"สุวัจน์-กรณ์" นำทีม "ชาติพัฒนากล้า" เปิด 12 นโยบายสู้สึกเลือกตั้ง ตั้งเป้าพลิกวิกฤตเศรษฐกิจ ภายใน 5 ปี
เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 66 ที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอท เอราวัณ พรรคชาติพัฒนากล้า นำโดย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรค นายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรค นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรค นายดล เหตระกูล รองหัวหน้าพรรค นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ ประธานยุทธศาสตร์และนโยบายเศรษฐกิจ พร้อมด้วย แกนนำพรรค คณะผู้บริหารพรรค ร่วมกันแถลงเปิดนโยบายเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเลือกตั้งและขับเคลื่อนประเทศ บนแนวคิด "งานดี มีเงิน ของไม่แพง"
นายสุวัจน์ กล่าวตอนหนึ่งว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้อยู่ในสถานการณ์วิกฤตที่ 35 ปีที่ผ่านมาที่ตนอยู่ในการเมืองไม่เคยเจอมาก่อน ทั้งนี้ตนเชื่อว่าวิกฤตครั้งนี้จะผ่านไปได้พร้อมกับประเมินว่าวิกฤตที่เกิดขึ้น ทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอย จากภาวะโรคระบาด เงินเฟ้อ น้ำมันแพง นอกจากนั้นยังมีภาวะหนี้ครัวเรือน กว่า 90% ทำให้ตัวเลขจีดีพีของไทยถดถอยรั้งท้ายอาเซียน
“ผมไม่เคยเจอวิกฤตแบบนี้ ดังนั้นพรรคการเมืองต้องร่วมมือกันเพื่อให้ประชาชนเชื่อว่าเป็นทางออกของวิกฤต พรรคชาติพัฒนากล้าพร้อมอาสาและมีนโยบายรื้อโครงสร้างเศรษฐกิจ เพื่อให้ทุกคนมีงาน มีเงิน และของไม่แพง แนวคิดของพรรคคือการสร้างแพลตฟอร์มเศรษฐกิจใหม่ ให้กับโครงสร้างเศรษฐกิจของไทยที่เข้มแข็ง บนพื้นฐานของทรัพยากรที่เข้มแข็งและสร้างความยั่งยืนให้ประชาชน” นายสุวัจน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนโยบายพรรคชาติพัฒนา เปิดตัวมีทั้งสิ้น 12 ด้าน โดยตั้งเป้าหมายคือ กอบกู้วิกฤตเศรษฐกิจชาติ ได้แก่ 1.หาเงินใหม่ให้ประเทศ 5 ล้านล้านบาท 2. ลดภาษีบุคคล เงินเดือน 40,000 บาททแรกไม่ต้องเสียภาษี3. น้ำมัน แก๊ส ไฟฟ้า ต้องถูกลง รื้อโครงสร้างพลังงาน 4.ยกเลิกแบล็กลิสต์บูโร รื้อระบบสินเชื่อ 5.รื้อระบบราชการ โดยใช้ GOv-Tech ราชการมือถือรวดเร็ว ปลอดคอร์รัปชั่น 6.เกษตรสร้างชาติ เพิ่มมูลค่าด้วยเทคโนโลยี-อุตสาหกรรม 7.สร้างเด็กไทย 3 ภาษา 8. ทุนธุรกิจสร้างสรรค์ สูงสุดรายละ1ล้านบาท ไม่จำกัดวุฒิและวัย 9.สูงวัยไฟแรง งานใหม่ 5 แสนตำแหน่ง 10.อารยสถาปัตย์ ปรับเงินบ้าน 50,000 บาทให้ผู้สูงวัยและผู้พิการ 11.มอร์เตอร์เวย์ทั่วไทย 4ทิศ 2,000 กิโลเมตร และ 12. ท่องเที่ยวนำไทย เพิ่มนักท่องเที่ยว 2 เท่า
