อธิบดี คพ.เผย PM2.5 ภาคเหนือมีความรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา "วราวุธ" สั่งยกระดับแก้ไขสถานการณ์หมอกควันไฟป่า
เมื่อวันที่ 16 ก.พ.66 นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) แถลงข่าว "การยกระดับการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควันและฝุ่น PM2.5 พื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ" ว่า ปีนี้สถานการณ์ฝุ่นละออง PM2.5 ภาคเหนือ PM2.5 มีความรุนแรงกว่าปีที่ผ่านมา โดยเริ่มเกินค่ามาตรฐานตั้งแต่เดือน ม.ค.- ปัจจุบัน (16 ก.พ.) โดยพบค่าสูงสุดในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง พะเยา แม่ฮ่องสอน ตามลำดับ คุณภาพอากาศอยู่ในระดับส่งผลกระทบต่อสุขภาพ และจากรายงานข้อมูลของสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA พบสัดส่วนจุดความร้อนสะสมพื้นที่ป่าร้อยละ 77 พื้นที่เกษตร ร้อยละ 18 และพื้นที่เมือง ร้อยละ 5
นายปิ่นสักก์ กล่าวต่อว่า พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ห่วงใยสุขภาพอนามัยของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งกำลังประสบปัญหาฝุ่นละอองขนาดไม่เกิน 2.5 ไมครอน (PM2.5) จากการเผาในที่โล่ง จึงมีข้อสั่งการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยกระดับการแก้ปัญหาในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่ง นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบหมายให้นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เรียกประชุม 17 จังหวัด และหน่วยงานภายใต้สังกัด ทส. ทั้งในส่วนกลางและในพื้นที่ เพื่อยกระดับการแก้ไขสถานการณ์หมอกควันไฟป่าภาคเหนือ กำชับทุกหน่วยงานดำเนินการ ประกอบด้วย 1. ยกระดับการทำงานให้เข้มข้นกว่าที่ผ่านมา ให้กระทำด้วยความชัดเจน กระชับ ฉับไว ต้องทำให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด เพื่อปกป้องสุขภาพอนามัยของพี่น้องประชาชน 2.เพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานในพื้นที่ป่าซึ่งอยู่ในกำกับดูแลของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช (อส.) และกรมป่าไม้ (ปม.) ให้ใช้อำนาจตามกฎหมายที่มีอยู่พิจารณาปิดการเข้าพื้นที่ที่กำลังเป็นปัญหาและพื้นที่ที่มีความเสี่ยง โดยต้องหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดก่อนดำเนินการ และประกาศให้พี่น้องประชาชนทราบ ไม่ให้เกิดความสับสนในการปฏิบัติ ทั้งนี้ อส. ได้ดำเนินการปิดอุทยานฯ 8 แห่ง (ยกเว้นส่วนให้บริการ) ดังนี้ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าลุ่มน้ำปาย อุทยานแห่งชาติผาแดง อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท อุทยานแห่งชาติออบหลวง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอมก๋อย อุทยานแห่งชาติแม่ปิง อุทยานแห่งชาติศรีน่าน เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่ตื่น 3. ให้ทุกหน่วยงานภายใต้สังกัด ทส. โดยเฉพาะ ทสจ. ประสานงาน บูรณาการ และให้การสนับสนุนการดำเนินงานของจังหวัดอย่างเต็มที่ ให้เพิ่มความถี่ในการประชาสัมพันธ์ทุกรูปแบบเพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับพี่น้องประชาชน จัดการแถลงข่าวเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ช่วงสถานการณ์วิกฤตให้แถลงข่าวทุกวัน โดยเฉพาะการให้คำแนะนำในการป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ มีการให้บริการห้องปลอดฝุ่นกับประชาชนกลุ่มเสี่ยง
นายปิ่นสักก์ กล่าวด้วยว่า ปลัด ทส. ยังได้กำชับให้ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควัน (ส่วนหน้า ภาคเหนือ) ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ประสานงานกับทุกหน่วยงาน ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง เพิ่มความถี่ในการลาดตระเวน เฝ้าระวัง และดับไฟโดยเร็วที่สุด ให้ดำเนินการอย่างเต็มกำลังเพื่อคลี่คลายสถานการณ์โดยเร็วที่สุด และจะเข้มงวดติดตามและประเมินสถานการณ์ภายใน 3 วัน โดยประชาชนสามารถติดตามคุณภาพอากาศได้ทางเว็บไซต์ Air4Thai.com และแอปพลิเคชัน Air4Thai