"กาแฟ"ช่วยขับถ่ายจริงหรือไม่ ?
กาแฟ เป็นเครื่องดื่มที่โดดเด่นในเรื่องรสชาติจนเป็นที่ถูกใจของใครหลายคน แต่นอกจากเรื่องรสชาติแล้ว กาแฟยังมีประโยชน์อีกมากมาย ทั้งช่วยกระตุ้นการตื่นตัว ลดอัตราการเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ และชะลอการเสื่อมโทรมไม่ให้แก่ก่อนวัย
กาแฟมีส่วนช่วยในเรื่องขับถ่ายจริงหรือไม่ ?
จริง เพราะมีการศึกษาออกมาแล้วว่า ผู้ที่ดื่มกาแฟโดยที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่ได้มีปัญหาท้องผูกเรื้อรัง จะทำให้มีการขยับตัวของลำไส้หากมีการดื่มกาแฟ ซึ่งมีโอกาสที่จะขับถ่ายง่ายกว่าคนที่ดื่มเพียงน้ำเปล่า หรือเมื่อเทียบกับคนที่ดื่มชา ชาจะทำให้ท้องผูกได้มากกว่า
การดื่มกาแฟทำให้เกิดโรคได้หรือไม่ ?
ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน จึงยังหาข้อสรุปไม่ได้ แต่ในแง่ของการป้องกันมีข้อมูลที่ค่อนข้างชัดเจนแล้วในหลาย ๆ โรค ที่ช่วยลดอัตราการเสียชีวิตให้น้อยลงเมื่อเทียบกับการที่ไม่ดื่ม ช่วยลดโอกาสของการเกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจได้ รวมไปถึงโรคระบบสมอง ได้แก่ โรคพาร์กินสัน โรคความจำเสื่อม โรคอัลไซเมอร์
กาแฟส่งผลต่อค่าตับหรือไม่ ?
การดื่มกาแฟดำช่วยปกป้องตับได้ จากข้อมูลพบว่า ค่าเอนไซม์ตับที่ขึ้น มีการเปลี่ยนแปลงที่ลดลง ส่วนในผู้ที่มีโรคตับอยู่แล้วไม่ว่าจะเกิดจากสาเหตุใด เช่น โรคอ้วนและมีไขมันพอกตับ ซึ่งมีโอกาสเกิดพังผืด กาแฟเป็นการชะลอการเกิดพังผืดในตับด้วยได้ ส่วนกลุ่มผู้ที่เป็นไวรัสตับอักเสบ ปัจจุบันมีข้อมูลที่ชัดแล้วว่า ผู้ที่เป็นไวรัสตับอักเสบซี การดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสม 3-5 แก้วต่อวัน ช่วยทำให้โรคตับที่เกิดจากไวรัสตับอักเสบซีดีขึ้นได้
ผู้ป่วยโรคอะไรบ้าง ที่ควรเลี่ยงการดื่มกาแฟ ?
กาแฟมีประโยชน์หลายอย่างถ้าเราใช้ให้ถูกต้อง แต่ก็มีผู้ป่วยบางกลุ่ม โดยเฉพาะผู้ป่วยกลุ่มซึ่งมีปัญหาเรื่องโรคกระเพาะอาหารหรือกรดไหลย้อน คุณสมบัติของกาแฟไม่ได้ทำให้กรดไหลย้อนหรือโรคกระเพาะอาหารแย่ลง แต่ผู้ป่วยกลุ่มนี้อาจมีความไวต่อสิ่งเร้า สิ่งกระตุ้น หรืออาหารบางชนิด กาแฟก็เป็นหนึ่งในนั้น ฉะนั้น ผู้ที่รับประทานกาแฟแล้วเกิดอาการปวดท้อง เกิดอาการแสบร้อนกลางอกมาก ๆ กลุ่มนี้ต้องเลี่ยงการดื่มกาแฟ
อีกกลุ่มคือผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ หากดื่มในขนาดที่เหมาะสม จะป้องกันโรคหัวใจ แต่คุณสมบัติของกาแฟทำให้มีการเต้นของหัวใจที่เร็วแรงขึ้น หรือทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้ หากรับประทานมากเกินไป กลุ่มซึ่งอาจจะแนะนำก็คือ ผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ซึ่งจริง ๆ ไม่ได้ให้งดกาแฟ แต่ปริมาณกาแฟต้องไม่มากเกินไป เนื่องจากกาแฟสามารถส่งผ่านรกไปสู่ลูกได้ ก็มีโอกาสส่งผลต่อเด็กในครรภ์ได้ ดังนั้น จึงแนะนำว่า หากตั้งครรภ์ไม่ควรดื่มกาแฟเกิน 200 มิลลิกรัมของคาเฟอีนต่อวัน หรือประมาณไม่เกิน 2 แก้วต่อวัน เมื่อเราคำนวณจากกาแฟดำ
การดื่มกาแฟ โดยเฉพาะกาแฟดำในปริมาณที่มีคาเฟอีนที่เหมาะสม ไม่เกิน 400 มิลลิกรัมต่อวัน ช่วยลดโอกาสในการเกิดโรค ได้แก่ เบาหวาน โรคหัวใจ โรคพาร์กินสัน โรคความจำเสื่อม โรคความจำเสื่อม สิ่งที่ควรต้องระวังก็คือ สิ่งที่แฝงมากับกาแฟที่ไม่ใช่กาแฟดำ โดยเฉพาะน้ำตาลเทียม ไซรัป วิปครีม
อ.พญ.ศุภมาส เชิญอักษร จากสาขาวิชาโรคทางเดินอาหารและตับ
ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล