"ชูวิทย์" ขู่ "ทนายตั้ม" ไปเจอกันในศาล ช่วยเตรียมหาหลักฐาน 50 ล้านที่บอกรับเงินด้วย ซัดหลังพิงวัด อ้างพระอ้างเจ้า เดินสายเข้าวัดทำบุญ แต่เข้าไม่ถึงธรรมะ
เมื่อวันที่ 26 มี.ค.66 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเพจ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ระบุว่า หลังพิงวัด อ้างพระอ้างเจ้า เดินสายเข้าวัดทำบุญ แต่เข้าไม่ถึงธรรมะ เพราะจิตใจร้อนรุ่ม ต่ำทราม ทำอะไรไม่ได้อย่างที่คิดก็สาปแช่ง ให้มันได้อย่างนี้ เป็นทนายไม่ขึ้นศาลยุติธรรม ใช้หลักฐาน แต่ดันกราบไหว้ไปขึ้นศาลพระภูมิแทน อย่างนี้ลูกความจะพึ่งได้หรือ? ไม่รู้ต้องแก้บนเท่าไหร่? เรียนกฎหมายแต่ใช้ไม่เป็น รักจะเอาดีเป็นนักร้องเวที หาแสงสปอตไลท์ เก่งแต่ในโซเชียล ว่าความตอบโต้บนคอมเม้นท์ ก็ออกมาทำคอนเทนต์เป็นยูทูบเบอร์เสียเลย อย่าไปอาศัยใบบุญเบิกทางเป็นทนายแค่ชื่อ แต่ไม่ได้ทำอาชีพทนาย อีกไม่นาน ไปเจอกันที่ศาลอาญาดีกว่า บนศาลนั้นของจริง ไม่ใช้โซเชียลเป็นเครื่องมือแต่ใช้เอกสารหลักฐานมาสู้กัน แล้วช่วยเตรียมหาหลักฐาน 50 ล้านบาท ที่บอกว่าผม หรือลูกผมได้มา ให้ศาลดูด้วย ไม่ใช่หลักฐานไม่มี เลยเข้าวัดสาปแช่ง เอาเวลาไปอ่านกฎหมาย ฝึกว่าความให้มากๆ เพราะยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ก็ฟ้อง เดี๋ยวก็มีของผมอีก
รักจะแฉ อย่าไปร้องงอแงเหมือนเด็ก ต้องเก่งว่าความตอบโต้กับทนายอนันต์ชัยด้วยกันที่หน้าบัลลังก์ศาล มันถึงจะเรียกว่า “ทนาย” ไม่ใช่เอาแต่ยกมือไหว้ในวัดแล้วสาปแช่งแทน โถ อย่างนี้จะไปเรียก “ทนายประชาชน” ได้ไง? ทรงอย่างนี้เขาเรียกกันว่า “เด็กวัด” แท้ๆ
ด้านนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า วันนี้มาทำบุญไม่ขออะไรมาก ขอสาบแช่งใครที่เคยรับเงินชั่วของแก๊งสารวัตรซัว แสร้งทำเป็นโจรกลับใจ รับผลกรรมโดนยึดทรัพย์หมดตัวทั้งตระกูลกลายเป็นคนไร้ต้นทุนจริงๆ สมพรปากทีเถอะสาธุ
ขอบคุณเพจ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์,ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