หนุ่มไว้ใจพาชายคนสนิทเข้าบ้าน แผลงฤทธิ์ยกเค้าหมดบ้าน สูญนับ 10 ล้าน

2023-02-27 12:05:46

หนุ่มไว้ใจพาชายคนสนิทเข้าบ้าน แผลงฤทธิ์ยกเค้าหมดบ้าน สูญนับ 10 ล้าน

Advertisement

กรณี “เบิร์ด ไตรรัตน์” ชาวจังหวัดพัทลุง ร้องสื่อเพื่อขอความช่วยเหลือ หลังจากเดือนมีนาคมปีที่ผ่านมา เจอเพื่อนเก่า คือ “วิน ศุภนรินทร์” ชาวจังหวัดเชียงราย อายุ 30 ปี มาขออาศัยอยู่ที่บ้านด้วย โดยอ้างว่าไม่มีที่ไป ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน เพราะเพิ่งพ้นโทษคดีพยายามฆ่าพ่อเลี้ยงออกมา ด้วยความสงสารจึงให้โอกาสเพื่อน ให้มาอยู่ที่บ้าน ช่วยงานที่ร้านขายอุปกรณ์ประดับยนต์ และดูแลแม่ของคุณเบิร์ดที่มีอายุ 70 ปี ป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์ กระทั่งเดือนก.ย. วินมีท่าทีเปลี่ยนไป เริ่มทะเลาะกัน ก่อนพบว่ายกเค้าทรัพย์สินไปกว่า 10 ล้านบาท

รายการโหนกระแส  ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ผลิตในนามบริษัท ดีคืนดีวัน จำกัด ออกอากาศทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 12.35 น. ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ เบิร์ด ผู้เสียหาย, หลี น้าผู้เสียหาย มาพร้อม และทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร





เรื่องราวเกิดอะไรขึ้น รู้จักวินได้ยังไง?

เบิร์ด : รู้จักมาสักพักแล้วนะครับ เพียงแต่ว่าปลายเดือนม.ค. ปี 65 นายวินโทรมาบอกว่าเพิ่งออกจากเรือนจำ ไม่มีอะไรทำ อยู่ที่บ้านที่เชียงราย ที่บ้านอยากให้ทำงานโน่นนี่นั่น ซึ่งเขาไม่ชอบ ไปบงการบังคับชีวิตเขา เขาอยากมีชีวิตเป็นของตัวเอง แต่เขาไม่มีที่ไป เขาเลยมาขออยู่กับผมได้หรือเปล่า



เขาบอกออกจากเรือนจำข้อหาอะไร?

เบิร์ด : พยายามฆ่าพ่อเลี้ยงครับ ด้วยเขาเป็นวัยรุ่น เลือดร้อน ถกเถียงกันแล้วทำให้เขาอารมณ์ตอนนั้นหุนหันพลันแล่น เลยพลั้งมือไปทำร้ายพ่อเลี้ยง เขาบอกเสมอว่าพ่อเลี้ยงดีกับเขาทุกอย่าง ขนาดออกมาพ่อเลี้ยงก็ไม่ได้โกรธเขา ผมก็สงสัยว่าทำไมไม่กลับไปทำงานกับพ่อเลี้ยง เขาบอกเขาละอายใจกับสิ่งที่เคยทำ

คุณทำยังไง?

เบิร์ด : ระหว่างนั้นผมก็คุยกับเขาไปเรื่อยๆ ระหว่าง 20 มี.ค. ผมขึ้นไปตระเวนหางานที่กรุงเทพฯ เขาลงจากเชียงรายพอดี แล้วผมทำธุระทำโน่นทำนี่เสร็จ เขาก็ตามกลับมาด้วย หลักๆ เขาต้องการทำงาน หางานทำ มีที่พักที่กินที่อยู่ก็พอ

อะไรทำให้สงสารถึงขั้นพาเขาไปที่บ้าน ให้งานทำ พาไปรู้จักแม่?



เบิร์ด : ระหว่างคุยกันเขาคุยดีตลอด ไม่มีการขึ้นเสียง เขาเป็นคนพูดเบา กลายเป็นผมเองพูดตะคอกด้วยซ้ำไป เขาพูดจานิ่มๆ ครับ

ขอถามแบบตรงไปตรงมา คุณเบิร์ดเป็น LGBTQ ด้วยที่เขาเข้ามา เข้ามาในลักษณะต้องการพูดคุยเป็นแฟนหรือเปล่า?

เบิร์ด : ใช่ครับ เขาพูดตรงๆ ว่าเขาอยากลองคบดูนะ ผมก็ไม่ได้อะไร เพราะตอนนั้นไม่ได้โฟกัสเรื่องนี้ สิ่งที่โฟกัสคือแม่ผมที่พิการ งานผม ความมั่นคงของผมที่ผมต้องหา แต่เขาเข้ามา บอกว่าจะช่วยกันตรงนี้ ช่วยกันทำงาน ช่วยกันดูแลแม่ ผมก็คิดว่าสองคนน่าจะดีกว่าคนเดียว เพราะเราขาดแรงงาน ขาดคนดูแลแม่จริงๆ หลังที่ผมพักอาศัยไม่ได้มีคนอาศัยเยอะ แล้วก็มีแต่ผู้หญิง ชรา แม่เป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีกอีก มีเราและญาติพี่น้องคอยดูแล

ตอนอยู่ในบ้านเขาเป็นยังไง?

เบิร์ด : ดีมาก



หลี : ก็แปลกใจเหมือนกันทำไมอยู่ๆ พาเข้าบ้าน แต่เบิร์ดบอกว่าเขาเป็นคนอาสาจะขอมาดูแลในส่วนของแม่ที่ป่วยติดเตียง ช่วงนั้นติดเตียงเลย และมีแผลกดทับ เขาบอกว่าเขาเคยดูแลแม่ที่เป็นมะเร็งจนตาย เขามีความรู้ด้าน อสม. เราก็รู้สึกเบาใจ แต่ก็ยังสังเกตว่าทำได้จริงมั้ย เป็นคนนอกแล้วมาดูแลคนที่เรารัก เราก็สังเกตทุกอย่าง พฤติกรรมทุกอย่าง

เบิร์ด : ซึ่งเขาดีมาก

หลี : เขาสามารถทำให้คนป่วยติดเตียง ขึ้นมาช่วยตัวเองเบื้องต้นได้ หัดเดินได้ กินข้าวเองได้ อาบน้ำเองได้ ใจทั้งบ้านให้ไปหมดเลย จากคนป่วยเหี่ยวๆ คนแก่เหี่ยวๆ อายุ 90 มีทีวีเป็นเพื่อนแค่นั้นเอง แต่เขาเข้ามา แม่ก็ได้คุย

เบิร์ด : เสื้อดอกๆ คืออาม่า นี่บ้านอีกหลังนึง



หลี : ทุกเย็นจะพากันมากินข้าว บ่ายสองก็หุงข้าวรอแล้ว



ครอบครัวนี้เหมือนญาติพี่น้องกัน แต่ละบ้านมีคนแก่อยู่ในบ้าน ฝั่งคุณเบิร์ดมีแม่ซึ่งเป็นพี่สาวคุณน้า เป็นอัมพฤกษ์ครึ่งซีก จากคนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ลุกขึ้นมาทำโน่นทำนี่ได้ ก็คิดว่าทำไมทำได้ขนาดนี้?

เบิร์ด : มีเพื่อนคุย คอยบีบนวด ทำกายภาพ ทำทุกอย่าง

ด้านคุณน้าก็มีคุณแม่ แน่นอนฝั่งเบิร์ดกับวินก็ไปกินข้าวที่บ้านคุณน้า ห่างกันไกลมั้ย?

หลี : สัก 5 กิโลได้

ทุกคนในบ้านรักหมด แม่เราซึ่งเป็นอาม่าก็รักมาก เพราะเขาดูแลเป็นอย่างดี?

หลี : ใช่ค่ะ ชวนคุย ชวนหัวเราะ เราเห็นแม่เราหัวเราะได้ ยิ้มได้ สดใสขึ้น มันเป็นความสุขของเราตรงหน้าที่เราเห็นได้

เบิร์ด : แล้วเขาทำงานอยู่ต่างจังหวัด เขาก็เบาใจว่ามีคนคอยชวนอาม่าคุย เขาก็ฝากฝังวินให้ดูแลเลย

นอกจากสองบ้านนี้ เขาเข้าบ้านอื่นได้อีกมั้ย?

หลี : พยายามจะเข้า แต่บ้านอื่นเขามีเวลาปิดค่ะ ห้าโมงก็ล็อกประตูแล้วออกไปข้างนอกกัน

เข้ามาสร้างความน่าเชื่อถือ สร้างความมั่นใจ แล้วทำได้จริงๆ ซะด้วย ทำให้คนป่วยนอนซังกะตาย กลับมาหัวใจพองโต เขาอยู่กับเรานานมั้ยเรื่องถึงเปลี่ยนไป?
เบิร์ด : 11 เดือนครับ

วินาทีแรกที่เปลี่ยนไปคืออะไร?

เบิร์ด : มีช่วงนึง เดือนก.ย. ถึง ธ.ค. ผมมีเหตุเข้ารพ. เย็บหัวใจ ผ่าซี่โครง 4 ซี่ เย็บหัวใจที่โดนแทง

ใครแทง?

เบิร์ด : ทะเลาะกับน้องชาย น้องชายแทงผม เกี่ยวกับเรื่องวิน วันนั้นผมก็ถามประวัติวินนี่แหละว่าเป็นใคร เบอร์ติดต่อเบอร์เพื่อนมีบ้างมั้ย เพราะเขาหลุดปากว่ามีเพื่อนคนนั้นคนนี้ ผมก็เอะใจว่าตั้งนานแล้วที่อยู่ด้วยกัน ทำไมไม่มีเบอร์เพื่อนเขา ขอเฟซป้าที่บอกว่ามีป้า ก็ไม่ให้ ขอเฟซพ่อเลี้ยงก็ไม่ให้ คนอะไรไม่เล่นเฟซ เดี๋ยวนี้ไม่น่ามีแล้วนะ ขอเฟซเพื่อนก็ได้ ไม่มี ไม่รู้ประวัติเขาเลย ผมก็รู้สึกว่าไม่ใช่แล้ววิน ถ้าประวัติวินเป็นความลับอย่างนั้นวินน่าจะอยู่คนเดียว เราอยู่กันไม่ได้แล้ว เบิร์ดก็กลัวด้วย แล้วดึกแล้วด้วย ผมก็ไล่วินออกไปตอนดึกเลย เพราะผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว ผมกลัวแล้ว เขาออกจากบ้านไปแต่บังเอิญเจอน้องชายผม น้องชายสอบถามแล้วก็โกรธผมมากว่ามีสิทธิ์อะไรไปไล่วิน

หลี : เพราะวินดูแลแม่ แล้วก็เริ่มต้นการเถียงกัน

เบิร์ด : จากที่ผมทะเลาะกับวิน ก็เปลี่ยนมาทะเลาะกับน้อง

หลี : วินก็ไปนั่งรอที่หน้าบ้าน

เบิร์ด : ปรากฏว่าน้องเขาอารมณ์ขึ้น โมโห โน่นนี่นั่น สุดท้ายบันดาลโทสะมา เขามีประวัติเสพยาด้วย

หลี : ใช้กรรไกรจีนปลายแหลมเสียบเข้าอกพี่ชาย

เบิร์ด : แทงเข้าหัวใจ เลยต้องผ่าตัดหัวใจ มีที่อื่นอีก 3 รู

คุณถูกน้องชายแท้ๆ ใช้กรรไกรแทงเข้าที่หัวใจ สาเหตุเพราะไม่ต้องการให้วินออกจากบ้าน เพราะเห็นว่าวินดูแลแม่เป็นอย่างดี คุณมีสิทธิ์อะไรไปไล่วิน กลายเป็นว่าเห็นคนอยู่ในบ้านสำคัญกว่าพี่ชายตัวเองถึงขั้นเอากรรไกรแทงพี่ตัวเอง?

เบิร์ด : แทง 4 รู



ร่องรอยน้องแทงยังมีอยู่?

เบิร์ด : ชัดเจน โดนหัวใจเลยต้องผ่าซี่โครงเพื่อไปเย็บที่หัวใจ

จากนั้นเรื่องเป็นยังไงต่อ?

เบิร์ด : ระหว่างผมอยู่รพ. ตอนนั้นเขาก็เหนื่อยนะ เพราะตอนเช้าต้องดูแลแม่ ซื้อกับข้าวให้แม่ แล้วต้องมาส่งกับข้าวให้ผม ดูแลผม เพราะตอนนั้นผมโดนเจาะท่ออยู่ 4 สาย ลุกจากเตียงไม่ได้เลย จะขี้เยี่ยวอาบน้ำก็ต้องบนเตียง ซึ่งเขาก็มาทำให้เราก่อน เขาตื่นแต่เช้ามาทำให้เรา 8-9 โมงก็เสร็จแล้ว จากนั้นก็กลับไปดูแลแม่ แม่กินข้าวเสร็จก็วิ่งมาหาเราอีก แล้วก็วิ่งไปดูแลแม่อีก ผมอยู่รพ. 10 กว่าวัน เขาก็เหนื่อย 10 กว่าวัน เราก็คิดว่าหรือว่าวันนั้นเราคิดมากไปเอง เขาอาจมีโลกส่วนตัวไม่อยากให้วุ่นวาย ก็เลยไม่กลับมาคิดเรื่องนี้ดีกว่า เราก็เจ็บไปแล้ว เขาก็ดูแลแม่เรา ถ้า ณ ตอนนั้นไม่มีเขา เราจะทำยังไง แม่จะอยู่ยังไง น้องที่ก่อเหตุก็หลบหนีไปแล้ว ขนาดนอน ผมลุกตอนเช้ายังลุกไม่ได้เลย เขาก็ดูแลได้วันสองวัน จากนั้นเขาก็ขอไปทำบุญให้แม่เขาที่เชียงราย หายไปสัก 2 สัปดาห์ เราก็ไม่ได้อะไร เราก็ทำงานในส่วนของเรา พักฟื้นในส่วนของเรา

ความจริงเปิดเผยยังไง?

เบิร์ด : หลังเหตุการณ์วันนั้นเขามีการขอเดินทางบ่อยขึ้น อ้างไปทำงานโน่นนี่นั่น ผมก็ไม่ซีเรียสอะไร ดีเหมือนกันเขาได้ทำงาน มีอนาคตของเขา ระหว่างทำงานเขาก็มีเงิน ช่วยรายได้หลายทาง เขาก็ช่วยเหลือตัวเอง เราก็ไม่ได้เอาอะไรของเขา เขาไปเราก็ดูแลแม่เขามาก็ดูแลแม่ เหมือนแปะมือสลับกันทำ ก็โอเคอยู่ แต่ประมาณม.ค. ปี 66 ช่วงก่อนปีใหม่เขาขอไปทำงาน เดินทางข้ามปีใหม่ไปเลย ผมก็เอ๊ะ งานบ้าบออะไรที่ไหน ทำทั้งวันทั้งคืนติดต่อไม่ได้ แต่เราก็ไม่สนใจ เพราะหลังโดนแทงเราก็คุยกันแล้วว่าเราอยู่กันแบบพี่น้องนะ เพียงแต่ช่วยดูแลแม่ เพราะเขาก็รักแม่ เรื่องเริ่มระแคะระคายก่อนตรุษจีน เพราะที่บ้านไฟช็อต