จากนั้น นายกรณ์ กล่าวถึง ข้อเสนอในนโยบายสร้างรายได้ใหม่ให้ประชาชน และคนไทย 5ล้านล้านบาท ในช่วงเวลา 5 ปี โดยมั่นใจว่าหากพรรคสามารถขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ที่นำเสนอทำได้แน่นอน โดยยุทธศาสตร์ของพรรคได้จัดกลุ่ม 7 กลุ่ม คือ กลุ่มยุทธศาสตร์สีเขียว คือ รักษ์โลก เพื่อแก้ปัญหาโรคร้อน นำประเทศไปสู่ภาวะเป็นกลางทางคาร์บอน นำไปสู่การลงทุนครั้งใหญ่รอบ 40 ปี โดยต้องรื้อระบบอุตสาหกรรม การเกษตร พลังงาน เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางของโลกที่มุ่งด้านสิ่งแวดล้อม โดยพรรคชาติพัฒนาจะช่วยภาคอุตสาหกรรมปรับตัว รวมถึงภาคการเกษตร สนับสนุนการปลูกป่า 26ล้านไร่ โดยออกพันธบัตรปลูกป่า 65,000 บาทให้กับประชาชน ซึ่งจะเกิดผลตอบแทนให้กับประชาชนในอนาคต นอกจากนั้นคือ การขายคาร์บอนเครดิต ปัจจุบัน มีราคา125 บาทต่อตัน ได้เงินคืน 6,000 ล้านบาท และในอนาคตเชื่อว่าจะมีมูลค่าสูงขึ้น 65,000 ล้านบาท
นายกรณ์ กล่าวด้วยว่า กลุ่มยุทธศาสตร์สีเทา โดยจะนำธุรกิจและเศรษฐกิจสีเทาให้สู่ที่สว่าง โดยพรรคจะส่งเสริมพื้นที่ที่พร้อม ออกใบอนุญาตทำคาสิโนรีสอร์ท เพื่อสร้างรายได้ให้ประเทศ และแก้ปัญหาเงินจากบ่อนใต้ดิน ดึงรายได้ของคนไทยที่เล่นการพนันในคาสิโนในประเทศเพื่อนบ้าน และทำให้เกิดการท่องเที่ยว นอกจากนั้นจะช่วยแก้ปัญหาลอตเตอร์รี่ราคาแพง ยุทธศาสตร์สีขาว ที่มาจากความเชื่อและศรัทธา เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่มาจากการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยจะตั้งกองทุนให้กับ 77 จังหวัดเพื่อพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวสายมู
นายกรณ์ กล่าวด้วยว่า ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจสร้างสรรค์ สร้างโอกาสให้คนไทย โดยตั้งกองทุนสนับสนุน เพื่อให้คนไทยเป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม เช่น การจองห้องพัก ยุทธศาสตร์สีฟ้า ด้วยใช้เทคโนโลยีเพื่อปฏิรูประบบราชการ ลดโอกาสการทุจริต ลดต้นทุนการบริหารจัดการ ยุทธศาสตร์สีเหลือง โดยใช้ซอฟต์พาวเวอร์ของไทย ทั้งศิลปวัฒนธรรม อาหาร กีฬา เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยพรรคจะมีกองทุนสนับสนุนที่ชัดเจน ยุทธศาสตร์สีเงิน เพื่อผู้สูงอายุ โดยพรรคจะให้เงินสนับสนุนผู้ประกอบการเพื่อจ้างงานผู้สูงอายุ และมีกองทุน 50,000 บาทต่อครัวเรือนเพื่อปรับอารยสถาปัตย์เพื่อการใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ ตั้งเป้า 4 ล้านครัวเรือนในปีแรก และยุทธศาสตร์สีรุ้ง
“ทุกนโยบายเศรษฐกิจ ทุกการรื้อโครงสร้างเหล่านี้ จะทำให้คนไทยมีงานดี มีเงิน และของไม่แพง เรามีนโยบายเศรษฐกิจที่ไม่ได้มุ่งใช้เงิน แต่เรามียุทธศาสตร์หาเงินใหม่เข้าประเทศ รองรับการทำงานของรัฐบาลในอนาคตต่อไป พร้อมทั้งฝากพี่น้องประชาชนพิจารณาพรรคชาติพัฒนาเป็นตัวเลขเข้าไปทำงานด้านเศรษฐกิจเพื่อชาติบ้านเมืองต่อไป”นายกรณ์ กล่าว