กรณีที่มีการประกาศตามหาท่อขนาดใหญ่ที่มี “ซีเซียม-137” สารกัมมันตรังสีที่หวั่นว่าอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพหากไม่ได้อยู่ในท่อ หรือถูกแกะออก ซึ่งหายไปจากโรงไฟฟ้าแห่งหนึ่งในพื้นที่ปราจีนบุรี ตั้งแต่วันที่ 14 มีนาคม 66 ต่อมาพบว่าได้มีการตรวจพบ วัสดุกัมมันตรังสีซีเซียมแล้ว ในโรงงานหลอมเหล็กแห่งหนึ่ง ในจังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ประชาชนเกิดความกังวลใจว่าจะได้รับผลกระทบหรือไม่
รายการโหนกระแส ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ทางช่อง 3 กดเลข 33 ได้เปิดใจสัมภาษณ์ รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, อ.ธารา บัวคำศรี ผอ.กรีนพีซ ประเทศไทย , ดร.รุ่งธรรม ทาคำ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านความปลอดภัยทางรังสี สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เพื่ออธิบายความเข้าใจให้ตรงกันในเรื่องนี้
ซีเซียม มีไว้ทำอะไร ชาวบ้านบางคนไม่รู้จัก?
ดร.เจษฎา : ธาตุต่างๆ ในโลกนี้ มีความสามารถที่แตกต่างกัน เราอาจคุ้นเคยกับยูเรเนียม พลูโตเนียม เราฟังแล้วตกใจพวกสารกัมมันตรังสี ที่สร้างระเบิดได้ แต่จริงๆ มีธาตุหลายตัว เรเดียม โคบอลต์ มีหลายตัวที่เราไปเปลี่ยนโครงสร้างมันเล็กน้อย แล้วมันก็มีประจุ เปลี่ยนไปนิดนึง เปลี่ยนไปแล้วมันก็เริ่มปลดปล่อยรังสีได้ เจ้าซีเซียมก็เป็นธาตุธรรมดาตัวนึงที่เราเจอในสิ่งแวดล้อม
เขาเอาไว้ทำอะไร?
ดร.เจษฎา : ปกติรังสีแกรมมา เบต้า อาจได้ยินว่าเอาไปฆ่าเชื้อโรค ทำให้อาหารปลอดโรค ใช้เครื่องเอกซเรย์ก็ได้ แต่ตัวนี้ที่นิยมเอาไปใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม มันสามารถปล่อยรังสีออกมาและวัดการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ เช่น อันนี้เป็นกล่อง แล้วไปอยู่ที่ปล่องไซโลโรงงานไฟฟ้า ก็วัดปริมาณขี้เถ้าที่เกิดขึ้นของโรงไฟฟ้ามันมากน้อยแค่ไหน ก็ปล่อยรังสีออกมา เป็นตัวรังสีที่ไม่แรงนัก ปัญหาใหญ่คือมันหายไปนี่แหละ
ง่ายๆ ซีเซียมหายไปจากโรงงานไฟฟ้าแห่งนึง เขาติดไว้ทำอะไร?
ดร.รุ่งธรรม : ตัวซีเซียมจะติดอยู่ในอุปกรณ์วัดระดับ ประโยชน์คือเอามาวัดระดับในโรงงานไฟฟ้า ใช้วัดขี้เถ้าที่อยู่ในไซโล ขี้ถ้าเกิดจากการเผาชีวมวล เพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า ก็จะเกิดขี้เถ้ามา เขาเอาขี้เถ้าไปอยู่ในไซโล ตัววัดระดับก็ใช้ประโยชน์จากรังสีซีเซียม 137 วัดของที่อยู่ในไซโล คือวัดขี้เถ้านั่นเอง
มันเลยทำมาในรูปแบบเป็นแท่งเหล็ก ชาวบ้านบางคนบอกว่าแท่งเหล็กคือซีเซียม?
ดร.รุ่งธรรม : จริงๆ ไม่ใช่ มันคืออุปกรณ์วัดระดับที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม ซีเซียมจริงๆ อยู่ในท่อตัวนี้
ซีเซียมอยู่ข้างในท่อ จะมาในรูปแบบผงหรืออาจเป็นโลหะที่เป็นก้อนก็ได้ มันไปอยู่ในนี้ได้ยังไง เป็นกรรมวิธีของเขา อัดไว้ในท่อนี้เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ ด้านนอกก็เป็นเหล็ก ต่อจากเหล็กเข้าไปก็เป็นตะกั่วเพื่อซับรังสีที่แผ่ออกมา จากนั้นก็เป็นเหล็กอีกชั้นข้างใน ต่อจากนั้นก็เป็นตะกั่วอีก เพื่อซับตะกั่วครั้งที่สอง ตัวสำคัญคือแคปซูนซีเซียม คำถามคือเจ้าก้องนี้ทั้งก้อนหายไป ไม่รู้หายไปได้ยังไง คนไปแจ้งความวันที่ 10 มี.ค. แล้วบอกว่าเขารู้ว่ามันหาย 23 ก.พ. แสดงว่าอาจหายไปก่อนหน้านั้นก็ได้ ถ้าก้อนนี้ทั้งก้อนไปอยู่กับคนโดยไม่มีการผ่า มันจะเป็นยังไง?
อ.ธารา : เวลาดูรูป เราจะเห็นว่ามีการป้องกันหลายชั้น ซีเซียมข้างในเป็นอันตราย เป็นวัตถุกัมมันตรังสี เกิดจากขบวนการผลิตวัสดุนิวเคลียร์ ที่เราเอามาใช้กันในภาคอุตสาหกรรม ทางการแพทย์ ถ้าดูทั้งหมดทั้งแท่ง ตามหลักการทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ เขาบอกว่ามันก็เป็นวัสดุกัมมันตรังสี อันตราย ประเภทที่ 3 ซึ่งถือว่าอันตราย อยู่ในกระบอกมันไม่เป็นอะไร กรมควบคุมโรคบอกว่าเป็นแหล่งกำเนิดที่อันตรายด้วย ถ้าเราไปสัมผัสมัน เราไปแกะไปแงะมัน จนสีแดงหลุดรอดออกมาข้างนอก ซีเซียม 137 พูดง่ายๆ เป็นพรรคพวกซีเซียมใหม่ในตารางธาตุ แล้วมันไม่เสถียร มันวิ่งไปวิ่งมา แล้วแผ่ออกมา ซีเซียม137 บางทีไม่ได้เกิดโดยตัวของมันเอง แต่เกิดจากการแตกตัวของยูเรเนียมที่อยู่ในหัวรบนิวเคลียร์ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ หรือปฏิกิริยานิวเคลียร์ต่างๆ ซีเซียม 137 เป็นผลพลอยได้ จะเห็นว่ากรณีเหตุโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะในญี่ปุ่น หรือย้อนหลังไปเชอร์โนบิล ตัวซีเซียม 137 เป็นปัจจัยสำคัญทำให้เกิดการปนเปื้อน
พูดถึงญี่ปุ่น หมายถึงตอนเกิดสึนามิ แล้วจะมีเตาปฏิกรณ์สักอย่างรั่วออกมาตอนแผ่นดินไหว แล้วมีการแผ่รังสีออกไป อันนั้นก็คือซีเซียมเหมือนกัน?
