ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุก "น้ำอุ่น" 8 ปีคดี "ลัลลาเบล"เสียชีวิต พร้อมพวกอีก 3 คน "ยกฟ้อง "โนบิ-ปิงปอง"
เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ที่ศาลอาญาธนบุรี ศาลนัดอ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.1204/2562 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญาธนบุรี 2 เป็นโจทก์ และมารดาของ น.ส.ธิติมา หรือลัลลาเบล ผู้ตาย เป็นโจทก์ร่วม ยื่นฟ้อง นายรัชเดช วงศ์ทะบุตร หรือ "น้ำอุ่น" อายุ 27 ปี จำเลยที่ 1 นายชัยพล พรรณนา หรือ คิว อายุ 30 ปี จำเลยที่ 2 นายนที สถิตพงษ์สถาพร หรือ "ตี๋" อายุ 34 ปี จำเลยที่ 3 น.ส.พิกุลทอง บุญภา หรือ"เฟิร์ส" อายุ 25 ปี แฟนสาวของ "คิว" ภูมิลำเนาหนองหาน จ.อุดรธานี จำเลยที่ 4 นายกฤษฎา โลหิตดี หรือ "โนบิ" อายุ 28 ปี จำเลยที่ 5 นายโกเศศ ฤทธิ์นิธิฤกษ์ หรือ "ปิงปอง" อายุ 36 ปี จำเลยที่ 6 ในความผิดฐานเป็นซ่องโจร พาผู้อื่นไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้าย ใช้อำนาจครอบงำผิดคลองธรรมหรือใช้วิธีข่มขืนใจด้วยประการใดๆ กระทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ หน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นหรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย และเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวถูกกักขังหรือต้องปราศจากเสรีภาพในร่างกายนั้นถึงแก่ความตาย โดยมารดาผู้ตาย ได้ยื่นคำร้องขอให้จำเลยทั้ง 6 คนร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทน โดยจำเลยทั้ง 6 คน ให้การปฏิเสธ
คดีนี้ศาลาญาธนบุรี เห็นว่า จำเลยที่ 1 กระทำต่อเนื่องเชื่อมโยงในวาระเดียวกันโดยมีเจตนาเพื่อกระทำอนาจารและล่วงละเมิดในทางเพศผู้ตาย จึงเป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท จึงให้ลงโทษฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นเป็นเหตุให้ผู้ถูกหน่วงเหนี่ยวกักขังถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักสุด จำคุก 8 ปี ส่วนจำเลยที่ 2-6 เป็นผู้สนับสนุนกระทำความผิดดังกล่าว ให้จำคุกคนละ 5 ปี 4 เดือน และให้จำเลยทั้ง 6 คนร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่มารดาผู้ตาย โจทก์ร่วมจำนวน 748,660 บาทด้วย จำเลยทั้งหมด ยื่นอุทธรณ์โดยวันนี้ จำเลยทั้งหมดเดินทางมา
ศาลศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้วเห็นว่า การกระทำของจำเลยที่ 1-4 เป็นความผิดจริงตามฟ้อง อุทธรณ์จำเลยที่ 1-4 ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นลงโทษ จำเลยที่ 1 จำคุก 8 ปี ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นถึงแก่ความตาย และจำเลยที่ 2 3 และ 4 ยืนลงโทษอาญา จำคุกคนละ 5 ปี 4 เดือน ฐานเป็นผู้สนับสนุน โดยอุทธรณ์จำเลยที่ 5-6 ฟังขึ้น ซึ่งไม่มีพฤติการณ์ชี้ชัดว่ามีเจตนาร่วมจัดงานเลี้ยงเพื่อเอื้อโอกาสให้จำเลยที่ 1 กระทำผิดต่อตัวผู้ตาย จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง ประกอบมาตรา 215 ศาลอุทธรณ์จึงพิพากษาแก้ ยกฟ้อง จำเลยที่ 5-6 ส่วนที่เหลือให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จำเลยที่ 1-4 ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในชั้นฎีกา โดยระหว่างนี้ศาลส่งคำร้องให้ศาลฎีกาเป็นผู้พิจารณาสั่งคำร้องขอประกันตัว หากครบเวลาราชการและยังไม่มีคำสั่งจากศาลฎีกาลงมาในวันนี้ จำเลยทั้งหมดจะถูกควบคุมตัวไปคุมขังในเรือนจำจนกว่าผลคำสั่งจากศาลฎีกาจะลงมา