ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมวิเคราะห์คดีหวยอลเวง 30 ล้าน ทั้ง 2 ฝ่าย ต้องสู้กันถึง 3 ศาล ใช้เวลาอย่างน้อย 5 ปี ระบุหากกองปราบปรามมีความเห็นว่า"ครูปรีชา"เป็นเจ้าของลอตเตอรี่เหมือนภาค 7 คดีนี้ "หมวดจรูญ"แพ้แน่นอน
เมื่อวันที่ 11 ก.พ.ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้โพสต์เฟซบุ๊ก บทวิเคราะห์ เหตุผลที่ครูกับพวก รวมทั้งด็อกเตอร์ท่านหนึ่งมั่นใจที่จะให้คดีหวย 30 ล้านขึ้นสู่ศาล ทางชมรมฯ จะขออธิบายรายละเอียดให้ทุกคนเข้าใจดังต่อไปนี้
สืบเนื่องจากครู
1. ได้ให้ทนายความไปยื่นฟ้องคดีแพ่ง ที่ศาล จ.กาญจนบุรี ฟ้องคดีละเมิด และร้องศาลจ.กาญจนบุรีไต่สวนฉุกเฉินให้อายัดเงินลุงจรูญ จำนวน 30 ล้านบาท ซึ่งครูได้ยื่นพยานหลักฐาน จนทำให้ศาลจ.กาญจนบุรีเชื่อว่า ครูได้มีการซื้อลอตเตอรี่จริง และได้ทำตกหาย หากไม่มีการอายัดเงินลุงจรูญไว้ก่อน ลุงจรูญอาจยักย้ายถ่ายเทเงินเมื่อปรากฎข้อเท็จจริงภายหลังว่า เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่แท้จริงคือครู ซึ่งก็จะทำให้ครูเสียหายได้ คดีนี้ยังไงทั้งสองฝ่าย ต้องสู้กันถึง 3 ศาล ใช้เวลาอย่างน้อย 5 ปี อยู่ที่ลุงจรูญจะอดทนได้หรือไม่ ทำให้ครูกับพวกถึงพูดแต่ไปศาลเท่านั้น
จากการยื่นพยานหลักฐานฝั่งครูในขณะนั้นต่อศาลจ.กาญจนบุรี ศาลได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เพราะเชื่อว่ามีมูล ทำให้ครูได้เปรียบในทางแพ่งในขณะนี้ ถึงได้เกิดความมั่นใจ แต่คดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา โดยปกติต้องรอผลคดีอาญาถึงที่สุดก่อน ถึงจะมาตัดสินในคดีแพ่ง (อาจมีการสืบพยานควบคู่ หรือจำหน่ายคดีก่อนชั่วคราว จนกว่าจะรู้ผลคดีอาญา) หากศาลจ.กาญจนบุรีในคดีแพ่งไม่รอผลคดีอาญา ให้สืบ ชมรมฯ เชื่อว่าครูมีโอกาสพลิกชนะได้ ขึ้นอยู่กับการสืบพยานในชั้นศาล
2. วิเคราะห์ถึงคดีอาญา มี 2 คดีในขณะนี้ คือลุงจรูญแจ้งความ ครูแจ้งความเท็จ เป็นคดีอาญา 1808/2560 ที่สภ.เมืองกาญจนบุรี คดีที่ 2 ครูแจ้งความลุงจรูญลักทรัพย์ ที่สภ.เมืองกาญจนบุรี จากเดิมภาค 7 ได้มีการรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้นว่าลอตเตอรี่เป็นของครู ต่อมา ผบ.ตร.มีคำสั่งให้โอนคดีจากภาค 7 มากองปราบ
3. หากกองปราบปรามรวบรวมพยานหลักฐาน แล้วออกผลคดี 2 กรณี ดังนี้
3.1 สรุปผลครูแจ้งความเท็จ ก็จะสั่งไม่ฟ้องลุงจรูญในข้อหาลักทรัพย์ แล้วส่งสำนวนคดีไปที่พนักงานอัยการจังหวัดกาญจนบุรีเพื่อดำเนินการต่อ หากอัยการมีความเห็นเหมือนพนักงานสอบสวนกองปราบ สั่งไม่ฟ้อง ก็ยังไม่ถือว่าคดีถึงที่สุด
3.2 พนักงานสอบสวนกองปราบปราม ดำเนินคดีอาญากับครูในข้อหาแจ้งความเท็จ แจ้งจดข้อความอันเป็นเท็จ โดยสั่งฟ้องไปยังพนักงานอัยการ พนักงานอัยการมีความเห็นตรงกัน สั่งฟ้องครูไปยังศาล ศาลต้องลงโทษครูจนคดีถึงที่สุด ถึงจะเอาผลของคดีอาญามาใช้ในคดีแพ่ง (ในกรณีที่ยังไม่มีการเพิกถอนคำสั่งอายัดของศาลจ.กาญจนบุรี) โดยปกติศาลจะรับฟังเฉพาะผลของคดีที่ศาลอาญาตัดสินถึงที่สุดแล้วเท่านั้น
3.3 หากพนักงานสอบสวนกองปราบปราม และพนักงานอัยการมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องลุงจรูญ ทางทีมทนายของลุงจรูญสามารถนำหลักฐานทั้งพยานบุคคล และพยานเอกสารเพิกถอนคำสั่งศาลจ.กาญจนบุรีที่คุ้มครองชั่วคราวได้ เพื่อให้ศาลจ.กาญจนบุรีทราบข้อเท็จจริง เพราะในวันที่ครูไปยื่นฟ้องต่อศาลจ.กาญจนบุรี ยังไม่ปรากฎข้อเท็จจริงจากพนักงานสอบสวนกองปราบ และพนักงานอัยการ ส่วนศาลจะเห็นด้วยหรือยกคำร้อง ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
จากข้อ 3.1 ถึง 3.3 หากครูต่อสู้คดีในคดีแจ้งความเท็จและศาลยกฟ้อง (เชื่อว่าครูจะต้องเอาผลของศาลจ.กาญจนบุรีในคดีแพ่งที่คุ้มครองชั่วคราว และเอาผลของการแถลงข่าวของภาค 7 มาใช้ในการต่อสู้คดี ยกเว้นผลของกองปราบปรามมีพยานหลักฐานที่ชัดเจนทางนิติวิทยาศาสตร์ วิทยาศาสตร์และบุคคลจนดิ้นไม่หลุด จนถูกศาลลงโทษ) คดีนี้ใช้เวลาไม่เกิน 3 ปี แล้วนำผลมาใช้ในคดีแพ่ง
3.4 หากกองปราบปราม ในกรณีที่มีความเห็นว่าครูเป็นเจ้าของลอตเตอรี่เหมือนภาค 7 คดีนี้ลุงจรูญแพ้แน่นอน เพราะครูได้เปรียบทั้งแพ่งและอาญา คดีนี้ยังไงต้องสู้กันในศาลจ.กาญจนบุรีในคดีแพ่งไม่น้อยกว่า 5 ปีอย่างแน่นอน ถึงแม้กองปราบปรามจะสรุปว่าครูไม่ใช่เจ้าของลอตเตอรี่ก็ตาม แต่ในทางสังคม คุณครูก็อยู่ลำบากอย่างแน่นอน และเชื่อว่าเมื่อความจริงปรากฎจากกองปราบปราม ไม่มีข้าราชการคนไหนจะกล้าบิดเบือนข้อเท็จจริง หรือให้การช่วยเหลือ ดังนั้น อย่าไปเชื่อข่าวลือ ขอให้เชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรม