"ศุภชัย" ถาม "จุรินทร์-เฉลิมชัย" เอาให้ชัด ปากบอกส่งเสริมกัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจ แต่ ส.ส.ปชป.กลับจะนำกลับไปเป็นยาเสพติด
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.65 นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง (ฉบับที่…) พ.ศ... โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงข้อขัดแย้งเรื่องนโยบายกัญชาระหว่างพรรคภูมิใจไทย กับ พรรคประชาธิปัตย์ ว่า เอาให้ชัด จะให้เป็น “พืชเศรษฐกิจ”หรือจะให้เป็น “ยาเสพติด” ผมอยากจะถามไปถึง ท่านจุรินทร์ กับ ท่านเฉลิมชัย ในฐานะที่ท่านเป็นหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรค เพราะท่านเฉลิมชัย เคยประกาศว่าจะให้กัญชา กัญชง เป็นพืชเศรษฐกิจ ตามข่าวนี้ https://www.thansettakij.com/business/478564 โดยนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารมว.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งเป็นรองหัวหน้าพรรคท่าน พูดไว้แบบนี้ ประเทศไทยนับว่ามีศักยภาพในการพัฒนาเป็น “ฮับกัญชา-กัญชง-กระท่อม” อีกทั้งยังเป็นโอกาสของไทยที่จะช่วงชิงตลาดกัญชา กัญชงและกระท่อม มูลค่า 8 แสนล้านบาท โดยมีอัตราการเติบโตกว่า 30% ต่อปีและอีก 4 ปีข้างหน้ามูลค่าตลาดจะเพิ่มเป็นกว่า 3 ล้านล้านบาท”
นายศุภชัย กล่าวว่า ก็ชัดเจนว่า ท่านมีความประสงค์ ให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องน่าชื่นชม เพราะเราเป็นนักการเมือง เราต้องสร้างโอกาสให้ประชาชนในการทำมาหากิน เพื่อความอยู่ดีมีสุข ของพี่น้องคนไทย แต่มาวันนี้ พรรคที่ท่านดูแล ก็คือ “ประชาธิปัตย์” ส.ส.ของพรรคกลับออกมาด้อยค่ากัญชา และพยายามนำกลับไปเป็นยาเสพติด ซึ่งมันย้อนแย้งกับแนวทางของท่านเฉลิมชัย ที่ต้องการให้กัญชาเป็นพืชเศรษฐกิจกับกระทรวงเกษตร ท่านเดินหน้า เพื่อให้กัญชา เป็นโอกาสของคนไทย แต่ในสภา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กลับมีท่าทีที่ต่างออกไป พ.ร.บ.กัญชาที่ค้างอยู่ในสภา ท่านตั้งธงมาคว่ำ โดยที่ไม่คิดจะฟังเนื้อหาเสียด้วยซ้ำ ทั้งที่การออกกฎหมายโดยอำนาจนิติบัญญัติ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามของอำนาจอธิปไตยในสภา เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด คือ บทบาทของ “ผู้แทนปวงชน” แต่ท่านกลับละเลยและไม่หวงแหนหน้าที่และอำนาจที่ประชาชนมอบให้กลับเรียกร้องให้อำนาจบริหารอันเป็นอีกอำนาจอธิปไตยออกประกาศให้กัญชากลับไปเป็นยาเสพติดอีก ทั้งที่ในวันพุธที่ 14 ธ.ค.นี้ สภาผู้แทนราษฎรจะพิจารณาร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ… หรือท่านกลัวความจริงจะเปิดเผยว่าร่างกฎหมายที่ท่านกล่าวว่ามาตลอดว่าไม่ดี ไม่ครอบคลุม ไม่คุ้มครองนั้น แท้จริงแล้วเป็นร่างกฎหมายที่สมบูรณ์ครบถ้วนเป็นประโยชน์ที่จะนำมาบังคับใช้
“ท่าทีที่เปลี่ยนแปลงไปของท่าน มันเกิดขึ้นในช่วงใกล้เลือกตั้ง ซึ่งชัดเจนว่านโยบายกัญชานั้น ได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลาม พิสูจน์ผ่านเวลาไม่นาน ก็มีการลงทะเบียนขอปลูกทะลุกว่า 1 ล้านรายผมไม่อยากคิดว่า ท่าที ที่เปลี่ยนไปขนาดนี้ เพราะท่านกำลังเล่นการเมือง เนื่องจากหากเป็นเช่นนั้น ก็เท่ากับท่านคำนึงเรื่องแพ้ ชนะ มากกว่า ประโยชน์ของประชาชน ซึ่งมันไม่ควรเกิดขึ้นกับคนที่เรียกตัวเองว่าผู้แทนราษฎรและผมเชื่อว่าคนชื่อ “จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” และคนชื่อ “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” จะไม่เป็นเช่นนั้น”นายศุภชัย ระบุ