"ชูวิทย์"พา "สกาย" พยานคนสำคัญแถลงคดีดาราสาวไต้หวัน ยันเป็นคนจ่ายเงินให้ ตร. ตั้งด่าน 27,000 บาท อ้างเป็นค่าบุหรี่ไฟฟ้า 3 อัน และไม่พกพาสปอร์ตอีก 3,000 บาท
เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 66 ที่โรงแรมเดอะเดวิส ถนนสุขุมวิทซอย 24 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ แถลงข่าวกรณีดาราสาวไต้หวัน กับกลุ่มเพื่อนระบุถูกตำรวจตั้งด่านรีดไถเงิน 27,000 บาท โดยได้เชิญ "สกาย" หนุ่มชาวสิงคโปร์ เพื่อนของดาราสาวไต้หวันพยานคนสำคัญมาร่วมแถลงข่าวด้วย
"สกาย" กล่าวว่า วัเกิดเรื่องตนกับกลุ่มเพื่อนรวมทั้งดาราสาวไปเที่ยวงานวันเกิดเพื่อนอีกกลุ่ม ระหว่างเดินทางกลับโรงแรมที่พัก ซึ่งอยู่บริเวณถนนรัชดาภิเษก เจอตำรวจตั้งด่านใช้ไฟฉายส่องเข้ามาในรถที่นั่งอยู่ จากนั้นเจ้าหน้าที่บอกให้รถจอดเข้าข้างทาง ให้ทุกคนในรถลงมา แล้วมาจับตามตัวค้นกระเป๋า ให้นำหนังสือเดินทางออกมาแสดง รวมทั้งให้ถอดรองเท้า ซึ่งในวันดังกล่าว ตนไม่ได้นำพาสปอร์ตมาด้วย จากการตรวจตามตัว เจ้าหน้าที่พบบุหรี่ไฟฟ้า 3 อัน ได้ถามว่ามาจากประเทศไหน ตอนนั้นกลุ่มเริ่มสงสัยแล้วว่า ทำไมตำรวจทำเป็นเรื่องใหญ่ สั่งห้ามโทรศัพท์ ห้ามติดต่อใคร หรือถ่ายรูป และเจ้าหน้าที่พูดขึ้นว่า อย่ากวนตีน ระหว่างที่ตนเองถามถึงเหตุผลว่า ทำไมถึงต้องตรวจมากมาย เพราะไม่ได้ทำผิดกฎหมาย พร้อมอธิบายว่าตามปกติแล้วการเดินทางเข้าประเทศไทยของคนสิงคโปร์ ไม่จำเป็นต้องมีวีซ่า ยกเว้นกรณีที่อยู่อาศัยเกินกว่า 10 กว่าวันขึ้นไป ส่วนตัวที่เดินทางมาเมื่อวันที่ 25 ธ.ค. 65 เพื่อฉลองเทศกาลปีใหม่และอยู่ต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ 5 ม.ค. 66 เป็นวันที่กำหนดเดินทางกลับ
"สกาย" กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่พยายามเรียกดูพาสปอร์ต ซึ่งได้ตอบไปว่าเอกสารอยู่ที่ที่พัก ถ้าจะตรวจขอเวลากลับไปนำมาแสดง เพราะมีเพียงรูปถ่ายพาสปอร์ต แต่ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ไม่ฟังและพยายามแย้งว่าต้องแสดงเอกสารทันที และต้องเป็นตัวจริง ห้ามไปไหน และพยายามแจ้งว่า การที่พกพาบุหรี่ไฟฟ้าเป็นความผิด จึงได้ตอบเจ้าหน้าที่ไปว่า ตนและเพื่อนไม่ทราบว่าผิดกฎหมาย พร้อมถามกลับว่าถ้าผิดกฎหมายจริง ทำไมถึงมีขายได้ทั่วไป เพราะบุหรี่ไฟฟ้าที่ตำรวจยึด ตนก็ซื้อมาจากตลาดที่ห้วยขวางเทอร์เรซ และเห็นคนไทยใช้ตามปกติอยู่ ไม่มีใครบอกว่าผิด ตอนนั้นเจ้าหน้าที่เริ่มมีทีท่าทีโมโห และบอกว่าถ้าอย่างนั้นทั้งหมดต้องไปสถานีตำรวจและจะต้องติดคุกอย่างน้อยอีก 2 วัน เมื่อเจรจาได้ระยะหนึ่ง ทางเจ้าหน้าที่พาไปหาเจ้าหน้าที่อีกรายที่ไม่ได้ใส่เครื่องแบบตำรวจ และแจกแจงให้ตนฟังว่า บุหรี่ไฟฟ้า 3 อัน อันละ 8,000 บาท ส่วนที่ไม่พบพาสปอร์ตอีก 3,000 บาท รวมเป็นเงิน 27,000 บาท โดยตำรวจที่เข้ามาพูดคุยเรื่องเงินมี 3 นาย ประกอบด้วย ชายไม่ได้สวมเครื่องแบบตำรวจ สวมแจ๊กเกต มีหนวดเครา คนนี้ทำหน้าที่ในการเรียกและรับเงินจากนายสกาย และเก็บเงินเข้ากระเป๋า ส่วนตำรวจนายที่ 2 รูปร่างสูงใหญ่ ศีรษะล้าน ทำหน้าที่บังกล้อง ส่วนตำรวจนายที่ 3 เป็นคนรูปร่างผอม ใส่ผ้าคลุมหน้า โดยจะเข้ามาร่วมรับฟังการพูดคุยด้วย
"สกาย" เล่าอีกว่า ตำรวจนายหนึ่งได้ยื่นบุหรี่ไฟฟ้าให้อันหยูชิงถือพร้อมถ่ายภาพ ตอนนั้นทั้งกลุ่มเครียดมาก เพราะไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน อยากออกจากจุดนั้นเร็ว รวมถึงอยากออกจากประเทศไทย ไม่อยากอยู่ต่อ เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นอีก วันที่เกิดเรื่อง ตนมีเงินติดตัว 30,000 บาท ตอนที่ให้เงิน ทางตำรวจพาเดินไปที่มุมหนึ่งของด่านตรวจ จากนั้นให้ตนนับเงินให้เรียบร้อย และให้ในกลุ่มของตนมายืนบังมุมกล้อง เมื่อจ่ายเงินเรียบร้อย เจ้าหน้าที่เรียกแท็กซี่ให้และให้บอกแท็กซี่ว่าจะไปไหนต่อ ยืนยันว่าตำรวจกลุ่มนั้นแสดงท่าทีและพูดจาในลักษณะบีบบังคับให้จ่ายเงิน ตนไม่ได้เสนอให้ ทั้งนี้เงิน 30,000 บาท ที่จ่ายไป ตั้งใจว่าจะซื้อของฝากให้ครอบครัว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ซื้อ เพราะตำรวจเหลือเงินให้ติดตัว 3,000 บาท
ทั้งนี้นายชูวิทย์ ได้จัดทำแฟ้มรายชื่อพร้อมรูปภาพของตำรวจ สน.ห้วยขวาง มาจำนวนหนึ่ง และเปิดให้ "สกาย" ดูแล้วถามว่า จดจำใครได้บ้าง ซึ่ง "สกาย" ดูรูปภาพตำรวจแล้ว ได้พยักหน้า