ปชป.เปิดนโยบาย กทม. ชู "เดลต้า เวิร์ค ไทยแลนด์"

2023-03-22 15:08:40

 ปชป.เปิดนโยบาย กทม. ชู "เดลต้า เวิร์ค ไทยแลนด์"

Advertisement

ปชป.เปิดนโยบาย กทม. ตอบโจทย์คนกรุง  "เดลต้า เวิร์ค ไทยแลนด์" แก้น้ำท่วม น้ำขัง น้ำหนุน

เมื่อวันที่ 22 มี.ค. 66  ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ประธานคณะทำงานนโยบาย กทม. น.ส.วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. และ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขตหลักสี่ กทม. พร้อมทีมผู้สมัคร ส.ส. กทม. และทีมยุทธศาสตร์ กทม. ของพรรค ร่วมกันเปิดนโยบาย กทม. พร้อมชม "Policy Exhibition" ที่ พรรคประชาธิปัตย์

นายองอาจ กล่าวว่า นโยบายของ กทม. เดินตามนโยบายสร้างเงิน สร้างคน สร้างชาติ ซึ่งเป็นนโยบายที่เปิดรับฟังความเห็นจากประชาชน จากกระบวนการฟัง คิด ทำ และนำมา จัดทำเป็นนโยบาย ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถตอบโจทย์ของคน กทม. และเชื่อว่า ประชาชนจะเห็นความตั้งใจจริงของ ปชป.ที่จะมีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อในเชิงโครงสร้าง กทม.ได้รับการแก้ไข พัฒนาไปสู่สิ่งที่ดีกว่า ยืนยันว่าพรรคปชป.มีความพร้อมทั้งบุคคลและนโยบาย ขอให้ช่วยสนับสนุนผู้สมัครจาก ปชป.โดยเลือกทั้งคนทั้งพรรคเพื่อนำนโยบายเหล่านี้ไปสู่การปฏิบัติ และขอให้เชื่อมั่นว่า ปชป.พร้อมที่จะกลับมาเปลี่ยนแปลง กทม.

ด้านนายสุชัชวีร์ กล่าวถึงนโยบายการสร้างคน ว่า 4 ปีที่ผ่านมา ปชป.ไม่ได้ ส.ส.กทม.แม้แต่คนเดียว และ 4 ปี ที่ผ่านมา กทม. ยังคงมีปัญหาฝุ่น PM2.5 ยังอยู่ในภาวะรอจมน้ำทุกวัน มีความไม่เท่าเทียม รวมทั้งโอกาสเข้าถึงการศึกษา ขนส่งสาธารณะก็ยังมีปัญหา ดังนั้นครั้งนี้พรรคปชป.อาสาจะแก้ปัญหาให้กับประชาชน หมดเวลารอฟ้า รอฝน แต่หากจะรอใครสักคนขอให้รอคนของพรรคปชป.และขอให้คำมั่นสัญญาว่าจะผลักดันกฎหมายอากาศสะอาด เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นพีเอ็ม 2.5 ไม่ใช่ให้ภาครัฐพูดเองเออเอง และขอประกาศให้พื้นที่ 16 เขตชั้นในเป็นเขตมลพิษต่ำ ซึ่งในพื้นที่ชั้นในมีโรงเรียนมากกว่า 300 แห่ง และ โรงพยาบาลกว่า 40 โรงพยาบาล ให้เป็นพื้นที่ต้นแบบ และบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่อลุ่มอล่วย แต่ให้โบนัสกับผู้ที่ช่วยลดฝุ่นพิษ

นายสุชัชวีร์ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมี นโยบาย "เดลต้า เวิร์ค ไทยแลนด์"  กทม. ต้องไม่จมน้ำ ที่จะมาแก้ปัญหาทั้งน้ำท่วม น้ำขัง น้ำหนุน โดยจะผลักดันให้มีการทำโครงการป้องกันน้ำทะเลหนุนครั้งแรกของกรุงเทพฯ บูรณาการระบบป้องกันน้ำท่วม โดยใช้ดาวเทียม ซึ่งโครงการนี้จะไม่ได้ช่วยแค่ กทม. แต่จะช่วยในพื้นที่ราบลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมดด้วย

