"ชูวิทย์" ไม่แปลกใจทำไมไม่ตั้งข้อหาฟอกเงิน "ตู้ห่าว"

2023-01-09 12:26:00

"ชูวิทย์" ไม่แปลกใจทำไมไม่ตั้งข้อหาฟอกเงิน "ตู้ห่าว"

Advertisement

"ชูวิทย์" ไม่แปลกใจทำไมไม่ตั้งข้อหาฟอกเงิน "ตู้ห่าว"  อ้างตัวละครหลานนายกฯ จี้ "บิ๊กตู่" สั่งสอบไปเกี่ยวพันได้อย่างไร

เมื่อวันที่ 9 ม.ค.66  นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเพจ  ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ระบุว่า มิน่าเล่า ถึงไม่ตั้งข้อหา “ฟอกเงิน” ตู้ห่าว!  ผมไม่แปลกใจแล้วว่า ทำไมถึงไม่ตั้งข้อหา “ฟอกเงิน” กับตู้ห่าวเสียที เมื่อผมติดตามคดีนี้มาตลอด พบว่าการเรียกร้องให้ตั้งข้อหา “ฟอกเงิน” กับตู้ห่าวเป็นไปด้วยความชักช้า ส่วนการตั้งข้อหาเมื่อวันที่ 24 ธ.ค.65 ที่ผ่านมา เป็นแค่บรรดาลูกน้องคนสนิท  แต่ยังไม่ได้รวม นายตู้ห่าว ตัวการ ชักสงสัย!

เรื่องนี้เริ่มปรากฏ ผมเอะใจขึ้นเมื่อมีตัวละครเพิ่มเป็น "หลานนายกฯ ประยุทธ์"  ในนาม หจก. (ขอสงวนชื่อ)  ที่เป็นเสมือนนอมินี ของตู้ห่าวในการถือครองรถทัวร์จำนวน 50 คัน โดยเป็นรถทัวร์ยี่ห้อซันลอง ที่ไฟแนนซ์ไว้กับ บริษัท (ขอสงวนชื่อ)   และนำไปให้ บริษัท (ขอสงวนชื่อ)  ของนายตู้ห่าว เช่าช่วงต่ออีกทอดนึง  ราคารถคันละ 3.5 ล้าน รวม 50 คัน เท่ากับ 175 ล้าน ทุกคัน ตู้ห่าว จ่ายเงินดาวน์ คันละ 500,000 บาท รวมเป็นเงิน 25 ล้านบาท และจ่ายเงินค่าเช่าช่วง หรือก็คือ เงินผ่อน + กำไร ให้กับ (ขอสงวนชื่อ)

บริษัท (ขอสงวนชื่อ)  ของจีน เคยมีปัญหาเรื่องซิกแซกภาษีนำเข้ารถเมล์ ขสมก. ว่าผลิตจากจีนทำไมเอามาเข้าทางมาเลเซีย ทั้งนี้ก็เพื่อให้ได้ประโยชน์ไม่ต้องจ่ายภาษีนำเข้า เนื่องจาก ไทย-มาเลเซีย มีสนธิสัญญาเขตการค้าเสรีประเทศอาเซียนหากตั้งข้อหาฟอกเงินตู้ห่าว ทำให้ต้องเรียก “หลานนายกฯ ประยุทธ์” มาสอบด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ในเรื่อง ฟอกเงินแต่ตำรวจ และอัยการ จะกล้าเรียกหรือ? ผมว่า แม้แต่ ผบ.ตร. และ อสส. ก็คงไม่กล้า ทั้งที่เรื่องฟอกเงิน เมื่อพันไปถึงใครก็ต้องออกหมายเรียกมาสอบตามขั้นตอนปกติ แต่ที่ไม่ปกติเนื่องจากเป็นถึง “หลานนายกฯ” และยังไม่ยอมตั้งข้อหา “ฟอกเงิน” กับตู้ห่าวเสียที

ผมเพิ่งถึงบางอ้อนี่เองว่า ที่แท้ก็เป็นเพราะหลานนายกฯ ปรากฏชื่อเป็นเจ้าของรถทัวร์ที่นายตู้ห่าวใช้รับทัวร์จีนศูนย์เหรียญ ที่ ป.ป.ส. ยึดรถทัวร์มาแล้ว จำนวน 297 คัน เป็นของ บริษัท(ขอสงวนชื่อ)  กับ (ขอสงวนชื่อ)  ที่เป็นของตู้ห่าวโดยตรง  ส่วนของ หจก.(ขอสงวนชื่อ)  ที่เป็นของหลานนายกฯ อันตรธานหายไปไหนก็ไม่รู้ แม้แต่ ป.ป.ส. ก็ไม่ทราบ  และเพิ่งเข้าใจอีกว่า ทำไมคดีใหญ่แบบนี้ กระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของประเทศ นายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้นำสูงสุดของประเทศถึงเงียบสนิท ไม่ออกมาพูดอะไรสักแอะ ได้แต่แสดงท่าทีฉุนเฉียว แล้วให้ “รัฐมนตรีส้มหล่น” อย่างนายธนกร มาพูดออกหน้าแทน แต่คงไม่รู้อะไรมาก เลยพูดเอาใจนายถึงขนาดบอกว่า “นายกประยุทธ์ เป็นคนสั่งการเรื่องจัดการจีนเทากับ ผบ.ตร. เป็นคนแรก” เอาล่ะ จะคนแรกคนหลังไม่ได้สำคัญแล้วล่ะครับท่านรัฐมนตรีมือใหม่ ที่สำคัญตอนนี้ คือ นายกฯ ควรสั่งการให้ไปสอบ หลานตัวเองด้วยว่า ไปเกี่ยวพันกับนายตู้ห่าวได้อย่างไร?

เป็นเรื่องจริงที่ท่านต้องพูดเอง หรือจะพูดตอนแสดง “วิสัยทัศน์” ในการสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ ในงาน “รวมใจ รวมไทยสร้างชาติ” ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ในวันพรุ่งนี้ก็ได้ จะถือเป็นเรื่องที่ดีมาก และจะมีคนสนับสนุนท่านอีกล้นหลาม

ขอบคุณเพจ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์