"ทนายตั้ม"แจงค่าแถลงข่าว 3 แสนค่าเสี่ยงโดนฟ้อง เผยเรียกเก็บเพียง 2 รายเท่านั้น สวน "ชูวิทย์" กูไม่กลัวพี่
เมื่อวันที่ 27 มี.ค.66 ที่ SITTRA LAW FIRM อาคารเอ็มไพร์ ทาวเวอร์ ชั้น 24 ถนนสาทรใต้ แขวงยานนาวาเขตสาทร กทม. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ชี้แจงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์เรื่องเงิน 300,000 บาท ว่า ตนดังจากคดีหวย 30 ล้าน บาท ตอนนั้นยังสวมเสื้อยืดทนายประชาชนไปทำคดี ต่อมาถึงจุดเปลี่ยนถึงช่วงทำคดีลุงพลตนก็ช่วยโดยไม่คิดเงิน แต่ก็ถูกประชาชนและสังคมด่า ยอมรับว่าตอนทำคดีลุงพล ชีวิตลำบากมาก กระแสสังคมรังเกียจตน ไม่มีงานจ้างเกือบ 6 เดือน ไม่มีรายได้และยังจ่ายค่าใช้จ่ายเองหมด นอกจากนี้ ลูกๆ ของตนก็ลำบาก ลูกก็เคยถาม ว่า ป๊าทำเพื่อคนอื่นโดยไม่ได้อะไร ลูกและครอบครัวลำบาก ตนก็คิดว่าการช่วยสังคม ช่วยแค่ส่วนหนึ่งพอ ทำให้ปี 2565 จึงตัดสินใจเปิดบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม จำกัด เพื่อให้เป็นในรูปแบบธุรกิจ สามารถมีเงินมาจุนเจือครอบครัว และตนก็ไม่ได้ใส่เสื้อยืดทนายประชาชนอีกเลย
ทนายตั้ม กล่าวอีกว่า กรณีการแถลงข่าวแล้วมีการเรียกเก็บเงิน ที่ผ่านมาแถลงไปเพียง 2 คดีเท่านั้น คือ เดือน ม.ค. คดีของรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการเก็บเงินค่าแถลง 300,000 บาท อีกคดี คือ คดีของไฮโซ 300,000 บาทเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ตนไม่เคยให้เงินสื่อสักบาท และที่เก็บค่าแถลงข่าวเพราะมันเป็นจำนวนเงินสำหรับค่าที่ตนและทีมงานทุกคนที่เกี่ยวข้องจะถูกฟ้องกลับในอนาคต และยังเป็นค่าดำเนินการแบบครอบคลุม ตั้งแต่การติดตามคดี การขึ้นศาล จนถึงวันที่ชนะคดี และที่กำหนดคิดค่าใช้จ่ายไว้ ก็เพราะไม่ต้องการคิดเบิกกับลูกความอีกรอบในภายหลัง จึงขอคิดค่าแถลงข่าวตามความหนักเบาของข่าวนั้นๆ ทั้งนี้ สำหรับกฎเกณฑ์ที่จะใช้เสนอราคาค่าแถลงข่าว 300,000 บาทต่อลูกความ ตนจะพิจารณาที่ 1.คดีที่ใหญ่หรือไม่ 2.ลูกความมีกำลังจะจ่าย เสี่ยงจะถูกฟ้องหรือไม่ สำหรับค่าใช้จ่ายในใบเสนอราคา 300,000 บาท คือค่าแถลงข่าว ไม่เคยไปไถเงินใครเพื่อจัดแถลงข่าว ซึ่งก็จัดทำเป็นใบเสนอราคา ลูกความทำไม่ทำก็เป็นสิทธิ์ของลูกความ
ทนายตั้ม กล่าวอีกว่า ยอมรับว่าเรียกเเพง เพราะบริษัทมีค่าใช้จ่ายเยอะ ลูกน้องเยอะ ยืนยันว่าตัวเองโปร่งใส เงินทุกบาททุกสตางค์สามารถตรวจสอบได้ นอกจากนี้ อย่างที่ผ่านมามีเคสเข้ามาปรึกษาประมาณ 1,500 เคส แต่รับคดีไม่ถึง 10% และตนยังมีออปชั่นการโทรปรึกษาด้วย เช่น หากโทรปรึกษาเรื่องคดีกับลูกน้องของตนเวลา 20 นาที เป็นเงิน 1,000 บาท แต่ถ้าโทรปรึกษากับตนในเวลาเท่ากันคิด 1,500 บาท แต่ถ้าหากมาพบตนที่สำนักงาน และปรึกษาเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ตนคิด 3,000 บาท มันผิดไหมที่จะหาเงินเพื่อให้บุตรและครอบครัวได้มีชีวิตที่ดี ตนทำเพื่อครอบครัว มันผิดหรือ ตนไม่ได้นำเงินไปเลี้ยงอีหนู ไม่ได้ทำธุรกิจสีเทา การเอาเงินที่ทำงานมาเที่ยว การโพสต์เฟซบุ๊กของนายชูวิทย์ แต่ก่อนตนมองว่าต้องเป็นเพจที่คุณภาพ แต่การที่นายชูวิทย์ เอาใบเสนอราคาของลูกจ้างที่ยังไม่ตกลงมาโพสต์นั้น มันกระจอกมาก เหมือนตนมีแผลอะไร ก็เอามาเล่นย้อนหลัง ตนมองว่าเพจชูวิทย์ คุณภาพมันหายไปแล้ว ไร้สาระ ยืนยันว่า ทำถูกต้องหมด ยื่นภาษีทุกเดือนถูกต้อง ยินดีให้ตรวจสอบ และบอกกับลูกน้องเลยว่าต้องทำให้ถูกต้อง
เมื่อถามว่าเป็นการหลอกใช้สื่อมวลชนหรือไม่ ทนายตั้ม กล่าวว่า จะหลอกยังไง ตนมีเนื้อหาให้สื่อเสมอ หลังจากนี้ต้องไปบอกทีมงานให้ปรับเปลี่ยนคำในใบเสนอราคาว่าเป็นค่าเสี่ยงฟ้องในอนาคต ค่าประกันภัยต่างๆ ยืนยันว่ามันเป็นค่าเสี่ยงถูก หลังจากนี้เวลาแจ้งหมายข่าวจะพิมพ์ให้ชัดว่าเคสนี้เป็นการแถลงข่าวโดยมีค่าดำเนินการ หรือแถลงฟรี
ทนายตั้ม กล่าวอีกว่า สำหรับเสื้อผ้าข้าวของแบรนด์เนมส่วนใหญ่ก็มาจากเงินการทำคดีความของตนและการเปิดบริษัท ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม จำกัด ส่วนบางอย่างบางรายการก็มาจากทางลูกความที่นำมาฝากบ้างแต่ก็เป็นเพียงเสื้อเท่านั้นมูลค่า 20,000 บาท ส่วนที่นายชูวิทย์บอกว่า ให้ไปเจอกันที่ศาล ตนขอยืมคำว่า "กูไม่กลัวพี่" และที่ไม่เรียกมึง เพราะยังเคารพนายชูวิทย์อยู่