อ.ธารา : ใช่ เพียงแต่ว่าอยากให้เทียบว่าซีเซียมที่หายไปกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์คนละสเกลกัน ตัวซีเซียมนี้มันเล็ก แต่ไม่ใช่หมายถึงมันปลอดภัย ก็ต้องระวัง
ดร.เจษฎา : คนยุคผมจะทันกับปัญหาโคบอลต์ 60 ตอนนั้นเรื่องเครื่องฉายเอกซเรย์ไม่ใช้แล้ว ก็มีซาเล้งไปเอาหัวฉายเอกซเรย์ออกมา แล้วเห็นว่าเป็นโลหะเอาไปขายดีกว่า ก็มีการผ่าการแกะ แต่ผงข้างในโคบอลต์ 60 มันออกมา มีคนปนเปื้อนเป็นพันคน มีคนบาดเจ็บสาหัส 10 คน ใน 10 คนนั้นมีคนเสียชีวิต 3 คน เป็นภาพจำว่าของหายอีกแล้วเหรอ พอวันที่มีตัวนี้หาย นักข่าวหรือใครก็ตั้งข้อสงสัยว่ามันจะออกมาเหมือนโคบอลต์มั้ย เรื่องแรกเลยตามหาให้เจอ เจอแล้วอยู่สภาพเป็นยังไง โดนแกะมั้ย ถ้าแกะแล้วเรื่องใหญ่ จะเก็บยังไง แต่ตอนนี้มันโดนเอาไปหลอมหรือเปล่า เรื่องใหญ่กว่าอีก
ตอนนี้ก้อนนี้หายไปแล้ว เขาก็ไปตามหากันหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ จนไปแกะรอยเจอโรงหลอมแห่งนึง เขาบอกว่าใช่ มีคนเอามาขาย หลอมไปแล้ว เอาเข้าเตาแล้ว แล้วทำยังไง?
ดร.รุ่งธรรม : ไม่สามารถยืนยันได้ว่าใช่ที่หายไปหรือเปล่า แต่ที่เขาไปตรวจที่โรงงาน เอาเครื่องตรวจวัดรังสีไปวัด มันขึ้นว่าซีเซียม 137 ใช่ แต่มันคือตัวที่หายไปหรือเปล่า อันนั้นต้องพิสูจน์ต่อ
สิ่งที่น่ากลัว คือตอนนี้เรากำลังอนุมานว่าก้อนซีเซียมก้อนนี้ ที่หายไป มันถูกหลอมไปจริงมั้ย เพราะยังยืนยันไม่ได้ แต่ถาม่ว่ามีการเอาเครื่องไปตรวจสอบบริเวณนั้น เจอฝุ่นแดง เพราะซีเซียมหลอมไปปุ๊บจะกลายเป็นฝุ่นแดง?
ดร.เจษฎา : ถึงจริงก็น่ากลัว ไม่จริงก็น่ากลัวอีก เพราะแสดงว่ามีก้อนที่สองที่สามเข้าไปเหรอ หลักฐานตอนนี้มีแค่เครื่องวัดอย่างที่อาจารย์บอก มันระบุได้ว่าเป็นตัวไหน มันบอกว่าเราเจอซีเซียม 137 นะ แต่ไม่รู้ว่ามาจากแท่งไหน คำถามที่มีในใจนักวิทยาศาสตร์ทั่วไปคือมันหลุดไปอยู่ตรงนั้นได้ไง คนไทยไม่รู้จักเครื่องหมายโลโก้ใบพัด 3 ใบนี้เลยเหรอ ถ้าทุกคนรู้จักมันน่ากลัวไม่แพ้หัวกะโหลกไขว้นะ ตอนมันตกลงมาจากปล่องอยู่บนพื้น เจ้าหน้าที่คนไหนเห็นก็ต้องสะดุ้งแล้วว่ารังสีตกลงมา คนที่ขโมยเอาไปขายก็ต้องสะดุ้ง เพราะรู้ว่าเป็นรังสี คนรับซื้อถ้าเห็นโลโก้อยู่ก็ต้องสะดุ้ง ทำไมไม่มีใครสะดุ้งเลยสักคน แสดงว่าเราไม่รู้จักเครื่องหมายนี้เลยเหรอ แล้วที่หลอมไปแล้วตรวจเจอมันคือตัวนี้หรือเปล่า ถ้าเกิดไม่ใช่ยิ่งหนักไปอีก แสดงว่ามีตัวที่สองที่สามหรือเปล่า
แล้วจะทำยังไง?
ดร.รุ่งธรรม : เรามีกระบวนการทางนิติวิทยาศาสตร์ ที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าตัวซีเซียมที่เราเจอที่โรงหลอมเหล็กใช่ตัวซีเซียม137 ที่หายไปหรือเปล่า เรามีกระบวนการสามารถตรวจพิสูจน์ได้อยู่
คิดว่าเป็นก้อนเมื่อกี้มั้ย?
ดร.รุ่งธรรม : ผมยังตอบไม่ได้ ต้องใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์
อ.ธารา : ถ้าซีเซียมเป็นคน เราหาคนไม่เจอ คนหายไป แต่เราเจออัตถะบุคคล ที่ต้องพิสูจน์ว่าเศษที่เราเจอ ชิ้นส่วนบุคคลคือคนเดียวกับคนที่หายมั้ย ก็คล้ายๆ กัน ผมว่ามันมีกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้อง หน่วยงานกำกับดูแล อย่างสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติจะฟันธง ซึ่งผมเข้าใจนะ เพียงแต่ว่าตอนนี้คนไม่รู้ อย่างที่อ.เจษฎาบอกว่าถ้าเจอ ก็เป็นข่าวดี แต่ถ้าไม่ใช่ ก็ยังเป็นกังวลอยู่ อธิบายเป็นความรู้ เดิมสัญลักษณ์นิวเคลียร์เป็นรูปใบพัด 3 ใบ ใช้มาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันแต่จริงๆ แล้วทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศเขาพยายามคิดว่าสัญลักษณ์แบบนี้บางทีมันยากที่คนจะเข้าใจ เพราะความเข้าใจเรื่องรังสีค่อนข้างซับซ้อน เขาเลยจ้างนักวิทยาศาสตร์ทางด้านนิวเคลียร์ รวมทั้งทดสอบเป็นออเดียนรีเสิร์จดูว่าถ้าใช้แบบนี้ล่ะ เป็นรังสีแผ่ออกมา เป็นหัวกะโหลกอันตราย แล้วต้องวิ่งหนี อันนี้คนจะเข้าใจมากกว่า ไอเออีเอบอกว่าใช้ประเทศที่เป็นสมาชิกทั่วโลกใช้ตัวนี้แทนตัวเก่า ซึ่งกระบอกซีเซียมใช้มาก่อน มันไม่ทัน ปัจจุบันไม่นิยมใช้ แต่ให้ลองดูว่าอันไหนเข้าใจง่ายกว่า

ถ้าให้เข้าใจง่าย เขียนว่าตายไว้เลยดีกว่า?
ดร.รุ่งธรรม : สัญลักษณ์สามเหลี่ยม มันจะติดอยู่ที่ตัวแคปซูนข้างใน ถ้าแคปซูนหลุดออกมาจากอุปกรณ์ จะทำให้ประชาชนรู้อย่างนึงคือ ถ้าเห็นสัญลักษณ์นี้ ทำไงครับ วิ่งหนีแล้วแจ้งเจ้าหน้าที่ ซึ่งสัญลักษณ์นี้ไม่มีข้างนอก จะติดอยู่เฉพาะตัวแคปซูนข้างใน
ข้างนอกไม่มีตราสัญลักษณ์?
ดร.เจษฎา : มีตรงฝาด้านหน้า ถ้าเห็นก็จะรู้สึกว่าไม่น่ากลัวเลย เห็นเป็นสีเงาๆ ธรรมดา วันที่มีข่าวออกมาก็พูดเหมือนกันว่าใครจะดู
ถ้าผมเป็นชาวบ้านดู ผมก็จะคิดว่าข้างในมีพัดลม?
ดร.เจษฎา : เป็นไปได้ ตอนมีข่าวให้ตามหา มีการบอกว่าเป็นท่อทรงนี้ แต่หนัก 25 กิโล คนก็คิดแค่ว่าตามหาท่อ แต่ไม่มีใครบอกว่าช่วยกันตามหาท่อที่มีสัญลักษณ์นั้นอยู่ เห็นเมื่อไหร่อันตรายมาก ถ้าคนเข้าใจอย่างนี้ตั้งแต่แรก ก็จะไม่เกิดเหตุการณ์นี้
วิดีโอคอลหา ผศ.ดร.นภาพงษ์ พงษ์นภางค์ นายกสมาคมรังสีเทคนิคนานาชาติ/ปธ.วิชาการรังสีวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย ตอนนี้อนุมานได้ว่ามันถูกหลอมไปแล้ว หลายคนกังวลใจกันมาก อาจารย์มองยังไง?
ดร.นภาพงษ์ : จริงๆ อันตรายจากรังสีต้องดูก่อนว่าเป็นรังสีชนิดไหน เคสนี้จะปล่อยเบต้ากับแกรมมาออกมา ข้อที่สอง ความแรงของมันเท่าไหร่ เคสนี้ ตัวแท่งซีเซียมที่เราใช้ในวงการอุตสาหกรรม ปกติความแรงจะไม่ได้อยู่ในระดับที่สูงมาก และอยู่ในถ้ำตะกั่วอย่างที่เห็นกัน ฉะนั้นการแผ่รังสีออกมามันก็ไม่ได้เยอะมาก เท่าที่ทางปส.ถ้าเกิดเป็นแท่งนี้ เบสออนข้อมูลที่ได้จะปล่อยออกมาที่ระยะ 30 ซม.ระยะแรกที่มันเปิดอยู่ที่ประมาณ 129มิลลิซีเวิร์ตต่อชม. เท่าที่เห็น ตัวที่เราไปคุยกันว่ามันน่ากลัวเหมือนเชอร์โนบิล ต้องดูว่าความแรงของมันอยู่ที่เท่าไหร่ จากข้อมูลถ้าเป็นแท่งนี้จริงๆ ความแรงของมันอยู่ที่ประมาณ 41 มิลลิคูรี ฉะนั้นเทียบเท่ากับตัวซีเซียมโดยน้ำหนักเทียบกับเชอร์โนบิล คำนวณแล้วจะได้น้ำหนักซีเซียมอยู่ที่ประมาณ 0.00047 หรือประมาณ 0.0005 กรัม ส่วนที่เชอร์โนบิล ตอนระเบิดมันปล่อยซีเซียมออกมาถึง 27 กิโลกรัม ฉะนั้นในเคสของอุปกรณ์เหล่านี้ ปริมาณรังสีที่สามารถปล่อยออกมาได้ มันน้อยกว่าเชอร์โนบิลอยู่ประมาณ 57 ล้านเท่า ปกติตัวอุปกรณ์ที่เราใช้ในอุตสาหกรรมระดับความแรงจะไม่เยอะ ไม่เหมือนทางการแพทย์ ซึ่งตัวซีเซียม 137 การแพทย์สมัยก่อนโน้นนานหลายสิบปี เรานำมาฝังในมะเร็งมดลูก ปัจจุบันไม่ได้ใช้ตัวนี้แล้ว ผมมองว่าอันตรายถ้ามันจะเกิด ไม่ได้มองว่าถ้าเอาไปหลอมแล้วมีฝุ่นจริงๆ ด้วยระดับนี้ผมถือว่าไม่กังวลว่าจะเป็นอันตรายในวงกว้าง เช่นมีข่าวว่าจะปลิวไปหลายสิบกิโล เป็น 1 พันกิโล มองว่าถึงปลิวออกไปจริงๆ ด้วยระดับปริมาณแอ็กติวิตี้ระดับนี้มันจะถูกเจือจาง แต่ไม่ได้หมายความว่ามันไม่อันตรายเลย อันตรายกับคนที่อยู่ในระยะใกล้ คือเราต้องไปสัมผัสมัน ทีนี้อันตรายที่จะเกิดคืออะไร ถ้าเห็นได้ชัดลักษณะร่างกาย คือผิวของคนจะมีขีดจำกัดเริ่มผื่นแดงจากรังสีประมาณ 2 พัน มิลลิเกร พอมีการวัดตัวแท่งนี้ ด้านที่ออกมาเยอะที่สุดคือ 129 มิลลิซีเวิร์ตต่อชม. แปลว่าคนอยู่ใกล้มันแล้วจะอักเสบบวมแดงจากรังสี ต้องกอดมันไว้ประมาณ 15 ชม.ขึ้น ซึ่งมองว่าเป็นไปไม่ได้ที่เราจะไปกอดมันนานขนาดนั้น แต่อย่างไรก็ตาม ไม่ได้แปลว่ามันปลอดภัย 100 เปอร์เซ็นต์นะ คือคนที่เข้าไปสัมผัสต้องตรวจสอบว่าใครสัมผัสมันบ้างและต้องประเมินว่าได้รับปริมาณรังสีไปที่เท่าไหร่ แต่อีกตัวที่เรายังมองไม่เห็นวันนี้ คือความเสี่ยงจากการเกิดมะเร็งจากรังสี อะไรก็ตามที่เป็นปริมาณรังสีนอกเหนือจากปริมาณรังสีตามธรรมชาติ สามารถทำให้เกิดมะเร็งได้ แต่ว่าอัตราในการเกิดมะเร็ง อยู่ที่ 5 เปอร์เซ็นต์ต่อ 1 พันมิลลิซีเวิร์ต ซึ่งในเคสนี้ มันอยู่ในระดับที่ต่ำกว่านั้นมาก อยู่เป็น 0.000 เปอร์เซ็นต์
เอาง่ายๆ ว่าไม่ต้องกังวลใจ ถ้าถูกหลอมกลายเป็นฝุ่นแดง ด้วยปริมาณเท่านี้?
ดร.นภาพงษ์ : ถูกต้องครับ ถ้าเป็นเคสนี้จริงๆ มีการวัดปริมาณรังสีเท่านี้จริงๆ ผมมองว่าอันตรายจะเกิดเฉพาะในวงแคบ คือคนได้สัมผัสมันหรือสูดฝุ่นหลังเอาไปหลอมแล้ว ซึ่งน่ากลัวคือว่าปกติปล่อยรังสีมาสองตัว คือเบต้ากับแกรมมา เบต้าปกติเราไม่ได้ไปยุ่งกับมัน คงไม่เป็นไร แต่ถ้าสูดเข้าไปในร่างกาย มันก็จะทำลายร่างกายเรา ทำร้ายร่างกายเราได้ ส่วนแกรมมาไปค่อนข้างไกล เพราะปริมาณซีเซียมมันเยอะ อยู่ที่ 600 กว่า KV ขณะที่เครื่องเอกซเรย์ทางการแพทย์ เราใช้อยู่ที่ประมาณ 100 สูงสุดคือ 120-130 เพราะงั้นถ้าอยู่นอกถ้ำตะกั่ว อันตรายแน่ๆ ถ้าเราอยู่ใกล้มัน
ถ้าอนุมานว่ากลายเป็นฝุ่นไป ต่อให้ลอยออกไป ระยะ 5 กิโล 10 กิโล ตกมากับฝน ปลากินน้ำ เราไปกินปลา มันก็ไม่มีผล?
ดร.นภาพงษ์ : ด้วยปริมาณรังสีระดับนี้ มันจะถูกเจือจางในธรรมชาติ ปกติเรานั่งอยู่เฉยๆ เราได้รับปริมาณรังสีธรรมชาติอยู่แล้ว แต่ว่าด้วยปริมาณระดับนี้ผมไม่กังวลว่ามันจะไปก่อเหตุเหมือนพวกเชอร์โนบิล เพราะว่าสเกลต่างกัน อย่าลืมว่าเคสนี้ไม่ใช่เคสเตาปฎิกรณ์นิวเคลียร์ระเบิดนะครับ มันเป็นแท่งอุปกรณ์ที่เราใช้ในอุตสาหกรรม ซึ่งปริมาณรังสีจำกัดอยู่ช่วงนึง ไม่งั้นเราเอาไปใช้โดยไม่มีการป้องกันอันตรายสูงสุดมันคนละประเด็นกัน แต่ถามว่ามีอันตรายมั้ย มันอันตรายสำหรับคนที่เข้าไปใกล้มัน ตรงนี้ต้องตรวจสอบว่าเส้นทางคนที่ไปเอาอุปกรณ์นี้ออกมาจากแหล่งที่มันอยู่ ต้องตรวจสอบว่าใครสัมผัสมันบ้างอยู่ด้วยปริมาณที่เท่าไหร่ อยากฝากว่าถ้าได้ชมรายการนี้ ถ้าคุณเข้าไปใกล้มันให้เข้ามาหาคุณหมอ เดี๋ยวเราจะประเมินปริมาณรังสี ดูว่าจะบริหารจัดการอย่างไร ส่วนเรื่องฝุ่นฟุ้งไปหลายกิโล ผมไม่คิดว่าจะเป็นประเด็นในเคสนี้ครับ

ฟังแล้วก็ไม่ต่างจากที่สามท่านบอกเหมือนกัน?
ดร.เจษฎา : พยายามจะบอกอย่างนั้นเหมือนกัน เพราะคนกังวลกันเยอะมาก ผมอยู่กรุงเทพฯ ผมอยู่จังหวัดนั้น จังหวัดนี้ ผมโดนมั้ย อยากบอกว่าที่น่าห่วงก็มีเจ้าหน้าที่โรงงาน หรือใครก็ตามที่ไปเอาออกมา ขนย้าย เจ้าหน้าที่ขนย้าย ทำการหลอม ใครเกี่ยวข้อง ครอบครัวเขาด้วย ต้องระวัง ไม่รู้ว่ามีการเปื้อนเสื้อผ้า เข้าร่างกายเขาไปหรือเปล่า ชาวบ้านทั่วไปก็เห็นด้วยกับคุณหมอเลย ไม่ต้องกังวลเลยตอนนี้
อ.ธารา : อันนึงที่เราต้องตระหนักเอาไว้ ผมคิดว่ามันไม่ใช่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ แต่เราต้องไม่ประเมินมันต่ำเกินไป อย่าลืมว่าซีเซียม 137 ถูกขโมยไปใช้สำหรับทำเดอร์ตี้บอมพ์ ในสงครามยูเครน รัสเซีย ก่อนหน้านี้แท่งซีเซียมที่ถูกขโมย สมมติว่าหาไม่เจอ แต่ผมคิดว่าคงไม่เกิดกับประเทศไทยเพราะเรื่องก่อการร้ายคงไม่ใช่ในภูมิภาคแถวนี้ แต่ว่าถ้าเราหาไม่เจอจริงๆ แล้วไม่ใช่ที่อยู่ในฝุ่นแดง ความกังวลคือถ้าถูกขโมยข้ามแดนไปทำเดอร์ตี้บอมพ์ เดอร์ตี้บอมพ์จริงๆ ทำง่ายมาก แค่ทำให้ระเบิดแล้วใส่ซีเซียมเข้าไป รังสีฟุ้งกระจาย คนก็ป่วย
จะบอกว่าควรต้องดูแลและเก็บรักษาให้ดีกว่านี้?
