ผบ.ตร.มอบ"ศรีวราห์"คุมคดี"เปรมชัย" ยังไม่โอนคดีมาส่วนกลาง สั่งสอบสวนขยายผลในทุกประเด็น หากเชื่อมโยงถึงใครที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีไม่ละเว้น ยืนยันไม่กังวลผู้ต้องหาเป็นนักธุรกิจชื่อดัง เพราะอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน ด้าน"ศรีวราห์" ลั่นดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายไม่เป็นมวยล้มต้มคนดูแน่นอน
เมื่อวันที่ 8 ก.พ. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้กล่าวถึงกรณีการสอบสวนขยายผลคดี นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ว่า ตำรวจจะเร่งสอบสวนขยายผลในทุกประเด็น ทั้งการครอบครองซากสัตว์พฤติกรรมการเดินทางเข้าพื้นที่ทุกครั้งก่อนถูกจับกุม รวมถึงประเด็นการได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ให้นายเปรมชัย กับคณะเข้าพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุกครั้งที่ผ่านมา หากพบการทำผิดเชื่อมโยง หรือ มีส่วนร่วมกับการกระทำความผิด ตำรวจจะดำเนินคดีอย่างไม่มีละเว้น โดยได้มอบหมายให้ พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.เข้าไปดูแลคดีนี้ ยืนยันไม่กังวลผู้ต้องหาเป็นนักธุรกิจชื่อดัง เพราะอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกัน และยังไม่มีความจำเป็นต้องโอนคดีมาส่วนกลาง แต่ให้ทุกหน่วยงานบูรณาการร่วมกันในการสืบค้นข้อเท็จจริง
ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งเเวดล้อม (บก.ปทส.)พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. กล่าวภายหลังเป็นประธานการสอบสวน นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าหน่วยพญาเสือ กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช พร้อม นายวิเชียร ชิณวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก และเจ้าหน้าที่กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ว่า ขณะนี้การสอบสวนคดีมีความคืบหน้าไปมาก ยืนยันว่าคดีนี้ไม่เป็นมวยล้มต้มคนดูอย่างแน่นอน ทุกอย่างดำเนินไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ไม่มีอิทธิพลเข้ามาแอบแฝง ส่วนที่หลายฝ่ายมีความกังวลเรื่องการหลบหนีออกนอกประเทศของนายเปรมชัย ขณะนี้ทางศาลไม่ได้มีคำสั่งห้ามออกนอกประเทศ แต่หากนายเปรมชัยจะเดินทางออกนอกประเทศจะต้องมีการแจ้งให้เจ้าหน้าที่รับทราบ ซึ่งขณะนี้ก็ยังสามารถติดต่อนายเปรมชัยผ่านทางโทรศัพท์ได้ตลอดเวลา
รอง ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องคลิปเสียงการเจรจาระหว่างผู้ต้องหากับเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าคลิปเสียงนั้นเป็นเสียงจริงที่เกิดขึ้นหลังการจับกุม แต่ไม่ยืนยันว่าเป็นเสียงของนายเปรมชัยหรือไม่โดยมีเสียงเจรจาประมาณ2-3เสียง จากการสอบสวนหนึ่งในเสียงนั้นคือนายยงค์ โดดเครือ ผู้ต้องหาร่วม ซึ่งทำหน้าที่เป็นคนขับรถให้กับนายเปรมชัย ซึ่งต้องเรียกมาสอบสวนต่อ เช่นเดียวกับเรื่องการติดสินบนเจ้าพนักงาน ขณะนี้กำลังรวบรวมข้อเท็จจริงอยู่
ส่วนกรณีที่ทนายความของนายเปรมชัย อ้างว่านำอาวุธเข้าไปภายในอุทธยานฯเพื่อนำไปป้องกันตัวนั้น รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า แค่นำปืนเข้าไปยังภายในอุทยานก็ถือว่าผิดกฎหมายแล้ว แม้เบื้องต้นนายเปรมชัยจะมีการปฏิเสธ แต่จากหลักฐานอาวุธปืน ซากสัตว์ และกระสุนที่ฝังในสัตว์ สามารถนำมาตรวจสอบเพื่อดำเนินคดีได้ ส่วนการเข้าตรวจค้นบ้านพักที่กทม.และต่างจังหวัด และสถานที่ทำงานของนายเปรมชัย อีกครั้งนั้น ขณะนี้ยังไม่มีการการเข้าค้นเพิ่มเติม แต่หากพบข้อสงสัยก็จะมีการตรวจค้นต่อ และในอีก9 วันจะมีการเรียกนายเปรมชัย มาสอบสวนอีกครั้ง ตามคำสั่งของศาลที่ต้องมารายงานตัวในผัดแรก