"ก้าวไกล" ถล่มป้าย 33 ล้าน "ศักดิ์สยาม" ลั่นตั้ง กก.สอบไม่มีปกปิด

2023-01-05 15:25:42

"ก้าวไกล" ถล่มป้าย 33 ล้าน "ศักดิ์สยาม" ลั่นตั้ง กก.สอบไม่มีปกปิด

Advertisement


"ก้าวไกล" ถล่มป้ายสถานีกลางบางซื่อ 33 ล้าน "ศักดิ์สยาม" แจงเปลี่ยนชื่อตามประเพณี ลั่นตั้ง กก.สอบข้อเท็จจริง ไม่มีปกปิด

เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 65 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎร โดย นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม เมื่อเข้าสู่วาระกระทู้ถามสด ของนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล  สอบถามนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม กรณีการเปลี่ยนชื่อป้ายสถานีกลางบางซื่อ เป็นสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ที่มีมูลค่าก่อสร้างสูงถึง 33 ล้านบาท

นายจิรัฏฐ์ ถามว่า ราคา  33 ล้านบาท แพงเกินไปหรือไม่ อยู่ดีๆทำไมขอเปลี่ยนชื่อ ป้ายเดิมใช้แค่ 3 ปี ยังใหม่อยู่ จะเปลี่ยนชื่ออย่างไร ก็ยังเรียกชื่อสถานีกลางบางซื่อเหมือนเดิม เหตุใดต้องเร่งเปลี่ยนชื่อทันที เมื่อได้รับพระราชทานชื่อ จนต้องใช้วิธีจัดซื้อเฉพาะเจาะจง ได้บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จํากัด (มหาชน) เป็นผู้ติดตั้ง หลังจากที่ รฟท.เพิ่งประกาศราคากลางมา 2 สัปดาห์ ที่ผ่านมาการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)มีหนี้ 2แสนล้านบาท แต่ยังเปลี่ยนป้ายชื่อให้มีหนี้เพิ่ม ถือว่าเกินกว่าเหตุ เอาเงินมาใช้สุรุ่ยสุร่าย มือเติบเกินไป ส่วนการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทำไมต้องรอ 15 วัน การตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง เป็นสูตรสำเร็จเอาตัวรอดแบบไทยๆ สุดท้ายรอดกันหมด

ด้าน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ชี้แจงว่า รายละเอียดวงเงินการเปลี่ยนป้ายชื่อ 33ล้านบาท ประกอบด้วย 1.งานรื้อถอนป้ายสถานีกลางบางซื่อเดิม 6.2 ล้านบาท 2.งานติดตั้งกระจกและโครงกระจกอลูมมิเนียมใหม่ทั้งหมด มีราคาสู.สุด 24.3 ล้านบาท 3.งานออกแบบ 4.งานติดตั้งและรื้อถอนวัสดุปิดแทนกระจกระหว่างเปิดใช้งาน 1.6ล้านบาท ยืนยันไม่ได้ว่าราคา 33ล้านบาท ถูกหรือแพง เพราะไม่ใช่คนกำหนดราคา แต่ทุกคนไม่ได้ต่างกันในการเข้าถึงข้อมูล ส่วนการเปลี่ยนชื่อป้ายเป็นเรื่องประเพณีปฏิบัติ เพื่อความเป็นมหามงคล ไม่ใช่ความต้องการของตน เหมือนการเปลี่ยนชื่อสนามบินหนองงูเห่า เป็นสนามบินสุวรรณภูมิ หรือสถานที่ราชการหลายแห่งก็ดำเนินการลักษณะนี้เช่นกัน ขณะที่การต้องจ้างบริษัท ยูนิคฯเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะโครงการสถานีกลางบางซื่ออยู่ในระยะประกันสัญญา จึงต้องให้บริษัท ยูนิคฯที่เป็นผู้ก่อสร้างเดิมในโครงการเป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนกรณีที่ รฟท.แพ้คดีบริษัท ยูนิค 7,500ล้านบาทนั้น คดียังไม่ถึงที่สุด รฟท.ดำเนินการอุทธรณ์คดีอยู่ ส่วนการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนให้ความสนใจ ไม่ว่าผลออกมาอย่างไร จะแจ้งให้ประชาชนทราบแน่นอน ไม่มีปกปิด ผิดคือผิด ถ้าถูกก็ต้องดำเนินการต่อ ขอเวลาตรวจสอบเล็กน้อย