อ.ธารา : ใช่ครับ ประเด็นคือว่าทำไมมันหายไปจากโรงไฟฟ้าได้ หายไปได้ยังไง แล้วทำไมไม่มีใครบอกได้เลยในประเทศนี้ว่ามันหายไปได้ยังไง ตอนนี้ก็ยังบอกไม่ได้ ถ้าผมเป็นประชาชน ก็จะคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้น โรงไฟฟ้าต้องรับผิดชอบอะไรบ้าง สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติก็ฟ้องไปที่โรงไฟฟ้าแล้วว่าล่าช้าในการแจ้ง เพราะห่างกันเกือบเดือน ผมว่าไม่ใช่แค่เรื่องอันตรายของซีเซียม เป็นความสงสัยในการกำกับดูแล การบังคับใช้กฎหมาย
ดร.เจษฎา : วันที่รู้ข่าวว่ามีการหายเกิดขึ้น ผมไม่ได้มองว่าเป็นของหายเลยนะ ผมมองว่านี่คือวิกฤตนิวเคลียร์แห่งชาติ วิกฤต นี่คืออุบัติเหตุนิวเคลียร์ครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้น ลองนึกภาพมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา มีนายกฯ เป็นประธานด้วยซ้ำ ต้องเป็นเรื่องใหญ่ สุดท้ายเราไม่เห็นความคืบหน้า เราเห็นสเกลการจัดการเล็กมาก เห็นถึงความไม่เป็นมืออาชีพที่ชาวบ้านคาดหวังว่าจะได้เห็น ครั้งนี้พอทุเลาเพราะมันไม่ได้ใหญ่มาก แล้วครั้งหน้าล่ะ มันจะใหญ่กว่านี้หรือเปล่า
อ.ธารา : นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ประเทศไทย เราจะทำยังไง แต่ไม่มีใครตอบได้
วิดีโอคอลหา “ดร.กิตติ์กวิน อรามรุณ” หัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินนิวเคลียร์และรังสี วันนี้นักวิชาการหลายท่านก็ยังกังวลใจ เจ้าบิ๊กแบ็กที่มีกัมมันตภาพรังสีที่เจือปนอยู่ของฝุ่นแดง วันนี้มีอยู่ทั้งหมด 24 ตัน ปนอยู่ในตะกอนเหล็กต่างๆ นานาที่มีการเผา จะทำยังไงกับ 24 ตัวนี้?
ดร.กิตติ์กวิน : ตัว 24 ตัน มีการปนเปื้อนของซีเซียม137 ในระดับต่ำ เบื้องต้นเราจะเก็บไว้ในโรงพื้นที่จัดเก็บฝุ่นโลหะหรือฝุ่นแดงของโรงงานไว้ก่อน เพื่อเตรียมการจัดการ ซึ่งเมื่อเช้าท่านรมต. ได้ประชุมและสั่งการเรียบร้อย เดี๋ยวจะมีหน่วยงานรับบริการ มาประชุมร่วมกันเพื่อวางแผน ขนย้าย หรือหาสถานที่จัดเก็บต่อไป เรากำลังดำเนินการ แต่เบื้องต้นอยากเน้นย้ำ ผมเป็นคนแรกที่เข้าไปตรวจสอบ ระยะที่ห่างออกมา 2 เมตร ระดับรังสีเทียบเท่ากับระดับรังสีในธรรมชาติ ระดับรังสีที่อยู่ใกล้เข้าไป ใกล้ที่สุดระยะสัมผัส อยู่ที่ 3 ไมโครซีเวิร์ตต่อชม. ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้พูดเรื่องหน่วยทางรังสีเลย เพราะฉะนั้น 3 ไมโครซีเวิร์ตเป็นปริมาณรังสีที่ไม่สูงมาก แต่อย่างที่ท่านอ.นภาพงษ์ว่าครับ มันก็ต้องมีการกำจัดพื้นที่ ไม่ให้มีการถูกขนย้าย หรือใครก็ตามเอาออกไปจากบริเวณที่เราควบคุมไว้อย่างดีเรียบร้อยแล้ว ตรงนี้เป็นสิ่งที่เราพยายามจะจัดการ และหลังจากนั้นตรวจอากาศทันที ตรงหน้าอาคารจัดเก็บ มันก็ไม่มีการปนเปื้อน เรารีบเก็บดิน เราสั่งทีมที่ตรวจวัดสิ่งแวดล้อม สั่งปูพรมตรวจวัด สุ่มเก็บดินน้ำอากาศภายในขอบเขต 5 กิโลเมตร ฉะนั้นตรงนี้ยืนยันในฐานะที่ผมเป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติงานในพื้นที่ พื้นที่ตรงนี้ยังไม่มีระดับรังสีสูงหรือเกิดปนเปื้อนทางรังสีครับ
แล้วที่มีข่าวหลุดออกมา เรื่องแรกมีการนำเจ้าบิ๊กแบ็กส่งไปที่ระยองหนึ่งชุด ชลบุรีหนึ่งชุด มีอีกหนึ่งชุดเอาไปฝังดิน ที่มาที่ไปเป็นยังไง เพื่อความสบายใจชาวระยอง ชลบุรี ปราจีนบุรี?
ดร.กิตติ์กวิน : บิ๊กแบ็กที่มีการปนเปื้อน มีการปนเปื้อนตั้งแต่วันที่ 4 ที่มีการหลอมแล้วนะครับ 4-5 มี.ค. แต่วันก่อนหน้านี้ โรงงานเอาฝุ่นที่ผ่านกระบวนการหลอมในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ โรงงานจะหลอมสัปดาห์ละ 1 ครั้ง วันเสาร์หรืออาทิตย์ ฉะนั้นฝุ่นก่อนหน้านี้ออกไปจากโรงงานวันที่ 2 ทันทีที่ผมทราบ ผมได้ประสานงานไปยังผู้เชี่ยวชาญของสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติที่มีหน่วยอยู่ระยอง ให้เข้าตรวจสอบเช้าวันนั้นเลย ก่อนผู้ว่าฯ แถลง 6-7 โมงเช้าเข้าไปตรวจเลยครับ วัดแล้วยืนยันว่าระดับรังสีอยู่ในระดับที่ปกติ ฉะนั้นไม่มีการปนเปื้อนทางรังสีใดๆ ของฝุ่นก่อนที่จะมีการหลอมในวันที่ 4-5 มี.ค. ขอยืนยันว่าฝุ่นที่ออกจากโรงงานไม่มีการปนเปื้อน ฝุ่นที่มีการปนเปื้อนอยู่ในภายในพื้นที่เฉพาะที่มีการจัดเก็บเท่านั้น ทีนี้ประเด็นฝังดิน มันไม่ใช่ฝังดินครับ ปกติตัวฝุ่นพอผ่านกระบวนการหลอมแล้ว จะเกิดเป็นพวกฝุ่นโลหะ มีความร้อนมาก โดยปกติโรงงานจะเอามาเกลี่ยบริเวณพื้นให้เย็นลง ไม่มีการฝังดินครับ เมื่อวานพอทราบ เราก็รีบให้ดำเนินการ นำสิ่งต่างๆ เหล่านี้ที่ปนเปื้อนเอาใส่ถุงบิ๊กแบ็กเก็บทำการตรวจวัด ผมอยู่กับทีมถึง 2 ทุ่ม ตรงนี้ยืนยันจัดเก็บในพื้นที่ที่ควบคุมเรียบร้อยแล้วครับ
บิ๊กแบ็กที่มีสารปนเปื้อน ตอนแรกที่มีข่าวส่งไประยอง ชลบุรี เป็นเศษการหลอมไปในวันที่ 2 มี.ค. ไม่ใช่ของวันที่ 4-5?
ดร.กิตติ์กวิน : ไม่ใช่แน่นอนครับ วันที่ 4-5 เป็นวันที่เริ่มมีการปนเปื้อน อยากบอกผู้ฟังคือวันที่มีการปนเปื้อน อยู่ในบริเวณพื้นที่จัดเก็บทั้งหมด ตอนนี้เรากำลังประสานงานภาควิชาวิศวกรรมนิวเคลียร์จุฬาฯ เพื่อเอาตัวอย่างมาวัดความเข้มข้น ว่ามีความเชื่อมโยงกับสิ่งที่สูญหายหรือไม่ ตรงนี้เดี๋ยวแผนการของสำนักงานเราจะประสานงานกับผู้เชี่ยวชาญมาดำเนินการตรงนี้ต่อไป เพื่อสร้างความกระจ่างให้ประชาชน กับเจ้าหน้าที่ตร. เป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ไปอีกทางหนึ่งครับ
อ.ธารา : ปมแรกต้องสรุปให้ได้ว่าที่เจือในฝุ่นแดงเป็นซีเซียมที่หายไปจากโรงไฟฟ้าหรือไม่ ถ้าได้เร็วเมื่อไหร่ก็จะหายคลางแคลงใจและตัดปมในเรื่องว่าแท่งซีเซียมมันอยู่ที่ไหน ทำให้ชัดขึ้น ผมว่าจะช่วยคลายความกังวลของประชาชนได้

ตกลงเจ้าบิ๊กแบ็กจะเอาไปไว้ที่ไหน จะเก็บที่ไหน ทำลานยังไง?
ดร.รุ่งธรรม : เดี๋ยวปส.ต้องหารือกับเครือข่าย กับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเอง หรือสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ องค์การมหาชน ต้องหารือกันว่าเราจะจัดการอย่างไรกับตัวบิ๊กแบ็ก 24 ตัน เรามีกฎหมาย มีขั้นตอน มีผู้ปฏิบัติพร้อมอยู่แล้ว
ในกรณีที่ตอนแรกมีข่าวออกมาว่าพอถูกหลอมไปแล้ว หลอมไปกับเหล็กต่างๆ นานา ถ้าเอาไปรีดเป็นเหล็กเส้น แล้วเอาเหล็กเส้นไปสร้างตัวอาคาร มนุษย์อยู่ตรงนั้น จะมีรังสีจากเหล็กเส้นเข้ามาที่ร่างกายของเรา ข้อเท็จจริงคือยังไง?
ดร.รุ่งธรรม : ถ้าซีเซียม 137 มันหลอมถูกเผาไหม้ในเตาหลอม จะเกิดเป็นควัน เป็นฝุ่นขึ้นมา มันจะไม่ปนกันเหล็กที่หลอม มันจะไปอยู่ในฝุ่นแดงตัวที่ว่านี่แหละ
ดร.เจษฎา : โอกาสรวมตัวมันยาก โดยพื้นฐานเองซีเซียมกับโลหะกลุ่มเหล็กมันรวมตัวกันยากอยู่แล้ว มันเคยมีรายงานในจีนที่ไปหลอมแบบนี้ กลายเป็นโลหะผสมก็มี เหตุการณ์นี้ไม่น่าเกิด แต่ที่คนสงสัยตั้งแต่แรก ตัวเตาเผาปิดจริงมั้ย ควันไม่ออกไปเลยแน่ๆ นะ มีตัวกรองจริงมั้ย ถ้าจริงตามนั้นก็สบายใจขึ้น แต่ทั้งหมดไม่ควรเกิดตั้งแต่แรก แล้วอนาคตจะเกิดอีกมั้ย มีของหล่นลงมา คนดูไม่ออกว่าเป็นรังสี ผสมเข้าโรงงานเหล็ก ก็ไม่มีเครื่องตรวจอะไร ถ้าเกิดอีกก็เรื่องใหญ่แล้ว ทำไมหน่วยงานต่างๆ ไม่วางแผนรัดกุม
ทำไมต้องเรียกฝุ่นแดง?
ดร.เจษฎา : มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่แล้วในกระบวนการหลอมเหล็ก มันเกิดฝุ่นที่มันตีอยู่ในห้องนั้นอยู่แล้วก็เกิดเป็นสีแดงๆ ภาษาชาวบ้านหรือภาษาโรงงานก็เรียกฝุ่นแดงอยู่แล้ว ไม่ใช่จะเห็นฝุ่นสีแดงต่อจากนี้ (หัวเราะ) แต่ตอนที่เกิดเหตุที่สเปน โดนเผาแบบเดียวกันและขึ้นปล่องไฟ ควันที่ออกมาก็มีเป็นสีแดงค่อนข้างมาก ก็เกิดภาพจำแบบนั้นเหมือนกัน แต่เอาเป็นว่าฝุ่นแดงคือภาษาชาวบ้านทั่วๆ ไป ฝุ่นที่เกิดจากการเผานี่แหละครับ ไม่เกี่ยวข้องกับฝุ่นที่มีกัมมันตภาพรังสีรวมอยู่แล้ว
เอาเตาเหล็กเข้าเตาหลอม ก็เป็นสีแดง เขาเรียกฝุ่นแดง การเก็บท่อซีเซียม ในประเทศไทยมีกี่หัว?
ดร.รุ่งธรรม : ต้องขอข้อมูลจากดร. ทศดล สันถวไมตรีหั วหน้ากลุ่มวัสดุกัมมันตรังสีจากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ตัววัสดุกัมมันตรังสี ไม่ว่าจะซีเซียม โคบอลต์ หรืออะไรก็ตามแต่ ก่อนนำมาใช้ต้องเข้ากระบวนการขอรับใบอนุญาตจากสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติก่อน
ท่อซีเซียมตอนนี้มีกี่ลูกในประเทศไทย?
ดร.ทศดล : มีอยู่สักประมาณ 1 พันกว่ารายการ อาจไม่ใช่โมเดลนี้ แต่หลายโมเดลทั้งหมดที่อยู่ในฐานข้อมูล มีใช้อยู่ประมาณ 90 หน่วยงานในอุตสาหกรรม
มีอายุประมาณ 30 ปี?
