ลำดับเหตุการณ์จับกุมประธานอิตาเลียนไทย และพวกล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ

2018-02-06 13:00:06

ลำดับเหตุการณ์จับกุมประธานอิตาเลียนไทย และพวกล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่ฯ

Advertisement

ลำดับเหตุการณ์สำคัญกรณีประธานบริหารบริษัทอิตาเลียนไทย เดเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 4 คน เข้าตั้งแคมป์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก และถูกจับกุมตัวในข้อหาลักลอบล่าสัตว์ป่า



วันที่ 3 ก.พ. นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัทอิตาเลียนไทยเดเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) กับพวกรวม 4 คน เข้าไปท่องเที่ยวในเส้นทางสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก -หน่วยพิทักษ์ป่าทิคอง -หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช โปรแกรม 2 วัน 1 คืน (เส้นทางที่เปิดให้ท่องเที่ยวชื่อ ทินวย-ทิคอง-มหาราช ระยะทาง 30 km)


วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2561 ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราชว่า คณะของนายเปรมชัย กรรณสูต ลักลอบตั้งแคมป์พักแรมในจุดบริเวณห้วยปะชิ อยู่ระหว่างหน่วยฯ ทิคอง กับหน่วยฯ มหาราช ค่าพิกัด 47 P 485821 E 1678956 N ซึ่งเป็นจุดที่ ขสป.ทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันไม่อนุญาตให้ตั้งแคมป์ จึงส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปพิสูจน์ทราบ ตรวจพบ



1. อาวุธปืนยาวขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก
2. อาวุธปืนไรเฟิลติดลำกล้องจำนวน 1 กระบอก
3. อาวุธปืนลูกซองแฝด จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนพร้อมใช้งานและพบซากไก่ฟ้าหลังเทากับเนื้อเก้ง จึงได้ควบคุมตัวนายเปรมชัย กรรณสูตรและคณะมาที่สำนักงานเขตฯ ถึงในเวลา 02.40 น.



ในช่วงเช้าของวันที่ 5 ก.พ.61 คณะพนักงานเจ้าหน้าที่ได้กลับไปตรวจสอบบริเวณแคมป์พักแรมซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุซ้ำ ตรวจพบสิ่งของและซากสัตว์ป่าเพิ่มเติม ดังนี้


1. จุดที่ 1 อยู่ห่างจากจุดที่ตั้งแคมป์พักแรมไปทางทิศเหนือ ประมาณ 5 เมตร พบหนังเสือดำลักษณะเป็นผืนทั้งตัว โดยถูกชำแหละเนื้อออกไปแล้ว และผืนหนังเสือดำถูกถนอมซากด้วยการทาด้วยเกลือเพื่อมิให้เน่าเสีย วัดขนาดความยาวจากหัวถึงสะโพก 83 ซม. ความยาวจากหัวถึงหาง 148 ซม. รวมทั้งพบกะโหลกเสือดำ 1 หัว ชิ้นส่วนทั้งหมดถูกบรรจุอยู่ในถุงดำและมัดปากถุงด้วยเชือก ซุกซ่อนไว้ใต้พุ่มไม้

2. จุดที่ 2 อยู่ห่างจากแคมป์พักแรมไปทางทิศเหนือประมาณ 5 เมตร พบกระเป๋าสะพายข้างสีแดงดำ ถูกซุกซ่อนโดยใช้เศษหญ้าแห้งปิดคลุม เมื่อเปิดดูภายในกระเป๋าพบสิ่งของดังนี้
2.1 กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 ขนาด 2 แรงครึ่ง จำนวน 13 นัด
2.2 กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 ขนาด 1 แรง จำนวน 5 นัด
2.3 เข็มขัดคาดเอวแบบมีช่องเก็บกระสุนปืนลูกซอง จำนวน 1 เส้น
2.4 กระสุนอาวุธปืนขนาด .22 จำนวน 50 นัด แยกเป็นกระสุนหัวระเบิด จำนวน 11 นัด และกระสุนหัวตะกั่ว จำนวน 39 นัด ทั้งหมดบรรจุอยู่ในกล่องกระสุน 1 กล่อง
2.5 นกหวีดแบบใช้เป่าล่อนก จำนวน 1 อัน



2.5 กระสุนอาวุธปืนไรเฟิล ยี่ห้อ WINCHESTER 30-06 SPRG จำนวน 3 นัด ซึ่งเป็นกระสุนแบบเดียวกันกับที่ตรวจพบในอาวุธปืนยาว (ปืนไรเฟิล) ยี่ห้อ STEYR-MANNLICHER-M หมายเลขตัวปืน 201820 ทะเบียนอาวุธปืน กท.2850473 ข้างต้น
2.6 น้ำมันล้างปืน 1 ขวด
2.7 ไฟฉายสปอร์ตไลต์ยี่ห้อ Metro จำนวน 1 กระบอก
2.8 ช้อนส้อมแบบพับได้ 1 คู่
2.9 มีดพับ 1 เล่ม

3. จุดที่ 3 พบซากเสือดำ 1 ตัว ถูกชำแหละแล้ว รวมน้ำหนักซาก น้ำหนักกะโหลกและเครื่องในได้ 10.6 กิโลกรัม โดยไม่รวมหนังเสือ โดยบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกซุกซ่อนโดยใช้เศษหญ้าปิดคลุม

สำหรับโทษที่ผู้กระทำผิดจะได้รับ ประกอบด้วย

1. ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 36 และมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
2. ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 16 และมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
3. ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 19 และมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535



4. ฐานนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามข้อ 1 (1) ของกฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2538) ออกตามความตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535
5. ฐานรวมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507
6. สำหรับความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490

ขอให้พนักงานสอบสวนดำเนินการแจ้งความกล่าวโทษตามฐานความผิดต่อไป