"สุชาติ" ฟาด "อุ๊งอิ๊ง" ไม่รู้อย่าพูด ชูค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 2.5 หมื่น แนะขึ้นเงินเดือนพนักงานบริษัทในตระกูลคุณก่อนทำได้ไหม
เมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 65 นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กล่าวถึงกรณี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ประกาศนโยบายพรรคเพื่อไทย โดย 1 ในนั้นได้มีการประกาศว่าภายในปี 2570 คนไทยต้องได้ค่าแรงขั้นต่ำ ไม่ต่ำกว่า 600 บาทต่อวัน เงินเดือนจบปริญญาตรี 25,000 บาทขึ้นไป ว่า ถ้าพูดในมิติของการบริหารราชการกระทรวงแรงงาน โดยรมว.แรงงานต้องขอบอกเลยว่า คุณพูดแบบนี้ไม่ได้ เพราะคุณไม่เคยเข้ามาจับต้องหรือเข้ามารู้โครงสร้างการปรับฐานค่าแรง ที่ต้องผ่านระบบไตรภาคีที่มีทั้งนายจ้าง ลูกจ้าง และราชการ ซึ่งขนาดการปรับครั้งล่าสุดตามความเป็นจริงของอัตราเงินเฟ้อ 5% ยังมีการถกเถียงกันนานกว่า 6-7 ชั่วโมง แล้วรู้ข้อมูลหรือไม่ว่าวันนี้คนทำงานมาตรา 33 ที่เป็นคนไทย 11 ล้านคน แรงงานรับค่าแรงขั้นต่ำ 2 ล้านคน แต่ตอนนี้กรมการพัฒนาฝีมือแรงงานกำลังอัพสกิลเป็นแรงงานมีฝีมือรับค่าแรงขั้นต่ำไม่ต่ำกว่า 800 บาทต่อวัน ในขณะที่คนอีกกลุ่มที่ได้ค่าแรงขั้นต่ำคือแรงงานต่างด้าว 1 ล้านคน ดังนั้นหากเพิ่มค่าแรงเป็น 600 บาทจะมีแรงงานต่างด้าวทะลักเข้ามาอีกจำนวนมาก แล้วนายจ้างไหวหรือไม่
ายสุชาติ กล่าวต่อว่า ถ้าย้อนกลับไปเมื่อปี 2554 กับนโยบายขายฝันปรับค่าแรง 300 บาททั้งประเทศทำความเสียหายให้กับประเทศและธุรกิจใหญ่หลวงมากแล้ว เพราะปรับค่าแรง 300 บาทเพียง 7 จังหวัดใหญ่ ทำให้แรงงานในจังหวัดชายขอบย้ายมาทำงานเมืองใหญ่ที่มีการปรับเพิ่มค่าแรง ระบบเศรษฐกิจที่ต่อเนื่องกันในพื้นที่ ร้านค้า ห้องเช่า อพาร์ตเมนท์ต้องเจ๊งหมด โรงงานไปไม่รอด นักลงทุนย้ายฐานการผลิตไปประเทศอื่นๆ อัตราการตกงานเพิ่มขึ้นทวีคูณตั้งแต่ตอนนั้น แทนที่ค่าแรงเพิ่มลูกจ้างจะแฮปปี้ กลับกลายเป็นว่าลูกจ้างต้องตกงาน เพราะนายจ้างต้องถูกบังคับให้จ่ายเงินเพิ่ม 40% เขาก็จ้างได้ไม่นาน เพราะฉะนั้นคุณไม่ได้รู้บริบทของนายจ้างจะมาพูดแบบนี้ ตนในฐานะรมว.แรงงานเห็นหายนะเลยว่าจะมีคนตกงานนับล้านคน แล้วจะทำให้นักลงทุนที่กำลังตัดสินใจจะลงทุนในประเทศไทย หลังจบการประชุมเอเปค เช่น ซาอุดิอาระเบียจะลงทุน 300,000 ล้านบาท หรือในหลายๆ ประเทศที่กำลังตัดสินใจจะลงทุน แล้วเขาจะมาไหม เพราะเขากลัวที่สุดคือนโยบายของนักการเมือง ที่หาเสียงโดยไม่ได้คิดถึงหลักความเป็นจริง การเพิ่มเกือบ 100% จาก 300 กว่าบาทเป็น 600 บาทมันไปไม่รอด ถ้าบอกว่าค่อยๆ ปรับภายในปี 2570 แบบนี้ใครก็พูดได้ ตนก็พูดได้ เพราะมีการปรับเพิ่มทุกปีอยู่แล้ว แต่ที่คุณพูดออกมานี้ปรับเกือบ 100% บอกเลยว่าไม่มีนักลงทุนที่ไหนมาลงทุนแน่ภายใน 5 ปี จากการพูดคุยกับนักลงทุนต่างๆ สภาหอการค้า เห็นว่านี่คือคำพูดของนักการเมืองที่ไม่รับผิดชอบ เป็นนโยบายที่โหดร้ายมาก