ดร.รุ่งธรรม : ค่าครึ่งชีวิต คืออัตราการสลายตัวของซีเซียม 137 จากปริมาณเริ่มต้นจนเหลือครึ่งนึง ซีเซียมใช้เวลา 30 ปี
ดร.เจษฎา : เหมือนมีอยู่หนึ่งช้อน ผ่านไปเท่าไหร่ถึงหายไปครึ่งช้อน เขาบอกว่า 30 ปี แต่จากนั้นก็จะหายไปทีละครึ่งใช้เวลา 30 ปีเอาง่ายๆ อาจเป็นร้อยปี สองร้อยปีก็ได้ คนเข้าใจผิดเรื่องนี้
อ.ธารา : บวกไปเลย 300 ปี
ดร.รุ่งธรรม : 300 ปีคือทำให้หมดสภาพจากการแผ่รังสี
หลายคนที่เข้าใจว่า 30 ปีจะหมดอายุ ไม่ใช่ 30 ปีคือร้อยเปอร์เซ็นต์จะเหลือ 50 เปอร์เซ็นต์ จากนั้นอีก 30 ปีจะลดไปอีกครึ่งนึง คือเหลือ 25 เปอร์เซ็นต์?
ดร.เจษฎา : อยู่ที่ตั้งต้นเยอะแค่ไหน ถ้าตั้งต้นนิดเดียวเท่าช้อนชา ก็ค่อยๆ หายไปได้ ซีเซียมมีพันรายการ แต่โลกความจริงตัวอื่นที่ใช้กับการแพทย์เยอะแยะไปหมด ไม่ต้องกลัวขนาดนั้น
ดร.ทศดล : พันรายการก็ไม่ใช่ซีเซียมทั้งหมด อาจมีโคบอลต์ 60 ด้วยก็ได้ครับ แล้วแต่โมเดล แล้วแต่สเปกที่เขาจะใช้แต่ละโรงงาน
จากโคบอลต์มาซีเซียม เคยมีเรื่องแบบนี้อุบัติในเมืองไทยมั้ย ที่หายไปแล้วไม่รู้ ไม่มีใครมาแจ้งหน่วยงาน เรื่องนี้ถ้าไม่มีใครแจ้งเราก็ไม่รู้?
ดร.เจษฎา : ผมสังเกตว่าเป็นข่าวปล่อยด้วย โซเชียลมาก่อนเลยถึงเริ่มมีแถลงออกมา ก็น่าตกใจว่าเคยมีแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อนหรือเปล่า ถ้าไม่มีข่าวเราจะรู้หรือเปล่า
ดร.ทศดล : ถ้าตามข้อมูล เราก็มีการจัดทำตัวรายงาน ให้รายงานทุก 1 ปี ว่าตัววัสดุรังสีมีอยู่ตามทะเบียนหรือเปล่า ตามข้อมูลไม่พบรายละเอียดพวกนี้
ถ้าหายไปเราจะรู้มั้ย ถ้าครั้งนี้ไม่มีข่าวออกมาเราจะรู้มั้ย?
ดร.รุ่งธรรม : ผมอธิบายอย่างนี้ การครอบครองหรือใช้วัสดุกัมมันตรังสี จะมีกฎหมายอยู่ฉบับนึงเขาเรียกว่ากฎกระทรวงความมั่นคงปลอดภัยทางรังสี เราต้องควบคุมดูแลไม่ให้มันหาย กระบวนการดูแลก็จะมีกลไกลต่างๆ นานาเขียนเอาไว้ชัดเจน อย่างโรงงานนี้เขารู้ได้ไงว่ามันหาย เขาอาศัยกลไกกฎกระทรวง โดยการจัดทำบัญชีรายการต้นกำเนิดรังสี ตามกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนด พอถึงรอบ เคสนี้เขาถึงรอบในการทบทวนหรือตรวจสอบบัญชี เขาก็ไปเดินตรวจ เดินนับ ถึงได้เจอว่าตัวนี้มันหายไป
ใครต้องรับผิดชอบที่ซีเซียมหายไป?
ดร.รุ่งธรรม : อันดับหนึ่งผู้ครอบครองหรือใช้ตามใบอนุญาต คือบริษัทที่เป็นเจ้าของ ปส.กำลังพิจารณาดำเนินการอยู่ กำลังดูข้อกฎหมายว่าจะเข้าข่ายอะไรได้บ้าง
อ.ธารา : ผมคิดว่าคล้ายๆ กับช่องว่างในการกำกับดูแลเรื่องมาตรการของการดำเนินการโรงไฟฟ้า ไม่ใช่เฉพาะโรงใดโรงหนึ่ง เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแล้วมีช่องว่าง การแจ้งหายก็ช้า ถ้าแจ้งได้เร็วเท่าไหร่ก็จะเป็นประโยชน์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่ามันจะไปที่ไหน เส้นทางจากโรงไฟฟ้าไปโรงหลอมก็ไม่ได้ไกลมากนะ อยู่แค่ในเขตจังหวัด ฉะนั้นแจ้งได้เร็วก็จะตามได้เร็ว บางทีเราอาจไปเจอก่อนเข้าโรงหลอมด้วยซ้ำไป การกำกับดูแลเรื่องนี้ ด้วยความมีหลายหน่วยงาน มองการกำกับดูแลกิจการพลังงานกำกับดูแลความปลอดภัยด้านนิวเคลียร์และรังสี ผมคิดว่าเป็นบทเรียนสำคัญ ต้องไม่ให้เกิดซ้ำรอยอีก
เรื่องเครื่องหมาย ชาวบ้านอาจไม่เข้าใจ หรือดูแล้วมันคืออะไร ต้องแก้ยังไงดี?
