"มัลลิกา" เสนอ กมธ.คมนาคมศึกษาวิจัยรถรับจ้างสาธารณะผ่านแอปพลิเคชัน ก่อนชง "คมนาคม-คลัง" ดำเนินการ
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.65 ดร.มัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เปิดเผยว่าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาที่สภาฯ ได้มีการถกเถียงกันเกี่ยวกับการศึกษาแก้ไขด้านคมนาคมเกี่ยวกับรถรับจ้างสาธารณะผ่านแอปพลิเคชันของต่างประเทศของคณะกรรมาธิการการคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร ไม่ว่าจะเป็น LINE GRAB หรือไรเดอร์ยี่ห้อต่างๆซึ่งมีหลากหลาย ที่เป็นของประเทศไทยมีเพียง 1-2 เจ้าเท่านั้น ที่เหลือเป็นแพลตฟอร์มของต่างประเทศทั้งสิ้น
"ปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปเร็วและวิถีชีวิตบริบทการดำเนินชีวิตของพี่น้องประชาชนเปลี่ยนไปโดยเฉพาะหลังสถานการณ์โควิด-19 เราปรับตัวค่อนข้างมากไม่ว่าจะเป็นการ เรียกใช้บริการส่งอาหาร การเรียกบริการรถสาธารณะแทนแท็กซี่ เพราะก็น้อยแล้วที่เราจะออกไปหน้าปากซอยโบกแท็กซี่ บริการสาธารณะสังกัดกระทรวงคมนาคมที่ถูกต้องตามกฏหมาย ปัจจุบันนี้การใช้รถบริการสาธารณะโดยรถที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันของต่างประเทศมีอยู่มาก อยากเรียนถามผ่านท่านประธานสภาฯ ถึงประธาน กมธ. และ กมธ.คมนาคมทั้งหมดว่าได้ศึกษาครอบคลุมหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็น 1.เรื่องการจัดเก็บภาษีรายได้จากแอปฯโดยประสานกระทรวงการคลังว่าครอบคลุมจุดนี้อย่างไร 2.กรณีการจัดทำบัญชีผู้ให้บริการรถสาธารณะลงทะเบียนถูกต้องหรือไม่ อย่างไรและมีสมาชิกเท่าไร มีการจัดเก็บภาษีรายได้อย่างไร เพราะสถานการณ์โรคระบาดผ่านไป 3 ปีกว่าบริการสาธารณะเช่นนี้เกิดขึ้นมากแต่กระทรวงคมนาคมค่อนข้างล้าหลังพอสมควรไปไม่ทันเขา จนป่านนี้ควรที่ประเทศชาติจะได้จัดเก็บภาษีรายได้จาก 2-3 ส่วนนี้เป็นจำนวนเท่าไรควรมีตัวเลขและสถิติแล้ว ดิฉันคิดว่าเรื่องนี้เราจะรอไม่ได้ จะมานั่งอยู่โดยใช้ลักษณะการทำงานแบบเก่าไม่เท่าทัน ดิฉันว่าไม่น่าจะรอด และในส่วนของแอปพลิเคชันเหล่านี้ที่ลงทะเบียนของต่างประเทศรูปแบบของทันสมัยน่าใช้ ผู้ใช้บริการจึงไปใช้แอปพลิเคชันของต่างประเทศค่อนข้างมากและลงทะเบียนเป็นสมาชิกค่อนข้างเยอะ ดิฉันมองว่าเราต้องให้คนที่ทำมาหากินในประเทศไทยทำกระบวนการนี้อย่างถูกต้อง ผู้จัดการเรื่องนี้ควรเป็นกระทรวงการคลัง กระทรวงคมนาคม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนี้ อยากสะท้อนปัญหาให้ท่านทราบ เพื่อการศึกษาและแก้ไขโดยเสนอผ่านสภาไปยังกระทรวงคมนาคม " ดร.มัลลิกา กล่าว
ดร.มัลลิกายังกล่าวถึงการให้บริการรถสาธารณะที่มากขึ้น ทั้งรายได้การประกอบสัมมาชีพของประชาชนมีเพิ่มขึ้นหลากหลายขึ้นก็เป็นเรื่องดี แต่รัฐควรทำให้เข้าระบบให้เป็นวิธีที่ถูกต้องก็จะสามารถช่วยประเทศชาติ ช่วยส่งเสริมอาชีพของประชาชนได้ แต่จะทำอย่างไรตรงนี้ต่างหากที่ กมธ.ควรศึกษาและสามารถเชิญทุกหน่วยงานให้ข้อมูลโดยไม่ต้องเกรงใจ เพราะเป้าหมาย วิธีคิดคือทำอย่างไรจะช่วยประชาชนให้มีพื้นที่ทำมาหาเลี้ยงชีพได้อย่างปลอดภัย ที่สำคัญที่สุดผู้ให้บริการหรือผู้บริโภคพี่น้องประชาชนอย่างเราจะมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินต่อการได้รับบริการอย่างเป็นธรรมถูกต้องอย่างไร ดังนั้นฝาก กมธ.คมนาคมช่วยศึกษาวิจัยเรื่องนี้เพิ่มเติมและเสนอเรื่องนี้ให้กระทรวงคมนาคมกับกระทรวงการคลัง เพื่อเกิดประสิทธิผลด้วย