นายกฯเผยความสำเร็จนโยบายหลายเรื่อง สะท้อนประสิทธิภาพการทำงานรัฐบาล ตั้งเป้าแก้ปัญหาค่าครองชีพ
เมื่อวันที่ 3 ม.ค.66 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม โพสต์ข้อความผ่านเพจ ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha ระบุว่า พี่น้องประชาชนชาวไทยที่รักครับ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ (3 ม.ค.66) มีการรายงานผลการดำเนินงานตามข้อสั่งการและตามนโยบายรัฐบาลในช่วงปี 2565 หลายเรื่อง ที่สะท้อนถึงความสำเร็จและประสิทธิภาพในการทำงานของรัฐบาล ร่วมกับทุกภาคส่วน และที่สำคัญคือผลประโยชน์ทั้งปวง ได้ถึงมือพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางในสังคม หลายประการ ดังต่อไปนี้
1. การบริหารโครงการ/แผนงานต่างๆ ภายใต้ พ.ร.ก.ฯ เงินกู้ สำหรับแก้ปัญหาโควิด เยียวยาภาคประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบ ตลอดจนฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม ในช่วงครึ่งหลังปี 2565 มีการเบิกจ่ายงบประมาณราว 0.87 ล้านล้านบาท ใน 100 โครงการหลักที่มีผลการดำเนินงานอยู่ในระดับ "ดีมาก" สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ถึง 2.92 ล้านล้านบาท และทำให้รัฐมีรายได้กลับคืนมาในรูปแบบภาษีอีก 0.56 ล้านล้านบาท มีโครงการสำคัญๆ ได้แก่ การเยียวยาผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โครงการ "โคก หนอง นา โมเดล" โครงการ "คนละครึ่ง" การจ่ายเบี้ยเลี้ยง อสม.และการควบคุมโควิดในชุมชน การจัดหาวัคซีน ป้องกันโควิด ตลอดจนการแพทย์ฉุกเฉิน UCEP และการบูรณาการให้บริการของโรงพยาบาลรัฐและเอกชน เป็นต้น
2. การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและแผนแม่บทต่างๆ มีความก้าวหน้าในหลากหลายมิติ ได้แก่
(1) การช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ตามหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ครอบคุลมมากขึ้นถึง 47.6 ล้านคน
(2) การกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม โดยมีการจัดสรรที่ดินทำกินให้ชุมชนแล้ว 1,442 พื้นที่ ใน 70 จังหวัดทั่วประเทศ มีเนื้อที่รวม 5.75 ล้านไร่ ช่วยเหลือประชาชนได้ราว 70,000 ราย
3. ความคืบหน้าในการปฏิรูปประเทศ ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง เพื่อให้เกิดความยั่งยืน โดยการผลักดันกฎหมายใหม่และปรับปรุงกฎหมายเดิม ได้แก่
(1) ด้านการศึกษา: มีการจัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์และลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา (ตาม พ.ร.บ.กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาฯ) และการส่งเสริมพื้นที่นวัตกรรมการศึกษานำร่อง 541 แห่งทั่วประเทศ
(2) ด้านกระบวนการยุติธรรม: ผลักดันกฎหมายที่จะช่วยสร้างความธรรมในสังคม เช่น พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัยฯ และ พ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรมฯ
(3) ด้านกฎหมาย/การบริหารราชการแผ่นดิน: ปรับกระบวนการให้บริการประชาชน/ภาคธุรกิจ ให้สะดวก รวดเร็ว โปร่งใส ทันสมัย และสอดคล้องกับบริบทสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น ไม่ต้องสำเนาเอกสาร ยื่นเฉพาะบัตรประจำตัวประชาชนก็ติดต่อราชการได้ (ตาม พ.ร.บ. การปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ฯ)
สิ่งเหล่านี้ ผมถือว่าเป็นความสำเร็จร่วมกัน ในการขับเคลื่อนประเทศในปี 2565 ที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลเน้นการมีส่วนร่วมเป็นสำคัญ เพื่อให้ตอบโจทย์และแก้ปัญหาให้กับประชาชนอย่างตรงเป้าที่สุด ทั้งนี้ เรายังมีความท้าทายที่จะตามมาอีกหลายประการ ที่รัฐบาลตั้งเป้าจะแก้ปัญหาอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะปัญหาค่าครองชีพ ที่ทั่วโลกยังได้รับผลกระทบต่อเนื่อง จากสถานการณ์ความขัดแย้งในยุโรปที่ยังไม่จบสิ้นลง โดยผมเชื่อมั่นว่า ปี 2566 นี้ ไทยเราจะก้าวเดินต่อไปด้วยความมั่นคง และเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ดังที่ IMF ได้คาดการณ์ไว้ ด้วยรายได้จากการท่องเที่ยวที่กลับมา โอกาสในการทำธุรกิจและการส่งออกที่จะตามมาอีกมาก จากการที่ผมและรัฐบาลได้ทำงานอย่างหนัก ในการเปิดตลาดและเจรจาการค้าในประเทศต่างๆ ซึ่งหากประชาชนคนไทยเรารักและสามัคคีกัน ไม่ทะเลาะเบาะแว้งกันเอง บ้านเมืองก็จะสงบสุขและมั่นคง สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักธุรกิจ/นักลงทุน ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ส่งเสริมให้การค้า การลงทุน การท่องเที่ยว เป็นไปอย่างราบรื่น ก็จะยิ่งทำให้ในปี 2566 นี้ เป็นปีแห่งโอกาสและการฟื้นฟูประเทศไทยได้อย่างแท้จริงครับ
ขอบคุณเพจ ประยุทธ์ จันทร์โอชา Prayut Chan-o-cha