"ศิริกัญญา"ยื่น ป.ป.ช.สอบ ม.157 กสทช.ปล่อยควบรวม "ทรู-ดีแทค" ผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่
เมื่อวันที่ 11 ก.ย.65 น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล เดินทางไปยังอาคารสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช) สนามบินน้ำ จ.นนทบุรี เพื่อยื่นหนังสือให้มีการไต่สวนและตรวจสอบกรณีการปล่อยให้มีการควบรวมทรู-ดีแทค ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 การปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หลังกสทช.มีการลงมติเพียงแค่รับทราบการควบรวมกิจการ 2 ค่ายมือถือ โดยทำการยังยั้งการควบรวมตามอำนาจหน้าที่ที่ตนเองมี
น.ส.ศิริกัญญา ได้พูดถึงปัญหาของการควบรวมกิจการไว้ว่าได้ทำการศึกษาราคาค่าบริการหลังควบรวมพบว่า ราคาค่าบริการจะสูงขึ้นและศักยภาพการให้บริการจะด้อยลง แตกต่างจากในตลาดมือถือที่มีการแข่งขันของรายใหญ่ 3 เจ้า แต่กสทช. ไม่ทำหน้าที่ของตนให้เหมาะสมในการยับยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้ ในการลงมติของ กสทช. ที่เป็นมติพิเศษ มีหลักเกณฑ์ว่า จะต้องได้เสียงกึ่งหนึ่งในการลงมติ และคณะกรรมการในครั้งนี้มีทั้งหมด 5 คน จึงจะต้องลงเสียงให้ได้คะแนน 3:2 แต่มติในครั้งนี้คือ 2:2:1 งดออกเสียงหนึ่งเสียง หากว่ากันตามข้อบังคับการประชุมจะต้องได้ทั้งหมด 3 เสียงขึ้นไป ดังนั้น กสทช. กำลังทำผิดกฏหมายที่ตนเองร่างขึ้นมาหรือไม่
น.ส.ศิริกัญญา กล่าวอีกว่า ประเด็นถัดมา คือเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ เพราะนายต่อพงศ์ เสลานนท์ รับผลประโยชน์ต่างๆ จากกลุ่มซีพี ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท True ไม่ว่าจะเป็นกรรมการรถไฟฟ้าความเร็วสูงสามสนามบิน และรับผลประโยชน์อื่นๆ ในฐานะนายกสมาคมคนตาบอด นอกจากนี้ ยังมีคณะกรรมการอีกท่านอย่าง พล.อ.ท. ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ ก็ได้แต่งตั้งที่ปรึกษาของคุณประสพสุข ซึ่งเป็นกรรมการอิสระของกลุ่มซีพี ทั้งนี้การลงมติควบรวมทรู-ดีแทค ของกสทช.เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่ตนเองได้รับมอบอำนาจ และผลประโยชน์ทับซ้อนของคณะกรรมการ ในหนังสือที่ยื่นแก่ ป.ป.ช. มีการขอไต่สวน รศ.นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ นายต่อพงศ์ เสลานนท์ และพล.อ.ท. ดร.ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ หลังจากนี้จะมีการยื่นเรื่องต่อศาลปกครองเพื่อขอคำสั่งระงับฉุกเฉินเพื่อระงับการควบรวม เพราะถ้าหากปล่อย ให้กระบวนการเดินไปข้างหน้าจะมีผลเสียมากกว่านี้จะแก้ไขก็ไม่ทันการณ์