“บิ๊กตู่” ลั่น กรณีล่าสัตว์ทุ่งใหญ่นเรศวรต้องถูกลงโทษ

2018-02-06 17:15:48

“บิ๊กตู่” ลั่น กรณีล่าสัตว์ทุ่งใหญ่นเรศวรต้องถูกลงโทษ

Advertisement

นายกรัฐมนตรีเผยกรณีลักลอบล่าสัตว์ป่าสงวนนั้นต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย เมื่อกระทำความผิดก็ต้องถูกพิจารณาคดีตามกระบวนการยุติธรรม



เมื่อวันที่ 6 ก.พ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้เปิดเผยถึงกรณีประธานกรรมการบริษัทอิตาเลี่ยนไทย ลอบล่าสัตว์ในเขตอุทยานทุ่งใหญ่นเรศวร ว่าต้องถูกลงโทษตามกฎหมาย เมื่อกระทำความผิดก็ต้องถูกพิจารณาคดีตามกระบวนการยุติธรรม ในส่วนของตนไม่สามารถใช้อำนาจก้าวล่วงได้

สำหรับกระแสเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ระบุวันเลือกตั้งให้ชัดเจนหลังจากที่มีความคลุมเครือในขณะนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ทุกอย่างนั้นเป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เมื่อทุกอย่างพร้อมก็สามารถเดินหน้าเลือกตั้งได้ทันที ตนพร้อมรับฟังทุกความคิดเห็น และอยากให้ทุกคนคำนึงถึงประเทศเป็นหลัก ไม่เช่นนั้นก็จะเข้าสู่ความปรองดองได้ยาก




ด้าน น.ส.กาญจนา นิตยะ ผอ.กองอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช แถลงข่าวถึงกรณีดังกล่าว่า ขณะนี้ได้ส่งทีมเข้าไปร่วมตรวจสอบบันทึกการจับกุม พร้อมประสานกับชุดพญาเสือโคร่ง ร่วมตรวจสอบหลักฐาน คาดจะสามารถส่งบันทึกการจับกุมและส่งตัวผู้ต้องหาได้ในเร็วๆนี้ ยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจ พร้อมได้เร่งรัดเพื่อให้ได้ข้อสรุป 

จากการตรวจสอบพฤติกรรม ของผู้ต้องหา ที่มีการหลบเลี่ยงไม่ปฏิบัติตามระเบียบการเข้าไปตั้งเต็นท์ค้างแรมและศึกษาเส้นทางธรรมชาติ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า มีรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่าออกนอกเส้นทาง และพบหลักฐานเป็นอาวุธพร้อมเครื่องกระสุน และซากสัตว์ป่า ถูกชำแหละ ถือว่าเข้าข่ายจงใจเข้ามาล่าสัตว์ในเขตพื้นที่รักษาพันธุ์ สัตว์ป่า มีความผิดตาม พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ป่า 

สำหรับการเข้าพื้นที่ครั้งนี้ พบว่าเมื่อวัน 2 ก.พ.ผู้ต้องหาได้ประสานทำหนังสือขออนุญาตเข้าพื้นที่เพื่อพักค้างแรม ระหว่างวันที่ 3-5 ก.พ. ได้รับการอนุญาตจากสำนักบริหารพื้นที่เขตรักษาพันธุ์ทุ่งใหญ่เนรศวร จ.กาญจนบุรี ซึ่งตามระเบียบจะต้องทำเรื่องล่วงหน้าก่อนเข้าพื้นที่ อย่างน้อย 5 วัน 


ส่วนการตรวจค้นก่อนเข้าพื้นที่เป็นเพียงการสุ่มตรวจบางกลุ่มบุคคลเท่านั้น อย่างไรก็ตามยืนยันว่าก่อนออกจากพื้นที่จะต้องมีการตรวจค้นทุกคน และยืนยัน ว่าไม่ได้รู้จักกับ นายเปรมชัย เป็นการส่วนตัว และยอมรับว่าการกำหนดโทษของผู้กระทำผิดใน พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ป่า มีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท ยังเบาเกินไป ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาแก้ไขปรับแก้บทกำหนดโทษให้สูงขึ้น 

สำหรับจำนวนเสือในเขตกลุ่มป่าตะวันตก ขณะนี้อยู่ในเกณฑ์ไม่น่าเป็นห่วง มีเสือโคร่งจำนวนประมาณ 100 ตัว ส่วน เสือดำและเสือดาว มีประมาณ 100-130 ตัว ยืนยันว่า ซากเสือดำที่พบ ไม่ใช่ตัวสุดท้าย ตามที่มีกระแสข่าว