จับตา "บิ๊กป้อม"แถลงเปิดนโยบาย พปชร. ชู "บัตรประชารัฐ"เข้าถึงประชาชนได้จริง 17 ม.ค. ด้าน "นฤมล"ลุยนครศรีธรรมราชนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.อ้อนขอคะแนน
เมื่อวันที่ 14 ม.ค.66 นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานในพิธีการประชุมสัมมนาโครงการพลังประชารัฐ พลังชาติไทย และเปิดศูนย์ประสานงานพรรค เขตเลือกตั้งที่ 4 อำเภอทุ่งสง และที่เขต 2 อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โดยศูนย์ดังกล่าว จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการติดต่อสื่อสารระหว่าง ส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐกับพี่น้องในพื้นที่โดยตรง ซึ่งจะทำให้ปัญหาของประชาชนทุกคนได้รับการแก้ไขอย่างรวดเร็ว โดยมี นายนิยม คำแหง อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช 2 สมัยให้การต้อนรับ ซึ่งภายในงานได้มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐในจังหวัดนครศรีธรรมราชหลายคน เช่น นางสุภาพ ขุนศรี ว่าที่ผู้สมัคร เขต 2 นายสุธรรม จริตงาม เป็นว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พรรคพลังประชารัฐเขต 4 , นายคมเดช มัชฌิมวงศ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่เขต 6 ,นายสุนทร รักษ์รงค์ ว่าที่ผู้สมัครเขต 7 รวมไปถึง นายประจวบ รามณีย์ ว่าที่ผู้สมัคร จังหวัดพัทลุง เขต 7 และสตูล บังแซม ศิษย์เก่าโรงเรียนทุ่งสง
นางนฤมล กล่าวเปิดงานตอนหนึ่งว่า ดีใจมากที่ได้มาเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนชาวทุ่งสงอีกครั้งหนึ่ง และต้องขอขอบคุณท่านอดีต ส.ส.นิยม คำแหง ที่ได้ให้การสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ ผู้สมัครของเราถือว่ามีเลือดนักสู้ เพราะกว่าจะผ่านขั้นตอนการคัดกรองคุณสมบัติผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐไม่ใช่เรื่องง่าย เนื่องจากทางพรรคได้คัดเลือกอย่างเข้มข้นและมีคุณภาพมากที่สุดเพื่อประชาชนคนใต้โดยเฉพาะ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐของเราตั้งใจที่จะรับใช้ชาวใต้อย่างแท้จริง เห็นได้จากตัวผู้สมัครของเราในครั้งนี้ ทุกคนคือลูกหลานของชาวใต้ มีความใกล้ชิด สนิทสนม และรู้ปัญหาของคนใต้เป็นอย่างดี ฉะนั้น ปัญหาของคนใต้ ก็ต้องให้ตัวแทนที่เป็นคนใต้เข้าไปแก้ไข แต่สุดท้ายแล้วคนของพรรคพลังประชารัฐจะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชนที่นั่งอยู่ตรงนี้ ตนขอฝากว่าที่ผู้สมัคร ที่เป็นคนตั้งใจทำงานจริงเอาไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของพี่น้องประชาชนชาวใต้ด้วย
นางนฤมล กล่าวต่อว่า วันที่ 17 ม.ค. 2566 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็จะเริ่มแถลงนโยบายออกมาเพื่อมอบให้กับประชาชนอย่างแท้จริง อย่างเช่น บัตรประชารัฐ ที่ได้ริเริ่มมาตั้งแต่ปี 2561 โดยตนได้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และได้ขับเคลื่อนนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาโดยตลอด และสุดท้ายเมื่อเกิดการเลือกตั้งปี 2562 พรรคพลังประชารัฐก็ได้ทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ได้จริง และขอเน้นว่าประชาชนต้องเข้าถึงได้จริง เพื่อให้ใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ และนำประโยชน์ไปต่อยอดทำธุรกิจ เพื่อให้ความเป็นอยู่ดีขึ้น นโยบายของพรรคพลังประชารัฐในครั้งนี้ก็จะมีเรื่องนี้เป็นหลัก แต่ส่วนรายละเอียดว่าจำนวนเงินในบัตรประชารัฐว่าจะมีจำนวนเท่าไหร่ ก็ขอให้รอฟังการแถลงจากท่านหัวหน้าพรรคอีกครั้งหนึ่ง