"พิชัย"จี้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาค่าไฟฟ้า ก๊าซหุงต้มราคาแพง
เมื่อวันที่ 22 พ.ย.65 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน และรองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย (พท.) ด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ในเขตบางรักและเขตสาทร พบว่าประชาชนเดือดร้อนกันอย่างมากจากพิษเศรษฐกิจ มีหนี้สินจำนวนมาก แต่รายได้ไม่เพิ่มแถมลดลง ค่าครองชีพและค่าใช้จ่ายสูง หลายคนถึงกับขู่ว่าอยากตายเพราะสู้ต่อไปไม่ไหวแล้ว โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายเรื่องค่าไฟฟ้าและค่าก๊าซหุงต้มที่พุ่งขึ้นสูงมาก ดังนั้นจึงอยากเสนอแนวในการแก้ไขราคาก๊าซหุงต้มดังนี้ ปัญหาค่าไฟฟ้าที่แพงมหาโหด ที่กำลังจะขึ้นราคาจากหน่วยละ 4.72 บาท เป็นหน่วยละ 5.37 บาท หรือ 5.70 บาท และ อาจจะถึง 6.03 บาทได้ ทั้งที่ตอนต้นปีราคายังอยู่ที่หน่วยละ 3.70 บาทเลย ซึ่งนอกจากจะทำให้ ค่าใช้จ่ายประชาชนเพิ่มสูงแล้ว จะทำให้ความสามารถแข่งขันของไทยลดลง เพราะค่าไฟฟ้าของไทยแพงกว่าค่าไฟฟ้าของประเทศคู่แข่งมาก สาเหตุหลักมาจาก ค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นสูง จากก๊าซอ่าวไทยที่มีปริมาณลดลง และ มีปัญหาการส่งมอบสัมปทานมาเพิ่มเติม และปัญหาก๊าซจากเมียนมาร์ ทำให้ต้องนำเข้าก๊าซ LNG ที่มีราคาสูง และใช้นำ้มันเตาและน้ำมันดีเซลที่มีราคาสูงเช่นกัน ทำให้ กฟผ. ขาดทุนเกือบ 2 แสนล้านบาทแล้ว นอกจากนี้ยังต้องจ่ายค่าความพร้อมให้กับโรงไฟฟ้าที่สร้างเสร็จแต่ไม่ได้จ่ายไฟฟ้าเพราะมีกำลังการผลิตล้นเกินกว่า 50% ซึ่งยังมีโรงงานไฟฟ้าที่กำลังจะสร้างเสร็จเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ ซึ่งจะทำให้ภาระหนักมากขึ้น อีกทั้งยังจะอนุมัติใบอนุญาตไฟฟ้าเพิ่มกันอีกถึง 5,203 เมกกะวัตต์ ทางแก้เรื่องไฟฟ้าสามารถทำได้โดย การเจรจาพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกับประเทศกัมพูชาตามที่ได้บอกไว้แล้ว นอกจากนั้นน่าจะยังสามารถเจรจาค่าความพร้อมให้ลดลงได้ นอกจากนี้รัฐควรเข้าไปไกล่เกลี่ยกรณีพิพาทการส่งมอบสัมปทานในอ่าวไทยเพื่อให้ส่งมอบก๊าซได้ตามปกติ รวมถึงต้องพยายามให้ประเทศเมียนมากลับสู่ปกติโดยเร็ว การส่งก๊าซธรรมชาติจากเมียนมาร์มาไทยจะได้เป็นปกติ ไม่โดนวางระเบิด
นายพิชัย กล่าวต่อว่า สำหรับปัญหาราคาก๊าซ LPG หรือ ก๊าซหุงต้มที่แพงนั้น รัฐสามารถที่จะเก็บเงินจากก๊าซ LPG ที่ส่งเข้าธุรกิจปิโตรเคมีได้ ซึ่งในอดีตก็เคยทำมาแล้วในสมัยรัฐบาลเพื่อไทย แต่ถูกยกเลิกไปหลังมีการปฏิวัติ ซึ่งควรต้องนำมาเก็บใหม่ และควรเก็บมากกว่าเดิมด้วย จะได้นำเงินมาลดราคาค่าก๊าซหุงต้มที่ประชาชนใข้อยู่ได้ การแก้ไขราคาพลังงาน ผู้นำต้องมีความรู้เรื่องพลังงานอย่างแท้จริง และ ต้องรู้โครงสร้างราคาพลังงานเพื่อจะได้เข้าไปแก้ไขให้ถูกทาง และจะต้องไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนหรือตกอยู่ใต้อำนาจของบริษัทพลังงาน เพราะหากเป็นเช่นนั้นจะเป็นการลูบหน้าปะจมูก และจะไม่มีทางแก้ปัญหาพลังงานได้ ประชาชนจะยิ่งลำบากกันมากขึ้น