ตะลึง! จับคาทุ่งใหญ่ “ประธานบริษัทอิตาเลียนไทย” ตั้งแคมป์ล่าสัตว์ป่าอาวุธเพียบ

2018-02-06 11:10:10

ตะลึง! จับคาทุ่งใหญ่  “ประธานบริษัทอิตาเลียนไทย” ตั้งแคมป์ล่าสัตว์ป่าอาวุธเพียบ

Advertisement

เป็นข่าวใหญ่สร้างความตกตะลึงให้กับสังคมอย่างหนัก เมื่อกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชโพสต์ข้อความ “กรรมการผู้จัดการบริษัทก่อสร้างขนาดใหญ่ลักลอบเข้าตั้งแคมป์และล่าสัตว์ป่าในเขตป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ก่อนเจ้าหน้าที่จะเข้ายึดซากสัตว์ป่าคุ้มครองหลายรายการ”


โดย พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่กรมอุทยาน จับกุมนักท่องเที่ยวที่ตั้งแคมป์ล่าสัตว์ป่าในจุดต้องห้ามภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก ซึ่งหนึ่งในนั้นมีนายเปรมชัย กรรณสูตร ประธานบริหารและกรรมการ บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ รวมอยู่ด้วย ว่าได้รับทราบข้อมูลเบื้องต้นจาก นายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช แล้ว


ซึ่งในกรณีดังกล่าว จะต้องมีการสอบสวนดำเนินการสอบสวนตามพยานหลักฐานและดำเนินการตามกฎหมาย อย่าเพิ่งปรักปรำใคร และอย่าใช้ความรู้สึกไปตัดสิน แต่ต้องให้เจ้าหน้าที่สืบสวนว่าใครเป็นผู้กระทำที่แท้จริง ทั้งนี้ส่วนตัวยังไม่ทราบว่ามีเจ้าหน้าที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ ต้องไปสอบถามข้อมูลจากอธิบดีกรมอุทยานฯ


ด้านนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กล่าวว่า เบื้องต้น ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่แล้ว แต่ยังไม่ทราบข้อเท็จจริงทั้งหมด ดังนั้นในทางคดีจึงต้องเป็นหน้าที่ของพนักงาน ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม ส่วนจะมีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่นั้น ตอนนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่เท่าที่ได้รับข้อมูล มีการขออนุญาตเข้าพื้นที่ แต่ไม่ใช่เป็นการเข้าไปเพื่อล่าสัตว์ ทั้งนี้ยืนยันว่าไม่กังวล แม้จะเป็นผู้มีชื่อเสียงในแวดวงธุรกิจเพราะเจ้าหน้าที่ทำดีที่สุดแล้ว และที่สำคัญ คือต้องให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ เพราะทำให้เห็นว่า เราไม่เลือกปฏิบัติ หากผิดก็ต้องว่าไปตามผิด

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากที่ข่าวดังกล่าวได้แพร่ออกไปก็ได้มีกระแสสังคมออกมาวิพากษ์วิจารณ์การกระทำดังกล่าวมากมาย อาทิ อ.ศศิน เฉลิมลาภ บุคคลที่มีใจอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และสัตว์ป่า ได้ออกมาโพสต์ถึงเรื่องดังกล่าว พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่กรมอุทยาน และเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย




 สุดท้ายแล้วเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร คนทำผิดจะได้รับโทษในสิ่งที่ตนกระทำหรือไม่ คงต้องรอดูกันต่อไป ที่แน่ๆ เรื่องนี้สังคมคงเฝ้ามองดูบทสรุปกันอย่างไม่คาดสายตาเลยทีเดียว