นายสุชาติ กล่าวอีกว่า เพราะคุณอุ๊งอิ๊งไม่เคยลำบาก คุณเกิดมารวย คุณไม่รู้ว่านักธุรกิจกว่าจะสร้างตัวมาได้เขาต้องมีโครงสร้าง มีต้นทุนอะไรบ้าง จะมาทำการหาเสียงเหมือนสมัยปี 2554 ที่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งเพราะนโยบายค่าแรง 300 บาททั่วประเทศ ทำให้เศรษฐกิจ GDP ประเทศไทย คนตกงานเป็นหลักล้านแน่นอน หากทำแบบนี้ไม่มีบริษัทไหนพร้อมที่จะทำแบบคุณ นักการเมืองต้องรับผิดชอบ อย่าหาเสียงโดยเอาแต่จะชนะ โดยไม่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ถ้าคุณจะหาเสียงแบบนี้คุณต้องบอกวิธีคิดด้วยว่าคุณจะหาบริษัทที่ไหนมาลงทุนจ่ายราคานี้ หรือไม่คุณก็ปรับโครงสร้างค่าแรงขั้นต่ำ และเงินเดือน 25,000 บาท ให้พนักงานปริญญาตรีบริษัทในเครือ ในตระกูลคุณก่อน ดูว่าจะทำได้ไหม แล้วคนที่ทำงานมา 5 ปี 10 ปี กว่าจะได้เงิน 22,000-23,000 จะคิดอย่างไร เมื่อเด็กจบใหม่เข้ามาก็ได้ 25,000 บาทเลย ทำแบบนี้กระบอกเงินเดือนเพี้ยนหมด คุณอุ๊งอิ๊งรู้จักคำว่ากระบอกเงินเดือนไหม การบริหารธุรกิจมีการควบคุมกระบอกเงินเดือนอย่างไร นักการเมืองอย่าหาเสียงแบบนี้ แล้วไม่รู้จริงก็อย่าพูด ไม่รู้ใครเขียนสคริปให้เขาพูด แทนที่เศรษฐกิจจะฟูหลังประชุมเอเปค กลับต้องสะดุดกับคำพูดทำลายเศรษฐกิจ นี่คือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ หรือคุณยังละอ่อนมาก เรื่องพวกนี้ละเอียดอ่อนมากกลับพูดออกมาได้ หากตนพูดบ้างว่าจะเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำวันละ 1 พันบาท คนจบปริญญาตรีรับ 30,000 บาท ประเทศชาติก็พังหมด ส่วนตัวถ้าปรับ ตนปรับแน่ แต่ปรับตามความเป็นจริงให้นายจ้าง ลูกจ้างอยู่รอด อีกทั้งนักลงทุน นักเศรษฐศาสตร์ สหภาพต่างๆ เห็นด้วยกับการเพิ่มค่าแรง แต่ไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มแบบสุดโต่ง
เมื่อถามว่ามีการเปรียบเทียบว่าก่อนหน้านี้พรรคพลังประชารัฐเคยหาเสียงปรับค่าแรงเพิ่ม 400 กว่าบาท นายสุชาติ กล่าวว่า เป็นนโยบายที่พรรคประกาศ แต่เนื่องจากการระบาดของโควิด ทำให้ต้องหยุดขึ้นค่าแรง 2 ปี พอปีนี้นายจ้างเริ่มฟื้นตัวเราก็มีการปรับเพิ่ม แต่จะปรับทีเดียวนายจ้างก็ไม่รอด ดังนั้นหาก 2 ปีนั้นเรามีการปรับค่าแรงปกติปีละ 7-8% ถึงวันนี้ก็จะมีค่าแรงขั้นต่ำใกล้เคียงกับตัวเลขที่เคยประกาศไว้ และจริงๆ นั่นเป็นนโยบายที่พรรคประกาศ ไม่ได้ประกาศจากปากของตน เพราะถ้าตนทำอะไร ตนรับผิดชอบในส่วนนี้อยู่แล้ว เพราะฉะนั้นวันนี้ถ้าพรรคการเมืองไหนก็ตามหาเสียงเรื่องค่าแรงถ้าตนอยู่พรรคนั้นจะบอกเลยว่าทำได้แค่ไหน ทำได้จริงหรือไม่ อย่าหาเสียงโดยเอาโมเดลของพรรคเพื่อไทยมาใช้ เพราะเป็นอันตรายมากๆ กับเศรษฐกิจและประเทศ ซึ่งตนกล้าพูดเลยว่าไม่มีประเทศไหนในโลกหาเสียงด้วยการเพิ่มค่าแรงเกือบ 100% แต่ที่เขาพูดแบบนี้มันคงเข้าตาจน อย่างอุ้งอิ๊งเองไม่เคยบริหารบริษัทมาก่อน หรือเข้ามาบริหารแบบที่พ่อแม่ทำให้รวยไว้แล้ว แล้วจะไปรู้ได้อย่างไรว่าอะไรมันยากเย็นแสนเข็ญแบบไหน.