้นำ ประชาชนสัมผัสได้ด้วยอะไร ด้วยวิธีไหน จริงอยู่ การพูด เป็นวิธีหนึ่งที่ใช้โชว์ความรอบรู้ให้ประชาชนได้รับทราบถึงประสิทธิภาพผู้นำ แต่การพูดไม่ใช่วิธีเดียวที่จะทำให้ประชาชนรับรู้ถึงความสามารถ ความมีประสิทธิภาพของผู้นำ ในความเป็นจริงคือ ระหว่าง ความคิด คำพูด และการกระทำอันเป็นสิ่งที่มนุษย์ใช้สื่อสารกับคนอื่น กับสังคม กับโลกภายนอกนั้น คำพูด เป็นเครื่องมือสื่อสารที่สะท้อนความเป็นจริงของความรู้ความสามารถได้น้อยที่สุด เพราะ “คนพูดเก่ง”สามารถพูดในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้เป็น แม้กระทั่งไม่เคยคิด ได้ง่ายๆ เพียงแค่คิดขึ้นเฉพาะหน้าว่าพูดอย่างไรจะเป็นประโยชน์กับตัวเอง แล้วใช้ศิลปะพูดโน้มน้าวให้คนฟังเชื่อในสิ่งที่แม้แต่ตัวเองไม่เคยเชื่อก็ได้ การยืนยัน ความรู้ความสามารถ ด้วยการพูด ว่าไปแล้วเป็นเรื่องที่เชื่อได้น้อยที่สุด เพียงแต่การแข่งขันทางการเมือง โดยเฉพาะในประเทศตะวันตก ความเป็นผู้นำที่ดีหรือไม่นิยมใช้ โวหาร วาทกรรม เป็นเครื่องวัด
“ดีเบต”ในความหมายของการ “โต้วาที แสดงโวหารจึงเป็นเรื่องสำคัญ ประกอบกับเป็นวัฒนธรรมสังคมที่สื่อมวลชนมีบทบาท มีอิทธิพลต่อการชี้นำความคิดของประชาชน และ “การดีเบต”เป็นวิธีที่สื่อมวลชนแสดงบทบาทได้โดดเด่น เป็นการสมประโยชน์ของทุกฝ่าย นักการเมืองได้แสดงตัวตน สื่อ ได้แสดงบทบาท ประชาชนได้ฟังการ โต้วาทีถกเถียงกันของคนมีชื่อเสียง ทั้งที่การ ดีเบตไม่ได้เป็นอะไรมากกว่าการแสดงให้เห็นว่า นักการเมืองคนไหน พูดเก่ง มีไหวพริบในการตอบโต้ได้ดี ซึ่งอาจไม่เกี่ยวกับความรู้ความสามารถที่เป็นจริงของนักการเมืองคนนั้นเลยก็ได้ เช่นกัน ผู้นำที่พูดไม่เก่ง ดีเบตไม่ดี อาจจะมีความรู้ความสามารถเหมาะสมกับความเป็นไปของประเทศในปัจจุบันมากกว่าก็เป็นได้ ตัวอย่างของประเทศไทยในอดีตคือ ท่าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ หรือหากมองให้กว้างออกไป ผู้นำที่ทำให้ประเทศจีนเจริญรุ่งเรื่องก้าวขึ้นสู่มหาอำนาจ อย่างท่านประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ก็ไม่ต้องแสดงความสามารถที่เหนือกว่าด้วยการดีเบตกับใคร อาจจะเพราะด้วยเหตุที่ การพูดไม่ใช่การแสดงที่ดีที่สุดว่าใครมีความรู้ความสามารถ มีประสิทธิภาพกว่าใคร ทำให้ ผู้นำในหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ หรือเล็กลงมา ไม่จำเป็นต้องวัดประสิทธิภาพผู้นำด้วยการดีเบต
ยิ่งในยุคสมัยที่ทุกคนมีช่องทางสื่อถึงประชาชนได้มากมาย การสื่อสาร ความคิด คำพูด การกระทำ เพื่อแสดงความรู้ ความสามารถ และประสิทธิภาพสามารถทำได้ตามช่องทางที่เหมาะสมกับความถนัดของ “ผู้อาสามาเป็นผู้นำของแต่ละคน โดยไม่จำเป็นต้องแข่งขันเอาชนะกันว่าเป็น ผู้มีความสามารถในการโต้เถียงเก่งกว่า ยิ่งไปกว่านั้นคือ ผู้นำที่มีวุฒิภาวะย่อมรู้ว่าในสังคม ในวัฒนธรรมของประเทศที่แตกต่างกันนั้น มีมากมายหลายเรื่องหากนำมาเป็น”ประเด็นโต้เถียงกัน” ยิ่งสร้างปัญหาเพิ่ม หรือขยายปัญหาให้บานปลายไปไม่รู้จบ ผู้นำที่ตระหนักถึง การแสดงออกที่เหมาะควรกับความเป็นไปของประเทศ ควรแสดงออกในการกระตุ้นให้ “ทุกฝ่าย” มีสติในการนำสังคมไปอยู่กับการเอาชนะคะคานกันด้วยการโต้เถียงในช่วงหาเสียงเลือกตั้งที่เข้มข้นมากขึ้นเรื่อย ๆนี้ ผมได้ทราบข่าวมาว่ามีพิธีกรรายการทีวีชื่อดังระดับประเทศท่านนึง ได้ประกาศเชิญชวนผมกลางอากาศ ให้ผมไปออกดีเบต รู้สึกปลาบปลื้มเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับความปรารถนาดีที่ท่านส่งมาถึง แต่อย่างที่บอกแล้ว ผมเลือกที่จะสื่อสารกับทุกท่านด้วยวิธีที่ผมคิดว่าผมสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด
ผมยินดีอย่างยิ่งที่จะพบปะกับทุกท่านเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล ความคิดความเห็นกัน แต่ขอเป็นแบบพูดคุยส่วนตัว พร้อมเสมอสำหรับทุกท่าน ก่อนหน้านี้ได้แลกเปลี่ยน พูดคุยกับสื่อมวลชนที่ติดต่อมาบางท่านแล้ว สำหรับท่านอื่นๆ รอเวลาที่ท่านว่างอยู่เช่นกันขอบคุณที่ระลึกถึง