เจ้าหน้าที่เร่งขยายพันธุ์ปลาพลวงชมพู หรือปลากือเลาะห์ หลังพบว่าอาจเสี่ยงสูญพันธุ์ เผยเป็นที่ต้องการของประเทศเพื่อนบ้าน โดยให้ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 3,000 บาท
เมื่อวันที่ 28 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์เรียนรู้ด้านการประมง การเลี้ยงปลานิลเชิงพาณิชย์ของนายสันติชัย จงเกียรติขจร อายุ 63 ปี ตั้งอยู่เลขที่ 138 หมู่ที่ 2 ต.ตาเนาะแมเราะ อ.เบตง จ.ยะลา กล่าวถึง “ปลาพลวงชมพู” ที่ศูนย์วิจัยและพัฒนาประมงน้ำจืดยะลาทำการศึกษา จนสามารถนำมาขยายพันธุ์เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรนำไปเลี้ยงเป็นปลาเศรษฐกิจตัวใหม่ว่า เป็นปลาน้ำจืดประจำท้องถิ่น จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส มีชื่อเรียกตามภาษาท้องถิ่นว่า อีแกกือเลาะห์ หรือปลากือเลาะห์ อยู่ในตระกูลเดียวกับปลาเวียน และปลาพลวงหิน
สำหรับความโดดเด่นของปลาชนิดดังกล่าว คือ สีของเกล็ดจะมีลักษณะเป็นสีชมพู ครีบหลังและครีบหางมีสีแดง เป็นปลาพลวงชนิดเดียวที่รับประทานได้ทั้งเกล็ด นิยมบริโภคกันในประเทศแถบอินโดจีน โดยเฉพาะประเทศมาเลเซีย ที่ยังไม่สามารถวิจัยเพาะพันธุ์เองได้ ประกอบกับมีกฎหมายห้ามจับปลาจากธรรมชาติไปรับประทาน
ส่วนสาเหตุที่ปลาพลวงชมพู มีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 3,000 บาทนั้น เนื่องจากเป็นปลาที่มีรสชาติดี และหาได้ยากเพราะอยู่ในสภาวะใกล้สูญพันธุ์ ปัจจุบันปลาพลวงชมพูมีตลาดจากประเทศเพื่อนบ้านรับซื้อไม่อั้น โดยมีการสั่งจองปลาพลวงชมพูไว้ล่วงหน้าถึง 1 ปี