อดีต รมว.คลังสอนมวยรัฐบาลทำให้ ศก.เติบโต

2023-02-13 14:23:23

 อดีต รมว.คลังสอนมวยรัฐบาลทำให้ ศก.เติบโต

Advertisement


อดีต รมว.คลังสอนมวยรัฐบาลเลิกกู้เงินมาแจก  ลดหนี้สินครัวเรือน เอสเอ็มอี  ทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตสูงขึ้น 6-7%

เมื่อวันที่ 13 ก.พ.66 ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจมหภาค อดีต รมว.คลัง​ และอดีตหัวหน้าพรรค​เพื่อไทย​ กล่าวว่า​ การบริหารเศรษฐกิจที่ดี​ รัฐบาาลต้องดูแลระบบเศรษฐกิจ​ระยะยาว ให้ค่าเงินบาทแข่งขันได้​ และดอกเบี้ยต่ำ ไม่ใช่ดูแค่เงินทุนไหลเข้า-ออก รัฐบาลต้องทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตสูงขึ้นเป็น​​ 6-7% ไม่ใช่แค่ 2-3% ในปัจจุบัน

1.ในช่วงที่รัฐบาลสหรัฐฯ ขึ้นดอกเบี้ยมากๆ​ เมื่อกลางปี​ 2565 มีนักการเงินและนักวิเคราะห์​ฯ​ ออกมาเรียกร้อง ให้ประเทศไทย​รีบขึ้นดอก​เบี้ย​มากๆ​ ตาม​ โดยกล่าวว่า​"หากไม่ขึ้นดอกเบี้ยมากๆ​ ตามสหรัฐฯ​ เงินทุนสำรองฯ จะไหลออกจำนวนมาก​ แล้วประเทศไทยจะมีวิกฤตด้านการเงิน ในตอนนั้น​ ธนาคารแห่งประเทศ​ไทยไม่ได้ทำตามคำเรียกร้อง​ เพราะหากทำเช่นนั้น​เศรษฐกิจไทยจะแย่ลง​ คนจะจนลงอีกมาก ธุรกิจ SME ที่ยังเป็นหนี้สินอยู่มากมาย จะแย่ลงอีก

2.มาถึงวันนี้ ดอกเบี้ยไทยห่างจากสหรัฐฯ​ มากขึ้นไปอีก​ คือดอกเบี้ยของสหรัฐฯ เท่ากับ 4.5-4.75% ส่วนดอกเบี้ยไทย​เท่ากับ 1.5% แล้วเงินทุนต่างประเทศระยะสั้น​ก็ไหลเข้าประเทศไทยมากมายด้วย​ เพื่อเข้ามาหากำไรในตลาดหุ้นไทยที่​ยังราคาต่

3.ดังนั้น​ การบริหารระบบเศรษฐกิจที่ดี​ คือเราต้องดูแลเศรษฐกิจระยะยาวให้ขายสินค้า​ได้มากๆ​ ทำให้สามารถผลิต​ได้มาก​ มีการจ้างงานมากๆ​ มีการลงทุน​เพิ่ม ค่าแรงงานจะได้เพิ่มขึ้นเร็วๆ​ ไม่ใช่มองเฉพาะ​เงินตราต่างประเทศไหลเข้า-ออก​ ผู้ที่เรียกร้องเหล่านั้น​ไม่เข้าใจเป้าหมายของการบริหารระบบเศรษฐกิจมหภาค​คือ​ ความเจริญเติบโต​ (Growth) การจ้างงาน (Employment) และการพัฒนา (Development)

4.วันนี้​ เงินทุนต่างประเทศไหลเข้าไทยมากมาย​ทั้งๆ​ ที่ดอกเบี้ยไทยต่ำกว่าสหรัฐมากยิ่งขึ้น​ ต่างกันถึง​ 3 percentage point วันนี้​ คนที่ออกมาเรียกร้อง​หายหน้าหายตาไปหมดแล้ว

5. การทำให้ระบบเศรษฐกิจ ​เติบโต​ได้ 6-7% เพื่อสร้างรายได้ประเทศและฐานะความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชนนั้น​ รัฐบาลต้องจัดการไม่ให้ประเทศและประชาชนเป็นหนี้มากเกินไป ไม่ให้ดอกเบี้ยที่แท้จริงสูงเกินไป​ และไม่ให้อัตราแลกเปลี่ยน​ที่ทำให้ค่าเงินบาทที่แท้จริงแข็งเกินไป​ เศรษฐกิจจึงจะเจริญเติบโตได้ในอัตราสูง​ รัฐฯ​ จะมีรายได้ภาษีมากเพียงพอ​ มาใช้ในการลงทุนภาครัฐฯ การเน้นงบประมาณรายจ่ายอย่างเดียว​ในประเทศที่เจริญเติบโตต่ำ​​เช่น​ไทย จะไม่สามารถแก้ปัญหา​ความทุกข์​ยากของประชาชนได้

6.รัฐบาลต้องเลิกไปกู้เงินมาแจก เพราะมีแต่จะทำให้ประเทศไม่พัฒนา รัฐฯ​ ยังต้องลดหนี้สินที่มากมายของรัฐบาลเอง​ โดยลดรายจ่ายซื้ออาวุธ​ รายจ่ายโฆษณา​ตนเอง​ รายจ่ายซ้ำซ้อน และลดขนาดรัฐบาลลง​

7.รัฐฯ​ ยังต้องลดหนี้สินของครัวเรือน​ และของ​ SME โดยให้ธนาคารแห่งประเทศไทย​จัดแหล่งเงินทุนดอกเบี้ยต่ำ ให้ประชาชน​และ​ SME​ ปรับโครงสร้างหนี้ได้ ให้จ่ายดอกเบี้ยที่ต่ำเพียงพอ ที่จะฟื้นฟูกิจการได้ (จากปัญหาโควิดถึง 3 ปี) แหล่งเงินทุนนี้น่าจะประมาณ 1 ล้านล้านบาท เป็นเวลา 3 ปี ดอกเบี้ยน่าจะ 2-3% ไม่ใช่ 8-9% เช่นปัจจุบัน โดยให้ธนาคาร​พาณิชย์​ และธนาคาร​ของรัฐเป็นผู้กระจายสินเชื่อให้ได้ตามเป้าหมาย มีกลไกรายงานตรวจสอบ​ และร้องเรียนได้ เศรษฐกิจ​ไทยก็จะไม่จมปลักอยู่กับหนี้​จำนวนมาก สามารถฟื้นและเติบโตได้รวดเร็วขึ้น

7.รัฐฯ​ ยังต้องแก้ปัญหาค่าเงินบาทที่ผันผวนมาก จนต้องตั้งราคาสินค้าส่งออกแพง แข่งขันไม่ได้ และควรมีนโยบาย กำหนดเป้าหมายค่าเงินบาท (Exchange rate ​targeting) ที่เหมาะสม ไม่แข็งค่าเกินไป

8.ในที่สุดรัฐฯ​ ต้องตระหนักว่า รัฐบาลมีหน้าที่ทำให้พี่น้องประชาชนมีรายได้มากๆ สามารถดูแลครอบครัว มีฐานะดี หมดหนี้สิน มีอนาคตที่สดใส มีจินตนาการและความใฝ่ฝัน​ ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช กล่าว