นายสุชัชวีร์​ กล่าวอีกว่า โครงการเรียนฟรีถึงปริญญาตรี ไม่มีค่าหน่วยกิต พร้อมเริ่มทำทันทีหากพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยให้โอกาสนักเรียน นักศึกษา ได้ฝึกงานตั้งแต่อายุ 18 ปี ซึ่งจะสามารถผลิตนักศึกษาที่มีงานทำได้ 1 ล้านคนต่อปี เพื่อเงินค่าครองชีให้กับผู้กู้กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จากเดือนละ 3,000 บาท เป็น 6,000 บาท และมีอินเตอร์เน็ตฟรี 1 แสนจุดทั่วกทม. และอินเตอร์เน็ตฟรี 1 ล้านจุด จะเกิดขึ้นทันทีทั่วประเทศ นอกจากนี้ พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนการเดินทางโดยขนส่งสาธารณะ เมื่อได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลจะให้รัฐบาลซื้อตั๋วรถไฟฟ้าล่วงหน้า และนำส่วนต่างจากการลดราคามาให้กับประชาชน รวมถึงนโยบายนมโรงเรียนฟรี 365 วัน และนโยบายที่จะให้ประชาชนตรวจสุขภาพฟรี ดังนั้นขอโอกาสให้พรรคประชาธิปัตย์กลับบ้านมาดูแลลูกหลานชาวกทม. ขอให้ช่วยเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งคน ทั้งพรรค ส.ส.33 เขต

ขณะที่ พล.ต.ต.วิชัย กล่าวถึงแนวนโยบายด้านการสร้างชาติ ว่า พรรคประชาธิปัตย์ยึดนโยบายตาต่อตาฟันต่อฟัน ไม่เอากัญชา ทำลายยาบ้า ยาเสพติด และทุจริตคือวิกฤตชาติ  ซึ่งเป็นบ่อเกิดของอาชญากรรมทุกประเภท ถึง 80 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่สถานที่บำบัด กลายเป็นสถานที่แลกเครือข่ายกัน โดยรัฐบาลต้องเอาจริงเอาจัง เพิ่มอำนาจให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ให้มีบทลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเอาผิดทุกคน พร้อมกับพัฒนาด้านการบำบัดรักษา ทำให้คนติดยาเสพติดน้อยลง รวมถึงเรื่องการทุจริต พรรคประชาธิปัตย์จะผลักดันให้มีการลงโทษสูงสุด คือ โทษประหารชีวิต กับการทุจริต เรียกรับผลประโยชน์ สรรหาคนที่จะมาเป็นตัวแทนองค์กรอิสระ ที่ต้องเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตเท่านั้น สามารถตรวจสอบได้

ด้าน น.ส.วทันยา กล่าวถึงนโยบายสร้างเงิน โดยได้โชว์กระเป๋ารูปทรงไก่ สีฟ้า ที่ได้ไปเจอกับกลุ่ม BWild Irsan ดีไซเนอร์คนอีสานรุ่นใหม่ พร้อมกล่าวว่า เป็นงานที่สามารถสร้างรายได้ นำเงินจากต่างชาติเข้าไทย ซึ่งน้องๆกลุ่มนี้ยังคงต้องทำนาในชนบทควบคู่ไปด้วย เพื่อไล่ตามความฝันของตัวเอง โอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่สำคัญ อย่างหนึ่งคือการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับสินค้าและความคิดสร้างสรรค์เหล่านี้ ซึ่งถือว่าต้นทุนที่สำคัญ เปลี่ยนกระทรวงวัฒนธรรม ให้เป็นเกรด A ขับเคลื่อนการสร้างโอกาสให้กับประเทศไทย ด้วยนโยบายกองทุนไอเดีย 10,000 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น 4 ส่วน เพื่อนำไปพัฒนาทุนมนุษย์ ทำมหาวิทยาลัยทุกช่วงวัย เพื่อเพิ่มทักษะให้กับนักศึกษา ให้เข้าถึงแหล่งเงินทุน ส่งออกวัฒนธรรมไทยผ่านอุตสาหกรรมบันเทิง เพื่อผลักดันให้อัตลักษณ์ เหล่านี้ไปถึงสายตาชาวโลก ดึงนักวิจัยที่มีความรู้ความสามารถ มาเป็นพี่เลี้ยงให้คำปรึกษากับผู้ที่อยากลงทุน

น.ส.วทันยา กล่าวต่อว่า นโยบายแต้มต่อเอสเอ็มอี 300,000 ล้านบาท โดยการเพิ่มผลผลิตเอสเอ็มอี, การสรรหาตลาดใหม่ๆ ทั้งในและต่างประเทศ และการเปิดโอกาสให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนอย่างเท่าเทียม ทำให้วลี "รวยกระจุก จนกระจาย" เปลี่ยนเป็น "หยุดจน รวยกระจาย"