หลี : เราก็เลื่อนโต๊ะบัญชีออกมา เพื่อให้ช่างไฟไปซ่อม พี่สาวเข้าไปเห็นว่าทำไมโต๊ะบัญชีเป็นรอย ปกติมีลิ้นชักซ้ายขวา พี่เองจะหันลิ้นชักเข้าข้างฝา ให้เห็นแต่ข้างหน้าโต๊ะเรียบๆ คนจะได้ไม่มางัด เราก็คิดว่าถ้าคนนอกก็ไม่มีใครรู้อยู่แล้ว

พอดึงโต๊ะออกมา ลิ้นชักมีรอย?

หลี : สลักอยู่เต็ม แต่เหมือนออกแรงกระชากออกมา พี่กลับไปส.ค. วันแม่ เช็กของในลิ้นชักยังมีอยู่เลย เราก็ย้ายทอง เพราะตรงนี้สุ่มเสี่ยง ย้ายทองออกมา เหลือแค่ลูกปัดขอสะสม แบงก์เก่า พี่สาวบอกว่ามีแค่นี้ เราก็บอกว่าอ้าว ลูกปัดเราหาย เหรียญในหลวงที่สะสมก็หาย ก็บอกว่าให้ถ่ายให้หมด ว่าเหลืออะไรบ้าง ให้ขึ้นไปดูบนห้องนอนแก เพราะฝากแกไว้ แกบอกว่าตอนเย็นเลิกงานจะไปดูให้ พอดูเสร็จเราถามว่าทองก้อน 4 บาทมีมั้ย แกบอกว่าไม่มีนะ มีแต่สร้อยทอง

ทองก้อนหายไปด้วย?

หลี : ทองก้อนอยู่ในห้องนอนพี่สาว ต้องขึ้นตึกไปชั้นสี่ แต่ลิ้นชักอยู่ล่างสุด ก็เหลือแต่สร้อย

ของในลิ้นชักหายแล้วยังไง?

เบิร์ด : ผมพาน้าสาวอีกคนเข้าแจ้งความ ทั้งที่ตอนนั้นไม่ได้สงสัยวิน แต่แปลกใจว่าใครจะเข้ามาในบ้านได้ เพราะคนเข้าบ้านได้ต้องไขกุญแจก่อน ต้องเป็นคนในเท่านั้น การดึงโต๊ะออกมาเพื่องัดก็ต้องคนในเท่านั้น แต่สงสัยว่าคือใคร เราไม่รู้จริงๆ แต่ใจนึงก็สงสัยมัน แต่หลักฐานอะไรก็ไม่ใช่ จะไปทำตอนไหน

หลี : ตอนที่เกิดเหตุการณ์ วินก็อยู่ด้วยตลอด รับรู้ด้วยว่าเราสงสัยใคร เขายืนอยู่ข้างๆ เรา แล้วดันบอกไปสงสัยคนโน้นคนนี้ ช่วยเก็บของที่เหลือใส่ถุงพลาสติกหิ้วไปฝากบนห้องนอนอีกต่างหาก

เรื่องแตกโพล๊ะยังไง?

เบิร์ด : คืนวันที่ 6 ม.ค. วันที่ 8 ผมต้องเดินทางทำงานที่กรุงเทพฯ เขาก็บอกว่าวันนี้กินเหล้าปั่นดีกว่า เดี๋ยวเขาทำให้กินฉลองงานใหม่ ผมก็โอเค ก่อนหน้านี้กินกันทุกสัปดาห์อยู่แล้ว แต่วันนั้นกินได้แค่แก้วเดียวเอง ผมรู้สึกว่าทำไมมันเมาจังเลย เหล้าอะไรวะเนี่ย ระหว่างที่เมาก็ไม่มีแรง เขาขอให้ผมโอนเงินให้เขา 300 เพื่อเติมเงินมือถือ รหัสพาสเวิร์ด ผมจิ้มไม่รู้กี่รอบ จิ้มผิดจิ้มถูก ตาไม่ลายแต่ไม่มีแรง ทุกอย่างจำได้หมด มีสติดีทุกอย่าง แต่สุดท้ายใช้เวลานานมากโอนเงิน 300 บาท หลังจากนั้นที่ผมเห็น เขาเอามือถือจากผมไปใช้อยู่ระยะนึง ผมไม่ได้หลับไป ผมเห็นเลยว่าเขาใช้อยู่ เราไปแย่งคืนแล้วแต่ไม่มีแรง