อ.ธารา : ด้วยความที่ทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ เขาตระหนักดีว่า นิวเคลียร์มีทั้งประโยชน์และโทษ โทษมหันต์ด้วยถ้าใช้ผิด เขาเลยให้นักวิจัยที่ทำงานด้านรังสีคิดออกแบบว่าแบบไหนคนจะเก็ตและเข้าใจมากที่สุด แล้วจ้างบริษัททำเซอร์เวย์ ตัวนี้น่าจะเวิร์คที่สุด แต่ไออีอีเอไม่ได้มีหน้าที่บังคับให้แต่ละประเทศใช้
ดร.รุ่งธรรม : สามเหลี่ยมตัวนี้ถ้านำมาติดข้างนอกอุปกรณ์ จะทำให้ประชาชนเข้าใจผิดว่าเป็นของอันตราย แต่จริงๆ มันไม่ใช่ มันเป็นของที่นำมาใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมหรือการแพทย์ ก็ตามแต่ ถ้าสมมติเอาเครื่องหมายนี้ไปติดหน้าสถานพยาบาลทำไงครับ ประชาชนก็ไม่กล้าเข้า เขาเลยเอาเครื่องหมายสามเหลี่ยมเป็นเครื่องหมายสากลติดข้างนอกภาชนะ แต่สามเหลี่ยมสีแดงๆ เขาติดข้างในแคปซูน
ดร.เจษฎา : แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม สังคมไทยรู้จักมันน้อยเกินไป เหมือนสึนามิทำไมคนต่างประเทศรู้ว่าต้องหนีเมื่อน้ำลง แต่คนไทยไปถ่ายรูปเล่น นี่สมมติ ต้องกลับมาที่หน่วยงานเรื่องการศึกษา ต้องให้ความรู้ให้มากขึ้น เห็นเครื่องหมายอย่างนี้อย่าไปยุ่งกับมัน ส่วนต่อไปจะต้องมีกฎหมายบังคับอะไรมั้ยเรื่องการตรวจรังสีก่อนเข้าเตาหลอม ต้องเอาครั้งนี้เป็นอุทาหรณ์
อ.ธารา : ผมคิดว่าเรื่องการสื่อสารสาธารณะในยามวิกฤตต้องฝึกอบรมกันนิดนึง ถ้ามีชุมชน ประชาชนลุกถามด้วยคำถามบางอย่างที่ดูเหมือนเขาก้าวร้าว ตั้งคำถาม อย่าไปโต้กลับ พยายามอธิบายบนหลักฐานเหตุผลทางวิทยาศาสตร์ เมื่อวานนี้หน่วยงานรัฐพยายามบอกว่าสถานการณ์อยู่ในการควบคุม ฉะนั้นเบาใจได้ ผมมองว่ามันไม่ใช่การแก้ปัญหา วิธีแก้ปัญหาคือการเปิดเผยข้อมูลแก่ประชาชน เป็นความจริง เป็นวิทยาศาสตร์ เป็นขั้นเป็นตอน ให้ความรู้ประชาชน ต้องมีการตรวจสอบคนงาน 70 กว่าคนในโรงงาน ถึงแม้มีรังสีอยู่ในตัวเขาน้อยมากหรือไม่มีเลย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าระยะยาวจะปลอดภัย
ดร.เจษฎา : คิดว่าทั้งหมดเป็นบทเรียนสำคัญ นี่คือวิกฤตนิเคลียร์ ไม่ใช่แค่ของหาย เราอยากเห็นสิ่งที่เป็นรูปธรรม ให้ทุกคนมั่นใจ ณ วันนี้ต้องยอมรับว่าการเสิร์ฟที่ดีคือมีหน่วยงานอื่นๆ เข้ามาช่วยให้ความมั่นใจมากขึ้น ให้มีข้อมูลชัดเจน เจอน้อยเจอมากก็ให้ชัดเจน หาข้อสรุปให้ได้ ว่าออกจากโรงงานได้ไง ไปอยู่ที่นี่ได้ยังไง ถ้าไม่ชัดเจนก็เกิดความกังวลและบานปลายได้ ยิ่งผมมีเซ้นส์ว่าในช่วงชีวิตผมคงไม่ใช่ครั้งนี้ครั้งเดียว อาจมีอีกได้ในอนาคต
ดร.รุ่งธรรม : อยากเรียนเน้นย้ำว่าสืบเนื่องจากดร.นภาพงษ์ที่ให้ข้อมูลไว้ ก็อยากยืนยันว่าซีเซียม 137 ที่พบที่โรงหลอมเหล็ก อยากยืนยันว่าถ้าหลอมหรือเผาไปแล้ว ซีเซียม 137 จะไม่ก่อให้เกิดผลต่อประชาชนและสิ่งแวดล้อมอย่างร้ายแรงได้อย่างแน่นอน การที่ปส.ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจวัดรังสี ตรวจคนและสิ่งแวดล้อม เพื่อสร้างความมั่นใจให้ประชาชนรอบๆ โรงงานว่าเขาจะไม่ได้ผลกระทบอย่างแน่นอน เรื่องกากกัมมันตรังสีที่พบที่โรงหลอม เราก็จะมีวิธีจัดการต่อไป ส่วนวัสดุกัมมันตรังสี ถ้ายังหายอยู่ เราก็จะดำเนินการค้นหาให้เจอให้ได้ ไม่ว่าจะวิธีการใดก็แล้วแต่ เราจะทำต่อไป
สรุปที่เราเจอคือก้อนนี้ใช่มั้ย?
ดร.รุ่งธรรม : อย่างที่เรียนไป เราต้องใช้นิติวิทยาศาสตร์เอามาพิสูจน์ก่อนว่าที่เจอที่โรงหลอมมันใช่มั้ย ถ้าไม่ใช่ก็หาต่อ มันเป็นไปได้สองทางแค่นี้
อ.ธารา : เป็นเรื่องท้าทายอย่างนึง เวลาก็สำคัญ เรามีหน่วยงานที่มีประสิทธิภาพ การบังคับใช้กฎหมายก็สำคัญ จริงๆ เราก็อยากรู้แค่นั้นว่าตกลงฝุ่นแดงที่ปนเปื้อนคือแท่งเดียวที่มาจากโรงไฟฟ้ามั้ย ถ้ามันใช่ด้วยหลักฐานและความสามารถทางวิทยาศาสตร์ มันก็จบไปเปลาะนึงเลย แล้วค่อยไปแก้ต่อจากนี้ว่าจะจัดการอย่างไร กฎหมายมีระเบียบปฏิบัติอยู่แล้ว ผู้ใช้และผู้กำกับดูแลต้องไปร่วมกัน เพื่อให้รังสีเกิดความปลอดภัยมากที่สุด
อ.ธารา : มันเป็นเหตุการณ์ห่างกัน 20 ปี โคบอลต์ 60 คนละเวลากัน แต่ไม่ใช่แท่งแบบนี้ มีคนป่วย คนเสียชีวิต มีการฟ้องร้องทางคดี ใช้เวลา 15 ปี กว่าศาลจะสั่งตัดสินให้บริษัทครอบครองจ่ายชดเชย ถ้ารู้ว่าฝุ่นแดงมาจากแท่งนี้ได้ ก็จะหมดไปเปราะนึง แต่มีคำถามตามมาอีกว่า รายการต่างๆ ในรายงานมีมั้ย โรงไฟฟ้าต่างๆ ตรงนี้เป็นจุดสนใจประชาชน เขาก็ต้องตั้งคำถามว่าโรงไฟฟ้าที่เกิดขึ้นใหม่และมีอยู่ ควรดูแลเข้มงวดตรงนี้ให้มากขึ้น ควรเป็นหน้าที่หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ต้องกำชับ ไม่งั้นจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีก
ดร.เจษฎา : ตอนนี้ยังไม่เห็นอธิบดีไหน กรมไหนที่ออกมาเช็กเรื่องที่เกิดความผิดพลาด มีแต่ข่าวออกมาตามหาของ จริงๆ อยากเห็นกรมโรงงานเอย ด้านการแพทย์ที่ใช้อยู่ 1-2 เดือนนี้เคลียร์บัญชีว่ามีอยู่ครบนะ แต่ผมยังไม่เห็นมีใครแถลงอะไรเลย