"ชูวิทย์"กราบเรียนนายกฯที่เคารพควรลงมาล้วงลูก "ทุนจีนสีเทา"ไม่อย่างนั้นก็อย่าไปเป็นนักการเมืองเลย
เมื่อวันที่ 7 ม.ค.66 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมืองชื่อดัง โพสต์ข้อความผ่านเพจ ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ระบุตอนหนึ่งว่า ท่านนายกฯ ที่เคารพ "ประยุทธ์ ฉุนขาด นักข่าวถามปมชูวิทย์แฉ หลานพัวพันธุรกิจตู้ห่าว" กราบเรียน ท่านนายกรัฐมนตรีที่เคารพ บัดนี้ เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ท่านต้องการดำรงคงอำนาจต่อไป โดยวันที่ 9 ม.ค. ท่านได้เสนอตัวเองไปสังกัดพรรครวมไทยสร้างชาติ ท่านเคยเป็น “ผู้บัญชาการทหารบก” เป็นทหารมาทั้งชีวิต แต่วันนี้ท่านอยากผันตัวเป็น “นักการเมือง” เต็มตัว นักการเมืองต้องเข้าถึงประชาชนทุกชนชั้น ไม่ใช่ใช้ความเป็นทหารมาปกครองบ้านเมืองได้ตลอดไป การที่ท่านเป็นทหาร แต่ไม่ได้ปกครองทหาร จึงต้องครองใจประชาชน ถึงจะประสบความสำเร็จ เพราะนักการเมืองย่อมต้องเป็นที่พึ่งของประชาชน นี่เป็นสาเหตุที่ 8 ปี สะท้อนถึงสิ่งที่ประชาชนเบื่อหน่ายต่อตัวท่าน แต่เมื่อท่านต้องการเป็นนายกฯ อีกครั้ง ควรรู้จักที่จะปกครองประชาชน จะเอาแต่ใช้วิธีทหาร จัดการเรื่องความทุกข์ร้อนของประชาชนได้อย่างไรครับท่าน? แสดงท่าทีสั่งการ หรือแสดงอารมณ์ฉุนเฉียวเมื่อถูกถามสิ่งที่ไม่ถูกใจไม่ได้
วันนี้ท่านไม่ได้ต้องการชนะสงคราม แต่ต้องเอาชนะใจประชาชนให้ได้ การนิ่งเฉยของท่านจึงไม่ใช่ท่าทีของผู้นำประเทศที่ดี จะใช้นิสัย “กึ่งทหาร กึ่งนักการเมือง” ก็ไม่ได้ครับท่านนายกฯ ประยุทธ์ อย่าไปคิดว่าสมัยหน้าท่านจะได้คะแนนมากพอ จะอยู่ต่อด้วยการอาศัยเสียงของ “สมาชิกวุฒิสภา” ที่ท่านแต่งตั้งขึ้นเอง หรือไปเชื่อบรรดาคนที่ล้อมรอบตัวท่าน ยกยอปอปั้นจนไม่ลืมหูลืมตา คิดว่าประเทศนี้มีเพียงท่านเท่านั้นที่จะปกครองบ้านเมืองได้
ท่านไม่เป็นนายกฯ ประเทศไทยก็ยังอยู่บนแผนที่โลก ไม่ได้ล่มสลายหายไปไหน นับแล้ววันๆ หนึ่ง ท่านคงพบคนแค่ไม่กี่คนบนหอคอยงาช้างท่านต้องตัดสินใจด้วยตัวเอง และชะโงกมองลงมาที่คนข้างล่างบ้าง หากจะเอาแต่ให้จัดการกันเองคงไม่ไหว เพราะลูกน้องท่านไม่ใช่ทหารอีกต่อไปแล้ว ประเทศไทยคงพัง เพราะท่านใช้วิธีการปกครองที่ผิด ที่สำคัญ ไม่มีใครไปบังคับท่านให้เป็นนายกฯ ท่านอยากเป็นของท่านเอง ไม่มีใครไปข่มใจให้ท่านเป็นได้ มันเป็นการตัดสินใจของท่านแท้ๆ แต่เรื่องบ้านเมือง “ทุนจีนสีเทา” ท่านจะเงียบ และนั่งฟังรายงาน แบบทหารระดับสูงอย่างเดียวไม่ได้หรอกครับ หากท่านไม่อยากเป็นนายกฯ ต่อไป ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง คงไม่มีใครไปตอแยเซ้าซี้ท่าน เมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว คงไม่ต้องบอกกันนะครับ ว่าท่านควรลงมา “ล้วงลูก” ในเรื่องสำคัญๆ บ้าง เมื่อเห็นสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลของบ้านเมือง ไม่อย่างนั้น ก็อย่าไปเป็นนักการเมืองเลยครับ มาลองเป็นประชาชนอย่างผมดูว่า วันหนึ่งเมื่อท่านหมดสิ้นอำนาจวาสนา ซึ่งผมเชื่อว่าคงเร็วๆ นี้ท่านจะรู้สึกเหมือนที่ผมรู้สึกไหม?