ทนาย : เมาหรือเปล่าตอนนั้น

เบิร์ด : แก้วเดียวเองนะครับ ปกติดื่มอยู่แล้ว แล้วแก้วเล็กๆ ผมก็รู้สึกว่าไม่ใช่แล้ว ทำอะไรไม่ได้ ผมมีสตินั่งมองเขา 10 นาที แต่ทำอะไรไม่ได้ พอเช้าวันที่ 7 ถ้าคนเมาเหล้าหลับไปแป๊บนึงก็น่าจะโอเค แต่วันที่ 7 ผมยังเดินไม่ได้เลยนะครับ ผมรู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้ว กินเหล้ากี่ทีไม่เคยไปหาหมอ เราคิดว่าเมาทั่วไป หมอก็ให้ยาแก้วิงเวียนมา แล้ววันที่ 7 หลับทั้งวัน จนวันที่ 8 ก่อนเดินทาง ผมเอาทองคำสิ่งมีค่าฝากไว้กับแม่ และส่วนใหญ่เก็บไว้ในลิ้นชักตู้เสื้อผ้าห้องแม่ เขาก็ขับรถพาผมไปส่งที่สนามบิน พอมาถึงกรุงเทพฯ ก็ล็อกอินเข้ามือถือตัวเอง เอ๊ะ ทำไมมันล็อกไม่ได้ มันขึ้นผิด จนต้องไปยืนยันตัวตน ก็แปลกใจคิดว่าระบบล่ม พอมาเปิดดูปุ๊บ บัญชีแรกหายไป 5 หมื่น ผมก็เอะใจ ธนาคารอื่นหายมั้ย แล้วโอนให้ใคร ปรากฏว่ามีรายการโอน โอนไปที่นายนพพร คือเบล น้องชาย น้องโดนจับได้ตอนม.ค.

น้องชายคือเบลอยู่ในคุกแล้ว แต่เงินถูกโอนไปที่น้องชาย ทำไมเงินถึงโอนไปที่เบล?

เบิร์ด : ผมก็เช็กไปธนาคารอื่นอีก เช็กกรุงศรีฯ เงินหายไป 4.9 แสน ในเวลาใกล้เคียงกัน โอนไปที่เบลอีก โชคดีผมมีเพื่อนอยู่ธนาคารกรุงไทย ซึ่งเป็นธนาคารเบล พอไปกดดูว่าเบลโอนไปที่ไหน ปรากฏว่าบัญชีของเบลโอนไปที่บัญชีวิน



วินโอนเข้าเบล แล้วเอาบัญชีเบลโอนเข้าบัญชีตัวเอง?

เบิร์ด : พอรู้อย่างนั้นก็แจ้งความก่อนเลย ไม่ได้นิ่งนอนใจ บันทึกข้อความวันที่ 8 เลย และพยายามสงบ เย็นใจเอาไว้ ไม่อยากทะเลาะกับเขา ตอนนั้นผมอยู่กรุงเทพฯ มีเวลากลับพัทลุงอีกทีวันที่ 18 ก็คิดว่า 10 วันนี้อย่ากระโตกกระตาก เพื่อกลับไปจะได้จัดการได้ถูก แต่ก็ถามว่าทำไมเงินไหลไปที่บัญชีวิน เขาบอกว่าบัญชีเขาเป็นบัญชีม้า ห่าเหวอะไรที่เขาบอก เขาไม่ได้ใช้ แต่เขารู้ว่าบัญชีที่รับโอนจากเขาเป็นใคร เดี๋ยวเขาไปตามให้ เพราะผมบอกว่าต่อให้วินอ้างว่าเป็นบัญชีม้า แต่เงินเข้าบัญชีวิน วินก็ต้องมีคำตอบสิ เขาบอกว่าใช่ ก็เดี๋ยวเขาจะรับผิดชอบ เขาไปตามหาให้ คนที่รับเงินจากเขา สัญญาจะให้เงินวันนั้นวันนี้ก็ว่ากันไป พอวันที่ 15 ผมได้รับโทรศัพท์จากน้าชายที่วินอยู่ ที่แม่อยู่ด้วย เขาบอกว่าเห็นวินเอาคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะออกไปต่อหน้าเลย ถามว่าเอาไปทำอะไรวินบอกว่าเอาไปล้างเครื่อง แต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร ตอนเย็นเขามาบอกผมว่าวินไม่น่ากลับมาแล้ว

เป็นเรื่องน่าตกใจ สักครู่ทีมงานบอกว่ามีผู้เสียหายเกิดขึ้นอีกหนึ่งคน เป็นคนที่วินไปก่อเหตุกับเขาเหมือนกัน เขาส่งข้อความมาหารายการเมื่อสักครู่ว่าอยากติดต่อเบิร์ดเพราะครอบครัวโดนวินทำแบบเดียวกับคุณเบิร์ด มีสำเนาบัตรประจำตัว สำเนาทะเบียนบ้านคนชื่อวิน จริงๆ เขาไม่ได้ชื่อวิน เขาชื่อมิค เขาจำได้แน่นอน เข้ามาคลุกคลีที่บ้าน ขโมยพระเครื่องของมีค่าเงินสดออกไปเป็นหลักหมื่น?

เบิร์ด : คุ้นๆ ว่าเขาเคยบอกว่ามีอีกชื่อว่าชื่อนี้เหมือนกัน

คุณรู้ได้ไงว่าเขาหอบทรัพย์สินไปหมดเลย?

