"สมคิด"แนะนายกฯ อาศัยเวทีเอเปคประกาศความเป็นผู้นำอาเซียน ดึงไทยอยู่ในสายตา "จีน-อเมริกา" แนะ 3 ข้อกระชับความสัมพันธ์ไทย – จีน
เมื่อวันที่ 14 พ.ย.65 ที่โรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน กทม. นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทยอดีตรองนายกรัฐมนตรีปาฐกถา "ความสัมพันธ์ไทย – จีน ในบริบทโลกที่เปลี่ยนไป" โดยมีนักธุรกิจไทยเชื้อสายจีน และนักธุรกิจจีน เข้าร่วมรับฟังกว่า 200 คน
นายสมคิด กล่าวตอนหนึ่งแนะนำประเทศไทยต้องใช้เวทีการประชุมเอเปค ประกาศความเป็นผู้นำอาเซียน เพื่อให้ประเทศไทยยังอยู่ในสายตาของจีนที่เป็นประเทศมหาอำนาจโลก ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศของไทยต้องไปคิดข้อความให้นายกรัฐมนตรีไทย พูดเพื่อให้เราไม่ตกรุ่น และชิงความเป็นผู้นำในอาเซียนกลับมา เพราะสมัยก่อนผู้นำอาเซียนคือสิงคโปร์และไทย ตอนนี้ไทยต้องไม่หลุดแกนกลางของอาเซียน หากหลุดประเทศไทยจะหลุดในสายตาอเมริกาและจีน ไม่ใช่ทุกอย่างกลายเป็นว่าจุดไคลแม็คซ์ไปอยู่ที่การประชุม G20 ที่ประเทศอินโดนีเซีย แล้วแวะมากินข้าวเย็นที่ประเทศไทย ทั้งนี้การประชุมสุดยอดอาเซียนที่ผ่านมา ที่ประเทศกัมพูชาเป็นเจ้าภาพ สมเด็จฮุนเซนกลายเป็นพระเอก จากการพูดถึงอนุภูมิภาคนี้กำลังถึงทางแยกที่พบความไม่แน่นอนที่สุด ชีวิตคนเป็นล้านคนขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ และปัญญาของผู้นำในภูมิภาค พูดง่ายๆ คือชวนให้ผู้นำมาคุยกัน ซึ่งตนมองว่าประโยคนี้ไม่น่าใช่สมเด็จฮุนเซนเป็นคนพูด แต่เป็นการชิงความเป็นผู้นำอาเซียน และอีก 2-3 วัน ประธานาธิบดีโจโก วิโดโด ผู้นำอินโดนีเซีย จะเป็นประธานการประชุม G20 เขาต้องสร้างภาพความเป็นผู้นำอาเซียนเช่นกัน
"ผมห่วงความสัมพันธ์ไทย – จีน ซึ่งไม่อยากให้บกพร่อง ขณะนี้ 3 สิ่งที่ประเทศไทยต้องเร่งทำอย่างเร่งด่วนเพื่อไม่ให้หลุดจากสายตาของจีน คือ 1. ต้องกระชับความสัมพันธ์ระหว่างไทย-จีน ให้แน่นแฟ้น 2.สานต่อโครงการ One Belt One Road ให้ประสบความสำเร็จ และ3.ฟื้นคณะกรรมการร่วมไทยจีนให้กลับมาแข็งแรง นอกจากนี้ ทุกคนต้องละเลิกในสิ่งที่ไม่เป็นสาระ หยุดใส่เสื้อเล่นกีฬาสีที่ทำมาตลอด 15 ปี จนกระทั่งประเทศเป็นแบบนี้แล้วจัดตั้งรัฐบาลที่ดีที่สุด ทุกคนต้องร่วมมือกัน เพราะช่วงเวลาอย่างนี้ถือว่ากำลังอยู่บนทางแยก ถ้าหากทำไม่ดี ก็จะติดอยู่ในช่วงขาลง และหลุดวงโคจรไปอยู่ดิวิชั่น 2-3 แต่ถ้าหากทำดีก็ยังมีโอกาสฟื้นขึ้นมาได้ ถึงเวลาที่ทุกคนต้องร่วมกันรับผิดชอบ” นายสมคิด กล่าว