จับลูกน้อง"โกตี๋"ประกอบวัตถุระเบิดหลายชนิดซุกซ่อนในคอนโดเมืองทองธานี ตำรวจเตรียมสืบสวนขยายผลผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติม
เมื่อช่วงค่ำวันที่ 12 ก.พ.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจรับแจ้งเหตุพบวัตถุระเบิด บริเวณอาคารที 10 คอนโดเมืองทองธานี ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี จึงประสานเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิด (อีโอดี)เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ปกครองอำเภอปากเกร็ด รุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นห้องเช่า ภายในมีข้าวของกระจัดกระจาย ทั้งถังพลาสติก ถุง เสื้อผ้า และของใช้อื่นๆ เหมือนถูกทิ้งร้างมานาน รวมทั้งมีเสื้อผ้าแขวนไว้หลายชิ้น พบกระเป๋ากล้องถูกวางไว้ชิ้นกำแพงห้อง ภายในมีระเบิดขนาด M26 ใส่อยู่ในถุงตาข่ายสีน้ำเงิน จำนวน 1 ลูก พร้อมใช้งาน เจ้าหน้าที่อีโอดีเข้าทำการเก็บกู้
จากนั้นได้ทำการตรวจสอบภายในห้อง พบระเบิดปิงปองประกอบเองจำนวน 4 ลูก ไปป์บอมจำนวน 2 ลูก ประทัดยักษ์กว่า 20 ลูก และเสื้อยืดสีแดง 3 ตัว เสื้อยืดสีขาว 1 ตัว มีสกรีนด้านหน้า และอุปกรณ์ในการประกอบวัตถุระเบิดจำนวนหนึ่ง ถูกวางซุกซ่อนอยู่ตามใต้สิ่งของที่กระจัดกระจายอยู่ตามพื้นห้อง และด้านข้างห้อง จึงได้ทำการเก็บกู้ ใช้เวลาประมาณ 3 ชม.
ต่อมาเวลา 22.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนพบผู้ต้องสงสัยกำลังเดินขึ้นไปที่ห้องเกิดเหตุ และมีท่าทางพิรุธ โดยรีบหันหลังเดินกลับลงมาอย่างรวดเร็ว จึงได้รีบทำการสกัดจับ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ผู้ต้องสงสัยรู้ตัว ได้วิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงได่กระจายกำลังวิ่งไล่ตามจนสามารถจับตัวผู้ต้องสงสัยได้ ทราบชื่อคือนายกฤษ์ชาพล หรือ สุกิจ พูลศิลป์ อายุ 53 ปี อดีตทหารปลดประจำการ เป็นชาว จ.ยะลา
เบื้องต้นจากการสอบสวนทราบว่าผู้ต้องสงสัยเช่าห้องมานานกว่า 5 ปี แต่ไม่จ่ายค่าน้ำค่าไฟจนถูกตัดและไม่จ่ายค่าเช่าห้อง จนเจ้าของห้องได้ให้คนใหม่เช่าและเตรียมเข้าพักจึงได้ให้แม่บ้านเข้าทำความสะอาดจนพบวัตถุต้องสงสัยดังกล่าว ผู้ต้องสงสัยให้การรับสารภาพว่าวัตถุระเบิดเป็นของตน นำมาเก็บไว้ที่ห้องพร้อมกับสิ่งของอื่นๆ จึงได้ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด
ต่อมาเวลา 23.00 น. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุผู้ต้องสงสัยใช้เป็นที่กบดาน และเป็น 1 ใน 27 คนที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเฝ้าระวัง ผู้ต้องหายอมรับว่าเป็นลูกน้องของโกตี๋ แกนนำ นปช. วัตถุระเบิดที่พบเป็นชนิดเดียวกับที่เคยใช้ก่อเหตุที่แยกราชประสงค์ เมื่อปี 2557 ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสืบสวนขยายผลผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติม เนื่องจากภายในห้องมีของใช้มากกว่า 1 คน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าวัตถุระเบิดทั้งหมดเป็นของตนเอง ส่วนเรื่องที่จะนำไปก่อเหตุหรือไม่เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างติดตามสืบสวนต่อไป