เบิร์ด : วันที่ 15 พอน้าบอกว่าวินไม่กลับบ้านแล้วนะ ผมก็โทรไปถามเขาแต่ติดต่อไม่ได้ หลังจากวันที่ 15 ก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย แต่ก่อนไปเขาเอาคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะไปด้วย แต่กลัวมีหลักฐานอะไรหรือเปล่า คอมพิวเตอร์ตัวนั้นของผม

คุณไปดูสิ่งของที่บ้านเป็นไง?

เบิร์ด : หายหมดเลย พวกทองคำของแม่ทั้งหมดที่อยู่ในเซฟ เงินสด ชุดเพชร งาช้าง นี่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น แล้วมีทรัพย์สินที่ไม่ได้ถ่าย เพราะตอนเขาใช้มือถือผม เขาไปกดลบในมือถือหมดเลย ผมไปกู้มาได้แค่บางส่วนจากประวัติไลน์

ทรัพย์สินเฉพาะคุณแม่คุณเท่าไหร่?

เบิร์ด : 5 ล้าน ของผมต่างหากอีก 5.4 แสน

พอแม่รู้ข่าวแม่เป็นไงบ้าง?

เบิร์ด : แม่ร้องไห้ ฉี่ราด ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว พอได้ยินชื่อวินปุ๊บน้ำตาไหลเลย

น้าไปโดนอะไร ในเมื่อบ้านอยู่ห่างไปตั้ง 3-4 กิโล?

หลี : โดนหมดตัวเหมือนกัน ทอง 10 บาท เขาไปกินข้าวแล้วค่อยๆ เก็บข้อมูล เขางัดจากลิ้นชัก พอลิ้นชักโดนงัด เราก็เช็กของที่เรามีทั้งหมด เขาทิ้งสร้อยทองปลอมไว้ให้

เบิร์ด : ผมเอาไปเช็ก เพราะแปลกใจ พอเอาไปเช็กก็เป็นทองปลอม

มั่นใจได้ยังไงว่าเป็นวิน?

หลี : ปืนของพ่อที่พี่ชายเก็บหาย พระเครื่องเต็มตู้ของพี่ชายหายหมดตู้ ห้องพี่ชายเป็นห้องที่แกไปอยู่กรุงเทพฯ แล้วล็อกเอาไว้ ไม่มีใครรู้ด้วยว่ามีอะไรอยู่ในนั้น

เบิร์ด : ตอนพ.ย. เขามาเช็กก็ยังมีอยู่

ทนาย : ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าใครเป็นคนกระทำความผิด บ้านแต่ละหลังน่าจะไม่ได้ติดกล้องวงจรปิด แต่โชคดีเงิน 5 แสนกว่ามีเส้นทางการเงินอยู่ น่าจะตามไม่ยาก หนีไปไหนก็หนีได้ไม่นานหรอก มาออกโหนกระแสด้วยเนี่ย ใครที่เห็นรายชื่อของแล้วรับของไว้ กรุณาแจ้งตร.กลับด้วย เพราะนั่นคือข้อหารับของโจร ทั้งทอง ทั้งพระเครื่อง เห็นมีหนุ่มเอามาจำนำราคาถูก แจ้งตร.ที่พัทลุงด้วย เขากำลังตามหาอยู่ ผมว่าตามไม่ยากแน่นอน อยู่ดีๆ มีคนมาปล่อยของแบบนี้ มันมีลิสต์รายการอยู่ คนรับไว้ก็อย่าคิดว่าได้ของฟรี ไม่ใช่นะ นั่นรับของโจร มีโทษจำคุกเหมือนกัน

เบิร์ด : สงสารทางเรา ช่วยแจ้งเบาะแสหน่อย ล็อกเก็ตที่เป็นรูปอากงก็เอาไปหมด ไม่เหลือสักอย่าง

ตอนนี้อาม่าเป็นไง?

หลี : หมดใจค่ะ

เบิร์ด : เขาพังหมดแล้ว

หลี : เราก็ไปต่อไม่ได้ ของหนูกับแม่ 2 ล้านกว่า (ร้องไห้)

เบิร์ด : 2 ล้านแค่บ้านคนนี้ เพราะที่บ้านนี้ ยังมีห้องพี่สาว น้าสาว ห้องโน่นนี่นั่น มันเอาไปหมด

หลี : ทุกพื้นที่ในบ้านเลยค่ะ

เบิร์ด : มีรอยงัดหมด แต่ที่เจ็บใจที่สุด กว่าเราจะรู้กว่าจะมาเช็ก เวลาก็ล่วงเลยไป เก็บรอยนิ้วมือบางทีก็ไม่เจอ ไม่มี รู้ว่านายคนนี้ทำผิด แต่กลัวหลักฐานไม่เพียงพอไปมัดกุมในข้อหาอื่นๆ

อยากบอกอะไรกับวิน?

เบิร์ด : อยากให้วินสำนึกหน่อย อย่างน้อยๆ หญิงคนแก่ คนชรา เขารักวินด้วยใจที่บริสุทธิ์นะ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคนที่มอบครอบครัวให้ มอบทุกอย่างให้ ตอนที่วินทำวินคิดอะไรอยู่

คุณไปเช็กประวัติเรื่องที่เขาเข้าคุกไป เรื่องพยายามฆ่าพ่อเลี้ยงจริงมั้ย?

เบิร์ด : ไม่จริง เป็นคดีลักทรัพย์ ฉ้อโกงทั้งนั้น ทั้งหมด 7 คดี



พี่รณแนะนำให้ไปกองปราบ?

ทนาย : มูลค่าเกิน 5 ล้าน เข้ากองปราบรับทำคดีได้อยู่ แล้วมีพฤติการณ์ทำซ้ำๆ มาในจังหวัดอื่นๆ ด้วย ก็ควรให้สอบสวนกลางเข้ามาคลี่คลายคดี นี่ก็ 8 ล้านแล้ว ไม่รู้บ้านอื่นโดนเท่าไหร่ จะได้ไม่มีเหยื่อรายต่อๆ ไปอีก

“คุณเอ” เหยื่ออีกราย อยู่ในสาย คุณเอเห็นหน้านายวินแล้วจำได้?

เอ : คุ้นหน้าตั้งแต่ก่อนรายการเริ่มแล้วครับ พอเริ่มฟังรายละเอียดก็ชัดเจนเลยครับ

เขาชื่อวินหรือมิค?

เอ : ตอนเขามาบอกผมชื่อมิคครับ เมื่อ 8-9 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเขาบอกเรียนอยู่พระนครเหนือ เรียนวิศวะอยู่ที่นั่น เรารู้จักกันเป็นเพื่อนกันนี่แหละ เขาบอกว่าเขามีพ่อเลี้ยง แต่สืบที่มาที่ไปไม่ได้ ก็มาแบบเดียวกับพี่เบิร์ด

ตอนนั้นเขาเข้ามาอยู่ในบ้านคุณเหรอ?

เอ : ลักษณะมาเที่ยว กินข้าวกันปกติ มากับเพื่อนหลายๆ คน แต่เขากลับทีหลังบ้าง มีพ่อเลี้ยงที่เขาอ้างขับรถมารับบ้าง แล้วอยู่ดีๆ เขาไม่อยู่ พ่อเลี้ยงขับรถมาตามหาที่บ้าน ลักษณะผิดปกติครับ

พระหายไปจากบ้าน?

เอ : ครับ หลายองค์เลย

มั่นใจได้ไงว่าเขาเอาไป?

เอ : บ้านผมไม่มีใครเข้าออกเลย ก่อนที่ของจะหาย ตอนแรกเขาบอกจะซื้อบ้านอยู่ตรงหมู่บ้านซื่อตรง ตรงรังสิตคลอง 6 พาผมกับที่บ้านไปดูบ้าง วางเงินดาวน์เงินสดเลย 2 แสนกว่าบาท พอถึงวันที่จะโอนก็เงียบไปเลย ผมสงสัยเลยเข้าไปติดต่อโครงการ เขาบอกว่าคุณมิคหายไปเลย ตอนแรกบอกจะซื้อบ้านเงินสด

พอของหายได้ติดต่อคุณมิคอีกมั้ย?

เอ : มีติดต่อไป เขาบอกว่าเขาไปเชียงราย ตอนแรกไม่รู้ว่าเขาอยู่เชียงราย ตอนแรกบอกว่าพ่ออยู่รามอินทรา ก็เพิ่งมาทราบทีหลัง ทุกอย่างที่เขาพูดมาโกหกหมดครับ

ได้ถามมั้ยของในบ้านเอาไปหรือเปล่า?

เอ : เขาบอกว่าเขาเอาไป พระเขาเอาไป เขามาพูดรอบสุดท้ายเลย หายไปเกือบเดือนก็กลับมาขอค้างที่บ้านคืนนึงเพราะไม่มีที่จะไป ผมก็ถามวันนั้นเลย เพราะของหายไปหลายอย่าง ก็ไม่ได้ให้เขานอนบ้าน แล้วก็ไม่ได้ติดต่อกัน จนเมื่อสิ้นปีที่แล้ว เขาติดต่อมาเพราะจำไอดีไลน์ผมได้ เขาบอกว่าเพิ่งออกจากเรือนจำคดีฉ้อโกง น้องสาวผมก็ไปค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต เขาพบคนนี้ฉ้อโกง โอนเงินไปแล้วไม่ได้รับสินค้า

เบิร์ดฟังแล้วเป็นยังไงบ้าง?

เบิร์ด : ถึงอยากให้ตร.ช่วยเร่งจับกุมเขาหน่อย ไม่งั้นก็ไม่จบ เขาก็ยังไปทำกับคนอื่นๆ อีก ตอนนี้ไม่กล้าเอาใครมาที่บ้านอีก พอดีกว่า มันน่ากลัวจริงๆ เวลาเอาใครมาเป็นสมาชิกในครอบครัว ไม่ใช่เข้ากันไม่ได้ แล้วเลิก

เอ ก็จบไปแล้ว?

เอ : มันก็ 9 ปีแล้ว ไม่มีหลักฐานเลยว่าเขาเป็นคนเอาไป มีแค่ปากเปล่าที่เขายอมรับเอง เขาบอกที่หายไปเขาไปอยู่ในเรือนจำ เขาส่งรูปคุณยายมาว่าขอตังค์ได้มั้ย แม่ป่วยติดเตียงอยู่ ไม่แน่ใจว่าเป็นคุณแม่คุณเบิร์ดหรือเปล่า สิ้นปีที่แล้วนี่เอง

แสดงว่าตอนอยู่กับคุณ เขาถ่ายรูปแม่คุณให้คุณเอ แล้วบอกแม่เขาป่วย?

เอ : เขาบอกป่วยติดเตียง เขาบอกไม่มีตังค์เลย แล้วก็ขู่บ้าง อะไรของเขาไม่รู้ เขาก็จินตนาการไปเรื่อย

คุณมองจ้องตาเขาทำไม?

หลี : ตายง่ายกว่า (ร้องไห้) เราเอาหัวใจให้เขา แต่เขาเอาไปขยี้ (ร้องไห้)

เบิร์ด : ถ้าพี่หนุ่มเห็นสายตาแม่ผม มันร้อยเท่าของผม แม่ผมรักมันมากกว่าผมอีก ตอนโดนแทงแม่ยังด่าเราเลย แล้วขอเลยว่าจะทำอะไรก็ได้ แต่ห้ามให้วินไปไหน

ทนาย : ถ้าตอนนั้นน้องแทงเรา ถ้าเราเสียชีวิต น้องติดคุก ก็จะเหลือวินรับสมบัติคนเดียวในบ้าน ซึ่งแม่จะให้ด้วย

เบิร์ด : ตอนผมโดนแทงให้ไปแล้วด้วย ให้วินพาไปกดเงิน ถอนปิดบัญชีแล้วก็ให้วินไปเลย หลังผมโดนแทงไม่ได้สติ แม่รักมาก

หลี : วินมาบอกพี่เอง ถ้าเบลเข้าคุก เบิร์ดไปทำงานข้างนอก วินจะอยู่ดูแลแม่ เบลบอกให้วินดูแลแม่ทั้งหมดแทนเบลไปเลย

น้องชายก็รักมาก ถึงขั้นแทงพี่ชายตัวเองเพื่อเอาวินไว้ แต่กลายเป็นว่าวินเอาบัญชีเบลเก็บไว้ แล้วโอนเงินเบิร์ดเข้าบัญชีเบล แล้วโอนจากบัญชีเบล เข้าบัญชีตัวเอง สุดจริงๆ?

เบิร์ด : ที่เลวร้ายไปกว่านั้น ทรัพย์สินน้าที่เสียหายไป เขาก็เอามานิดนึง งัดห้องโน้นห้องนี้ก็เอามานิดนึงแล้วใส่กระปุกไว้ในห้องผม เพื่อเวลาตร.มาตรวจพิสูจน์ ผมไงเป็นคนขโมย

หลี : จริงๆ

เบิร์ด : แต่บ้านผมเลี้ยงผมมา 40 ปี ไม่มีสันดานขโมย ที่บ้านไม่มีใครเป็นแบบนี้ พอเห็นว่าเป็นแบบนี้ก็เลยรู้เลย ยิ่งชี้ชัดเจนว่าใครเป็นคนมาทำกับผมแบบนี้

ทนาย : นี่ไม่ได้โดนขโมยนะ เกือบตายนะ ที่โดนแทงไม่รู้มีการวางแผนหรือเปล่า

เบิร์ด : นั่นแหละครับ เพิ่งมาเริ่มสังเกต

หลี : เราเริ่มลำดับเหตุการณ์ว่าคนนี้ได้ยินจากเขาว่าอะไร สามคนคนละเรื่อง เอาคนนี้ไปว่าคนนี้ เอาคนนี้ไปว่าคนนั้น ไปเป่าใส่กันเองให้ตีกัน

มิจฉาชีพมาทุกรูปแบบจริงๆ เพื่อนผมไปพบผู้หญิงคนนึง หน้าตาดี สวย หุ่นดี บอกว่าเป็นกำพร้า คบหากันก็เอาผู้หญิงคนนี้มาอยู่ในบ้าน แทบเป็นผัวเมียกัน สามเดือนผ่านไป ของหายไปหมดเลย ทอง พระ ที่ผู้หญิงคนนี้รู้ว่าอยู่ที่ไหน ผู้หญิงพาผัวมากวาดทรัพย์สินไปทั้งบ้าน เหมือนกัน เหตุเพราะรัก?
หลี : มันเข้าทางนี้ง่ายที่สุดแล้วค่ะ

ทนาย : แต่มีวิธีป้องกัน มีคนโดนแบบนี้เยอะนะที่โทรมาปรึกษาทนาย คุณจะเอาใครเข้ามาในบ้าน เช็กสิมีตัวตนบ้านอยู่ที่ไหน ถ้าไม่รู้อะไรเลยอันตราย

อย่ามั่นใจว่าตัวเองแน่ ไม่มีทางหลอกได้ เหนือฟ้ายังมีฟ้านะ?

ทนาย : บางทีมันตาบอดได้