"สกลธี"ตั้งเป้า พปชร.กวาด ส.ส.กทม.อย่างน้อย 5-6 ที่นั่ง เผย "บิ๊กป้อม" อาจปราศรัยใหญ่เขตป้อมปราบศัตรูพ่ายไม่ได้ เหตุพื้นที่ไม่อำนวย แต่จะเข้าวัดไปไหว้พระเอาฤกษ์เอาชัยแทน
เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 27 ม.ค. 66 ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีการปราศรัยครั้งแรกของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่ายว่า หลังจากเปิดตัวผู้สมัคร กทม. ตอนนี้อยู่ในขั้นการวางแผนยุทธศาสตร์และนโยบายของ กทม. สำหรับการปราศรัยที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย นั้น ทางหัวหน้าและคณะกรรมการบริหารพรรคได้มอบให้ตนและทีมงานไปดูความเหมาะสมและรูปแบบในการลงพื้นที่ของหัวหน้าพรรคที่อาจไม่ใช่ลงไปตั้งเวทีปราศรัย เพราะด้วยสภาพของเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ไม่สามารถรองรับการจัดการปราศรัยที่มีขนาดใหญ่ได้ โดยรูปแบบที่จะให้หัวหน้าพรรคลงพื้นที่เพื่อเอาฤกษ์เอาชัย ตามชื่อเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย แต่จะเป็นลักษณะการไปวัดในพื้นที่ ซึ่งมีทั้งวัดไทย วัดจีนและมัสยิด ที่ขณะนี้ทีมงานกำลังคุยกัน ทั้งนี้คิดว่าไม่น่าเกินกลางเดือน ก.พ.จะมีบทสรุปให้หัวหน้าพรรคลงพื้นที่ได้
เมื่อถามว่า นอกจากเขตป้อมปราบศัตรูพ่ายแล้ว ได้มีการวางแผนหาเสียงในพื้นที่ กทม.อย่างไรบ้าง นายสกลธี กล่าวว่า ในฐานะที่ตนดูภาพรวมก็จะพยายามดูตัวผู้สมัครให้ครบก่อน ตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่ 4-5 เขต เพราะมีผู้สนใจอยากจะลงสมัครเกินกว่าที่เราต้องการจึงต้องมาจัดกัน โดยพรรคได้มีการทำโพล เพื่อสำรวจความนิยมตัวผู้สมัคร ส.ส. จึงขอเตือนว่า แม้พื้นที่ไหนจะมีการเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ไปแล้ว ก็มีสิทธิ์ที่จะถูกเปลี่ยนตัวได้ถ้าคะแนนไม่ดี เพราะฉะนั้นผู้สมัคร ส.ส. ต้องลงพื้นที่อย่างหนักและต่อเนื่อง จากนั้นเราก็จะมาวางยุทธศาตร์การหาเสียง โดยใช้แนวทางหาเสียงเหมือนตอนสมัครผู้ว่า กทม. ที่จะลงไปช่วยผู้สมัครทุกเขต และจะนำผู้ใหญ่ของพรรคไปด้วย ส่วนรูปแบบและป้ายหาเสียงจะออกจากส่วนกลางทั้งหมด เพื่อไม่ให้แต่ละเขตทำกันเองอย่างสะเปะสะปะ
นายสกลธี กล่าวต่อว่า สำหรับการปราศรัยใหญ่ใน กทม. มีแน่นอนกำลังดูความเหมาะสม โดยจะมีการจัด 2 ครั้งในช่วงปลายใกล้เลือกตั้ง ทั้งฝั่งพระนครและฝั่งธนบุรี ซึ่งวันเวลา สถานที่ จะมีการแจ้งให้ทราบอีกครั้ง ทั้งนี้ชื่อเขตป้อมปราบศัตรูพ่าย ถือเป็นสีสันเราไม่ได้มองใครเป็นศัตรู เหมือนเวลาเราจะไปออกศึกก็ต้องเอาแม่ทัพเราลงสนาม ซึ่งชื่อของหัวหน้าก็พ้องกับชื่อเขตพอดี เลยนำส่วนนี้มาเป็นสีสันในการเปิดเวทีปราศรัย
เมื่อถามว่า หนักใจหรือไม่ที่เขตป้อมปราบศัตรูพ่ายที่เดิมเป็นพื้นที่ของพรรค แต่ปัจจุบันผู้สมัครได้ย้ายไปอยู่พรรคอื่นแล้ว นายสกลธี กล่าวว่า ไม่หนักใจ เพราะใน กทม. ตัวบุคคล 30 เปอร์เซ็นต์ กระแส 70 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ยอมรับว่า ส.ส.เก่าได้เปรียบอยู่แล้ว แต่อยู่ที่การทำกระแสและการทำนโยบายให้ชาวกทม.เชื่อมั่น ตนยืนยันว่าผู้สมัครส.ส. ของเราไม่ได้เป็น 2 รองใคร ซึ่งการปราศรัยของหัวหน้าจะขึ้นเวทีปราศรัยด้วยอยู่แล้วและจะมีแกนนำไปช่วย
ต่อข้อถามว่า พื้นที่ กทม. คาดหวังว่าจะกี่เก้าอี้ นายสกลธี กล่าวว่า ตนบอกกับหัวหน้าพรรคไปว่า ครั้งนี้อาจจะยาก เพราะมีคู่แข่งหลายพรรค และแต่ละพรรคก็ส่งตัวดีๆ ลงในแต่ละเขต ซึ่งหัวหน้าพรรคก็บอกให้ทำให้เต็มที่ ไม่ได้มีกำหนดว่าต้องได้เท่าไหร่ แต่ถ้าถามตน ในใจอย่างน้อยก็อยากได้ 5-6 ที่นั่ง ซึ่งถือว่าเป็นคาดการณ์ที่ไม่เว่อร์จนเกินไป แต่ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้นถือว่าทำดีที่สุดแล้ว
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) จะให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ไปปราศรัยจุดแรกที่แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร ถือเป็นการแก้เกมกันหรือไม่ นายสกลธี กล่าวว่า ก็ถือเป็นสีสันของการเลือกตั้งสุดแล้วแต่ทีมยุทธศาสตร์ของแต่ละพรรคจะจัดกันอย่างไร