หมอรามาฯเตือนบุหรี่ไฟฟ้าทำไทยป่วยปอดอักเสบรุนแรง ห่วงโจ๋ไทยสูบเพิ่ม 10% อายุน้อยสุดระดับประถม สูบแค่ 3 เดือนปอดเกิดพังผืดถึงขั้นเสียชีวิต บางคนต้องติดเครื่องช่วยหายใจตลอดไม่สามารถถอดได้
เมื่อวันที่ 9 พ.ย.65 ที่ รพ.รามาธิบดี ศ.นพ.วินัย วนานุกูล หัวหน้าภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล แถลงข่าว "ไทยพบป่วยปอดอักเสบรุนแรง (EVALI) อีก จากบุหรี่ไฟฟ้า หวั่นคนไม่รู้อันตราย" ว่า ปัจจุบันคนส่วนใหญ่ โดยเฉพาะวัยรุ่นมีความเข้าใจผิดร้ายแรงว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่มีอันตราย คิดว่าควัน ไอละอองจากบุหรี่ไฟฟ้า เป็นเพียงละอองน้ำ ที่มีสารปรุงแต่งกลิ่นหอม อ้างว่าสูบชนิดที่ไม่มีนิโคติน แต่จริงๆ แล้วควันไอละอองจากบุหรี่ไฟฟ้ามีฝุ่นขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 มีสารเคมีที่เป็นอันตรายจากน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์ที่ใช้สูบ เช่น ฟอร์มาร์ลดีไฮด์ ไดอะซิทิล และอโครลิน รวมทั้งโลหะหนักที่เป็นพิษ เช่น นิกเกิล ดีบุก และตะกั่ว ขณะที่ สารแต่งกลิ่นรสที่ถูกความร้อนจนเกิดเป็นไอระเหย ทำให้มีภาวะปอดอักเสบเฉียบพลัน และโรคอื่นได้ เมื่อปี 2562 แพทยสมาคมแห่งสหรัฐอเมริกา เรียกร้องประชาชนหลีกเลี่ยงการใช้บุหรี่ไฟฟ้า ถือเป็นวิกฤตทางด้านสาธารณสุข มีผู้ป่วยรายงานปอดอักเสบที่มีโอกาสสัมพันธ์กับการสูบบุหรี่ไฟฟ้า (E-cigarette or Vaping product use Associated Lung Injury (EVALI) สูงถึง 450 ราย อาการรุนแรงจนต้องใช้เครื่องช่วยหายใจจำนวนมาก และเสียชีวิต 7 รายในระยะเวลาเพียงแค่ 2 เดือน ซึ่งตอนนี้ ยอดผู้ป่วยจนถึงวันที่ 18 ก.พ.64 เข้านอน รพ.แล้ว 2,807 ราย ผู้เสียชีวิต 68 ราย ในส่วนของประเทศไทยต้องเฝ้าระวังให้มาก เพราะตอนนี้เริ่มเจอเคสจากการวินิจฉัยยืนยันชัดเจนแล้วหลายราย แต่เนื่องจากเป็นกลุ่มอาการใหม่ที่เพิ่งเจอในไทย ขณะที่การสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น เท่าที่เห็นรายงานในวันนี้เชื่อว่าเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้น
ด้าน พญ.นภารัตน์ อมรพุฒิสถาพร หัวหน้าสาขาโรคระบบการหายใจและเวชบำบัดวิกฤตระบบหายใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทบุหรี่จะโฆษณาว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่มีสารอันตรายต่อร่างกาย เช่น ทาร์ และคาร์บอนมอนอกไซด์ ต่างจากบุหรี่มวน แต่บุหรี่ไฟฟ้ามีสารนิโคติน สารปรุงแต่งกลิ่น, Propylene glycol vegetable glycerin และสารในกัญชา เช่น THC CBD และ BHO แต่การศึกษาพบว่า บุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคปอด/หลอดลมอักเสบ มีสารก่อมะเร็งหลายชนิด มีโลหะหนักปนเปื้อน และโรคปอดอิวารี่ ทั้งนี้ รายงานเรื่อง Pulmonary illness related to e-cigarette use in Illinois and Wisconsin preliminary report ในผู้ป่วย 53 ราย อายุเฉลี่ยเพียง 19 ปี และมีการใช้บุหรี่ไฟฟ้าที่มีสาร THC ประมาณ 80% แต่มี 20% ที่ไม่ได้ใช้ THC ก็สามารถเกิดอิวารี่ได้ ซึ่ง 95% ของผู้ป่วยมีอาการ ไข้หนาวสั่น ไอ หายใจลำบาก ปวดเมื่อยตามตัว คล้ายการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย แต่พบว่า 77% ของผู้ป่วยมีอาการทางระบบทางเดินอาหาร เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ซึ่งทุกคนมีภาพ x-ray และ CT scan ปอดที่ผิดปกติเป็นฝ้าขาว เมื่อตรวจน้ำล้างปอดก็พบเซลล์เม็ดเลือดขาวกินอนุภาคไขมัน ซึ่งไขมันเป็นสิ่งแปลกปลอมที่เกิดจากการเผาไหม้ของบุหรี่ไฟฟ้าและสูบเข้าปอด กระตุ้นให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรง ซึ่งไม่พบในบุหรี่ทั่วไป จึงทำให้เกิดภาวะอิวารี่มากในกลุ่มวัยรุ่น และเกิดเร็วกว่าผู้ที่ใช้บุหรี่ทั่วไป นอกจากนี้จากรายงาน พบว่าบริษัทบุหรี่ไฟฟ้าหลายยี่ห้อเริ่มมีการเติมสารต่างๆ เข้าไป เช่น VITAMIN E ACETATE
พญ.นภารัตน์ กล่าวว่า สำหรับควันบุหรี่ไฟฟ้ามือสอง ขณะนี้ยังไม่มีรายงานว่าจะทำให้ผู้ที่ได้รับเกิดโรค EVALI ได้ แต่ที่แน่ๆคือการได้รับสารนิโคติน และ PM 2.5 เข้าสู่ร่างกายแน่นอน อย่างไรก็ตามจากการทดลองในหนู ด้วยการรมควันบุหรี่ไฟฟ้าต่อเนื่องเป็นเวลา 1 เดือน ทำให้เกิด ปอดอักเสบ ถุงลมโป่งพอง มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ดังนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าระวัง เพราะมีแนวโน้มที่จะเจอผู้ป่วยสูงขึ้น โดยเฉพาะเด็กประถมซึ่งขณะนี้พบว่ามีการใช้แบบพอต หรือแบบใช้แล้วทิ้งแล้วไปอ้างกับผู้ปกครองว่าไม่ใช่บุหรี่ไฟฟ้าเนื่องจากไม่ได้มีการชาร์จไฟ จริงๆไม่ถูกต้อง และจากรายงานขององค์การอนามัยโลก ที่เก็บข้อมูลในพื้นที่ต่างๆทั่วโลก และรายงานในส่วนของประเทศไทย ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมาพบว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้าในกลุ่มเด็กและเยาวชนเพิ่มสูงขึ้นจาก 6-7% เป็นมากกว่า 10%
ขณะที่ นพ.ธนัญชัย เพชรนาค อาจารย์สาขาโรคระบบการหายใจและเวชบำบัดวิกฤตระบบหายใจ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงกรณีผู้ป่วยอิวารี่ในไทย ว่า ผู้ป่วยอายุระหว่าง 20-30 ปี เดิมมีโรคประจำตัวเป็นกล้ามเนื้ออักเสบ ซึ่งรักษาและควบคุมอาการได้ดี สามารถทำงาน ทำกิจวัตรประจำวันได้ปกติ ผู้ป่วยมาพบแพทย์ด้วยอาการ เหนื่อย ไอ และมีไข้ โดยเริ่มมีอาการไอ และรู้สึกเหนื่อยง่ายมาประมาณ 1 เดือน อาการเริ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ทำงานได้ลดลง ต้องนั่งพักบ่อยขึ้น จึงมาตรวจที่ รพ. โดยอาการแรกรับที่ฉุกเฉิน พบออกซิเจนในเลือดต่ำมาก ต้องได้รับการรักษาเบื้องต้นด้วยออกซิเจนชนิดไฮโฟล์ว เอกซเรย์ปอดพบว่าผู้ป่วยมีภาวะปอดอักเสบรุนแรง พบประวัติเคยสูบบุหรี่ธรรมดาเมื่อ 5 ปีก่อน แต่เลิกแล้วหันมาสูบบุหรี่ไฟฟ้าทุกวัน ต่อเนื่อง 6 เดือน และเติมสารทุกชนิด จนกระทั่งเกิดป่วน แต่ได้รับการวินิจฉัยเร็วใน 1 วัน ทำ ทำให้ได้รับการรักษาเร็ว ในโรงพยาบาล 4 วันหลังจากนั้นก็กลับมาให้ยาต่อเนื่องอีก 1 เดือน จึงมีอาการดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ปกติ
นพ.ธนัญชัย กล่าวว่า สำหรับ ผลกระทบจากการสูบบุหรี่ไฟฟ้าจะมีการกระตุ้นให้เกิดโรคเร็วกว่าการสูบบุหรี่ธรรมดา โดยส่วนมากจะพบในการสูบบุหรี่ไฟฟ้า 3 เดือนขึ้นไป ยิ่งเกิดอาการเร็วเท่าไหร่ก็ยิ่งมีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะบุหรี่ไฟฟ้าเป็นการ นำเอาสิ่งแปลกปลอมซึ่งส่วนใหญ่เป็นสารที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบโดยตรง เข้าไปในร่างกายได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้การรักษาหากรักษาเร็วก็สามารถรักษาหายการทำงานของปอดยังไม่เกิดพังผืดก็สามารถกลับมาเป็นปกติได้ แต่ในรายที่ได้รับการวินิจฉัยล่าช้า ทำการรักษาล่าช้าจนปอดเกิดพังผืดแล้วไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้ บางคนถึงขั้นเสียชีวิต และบางคนต้องเป็นผู้ป่วยติดเครื่อง ช่วยหายใจตลอดไม่สามารถถอดได้ เพราะไม่สามารถหายใจได้เอง
"ความเชื่อในการใช้บุหรี่ไฟฟ้าเพื่อเลิกสูบบุหรี่ทั่วไป ศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐ (CDC) ก็ระบุชัดเจนว่าไม่สามารถใช้ได้ จึงแนะนำให้ใช้ยาหยดบุหรี่มากกว่า ส่วนผู้ที่ใช้บุหรี่ไฟฟ้าอยู่แล้วก็ขอให้เลิกใช้บุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่ทั่วไป" นพ.ธนัญชัย กล่าว