รมว.ทส.คาดฝุ่นละอองปี 66 สูงกว่าปีที่ผ่านมา

2022-11-08 16:23:54

รมว.ทส.คาดฝุ่นละอองปี 66 สูงกว่าปีที่ผ่านมา

Advertisement

รมว.ทส.คาดฝุ่นละอองปี 66 มีแนวโน้มสูงกว่าปีที่ผ่านมา เผยจุดความร้อนภาคเหนือลดลงกว่า 80%

เมื่อวันที่ 8 พ.ย.65  นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เป็นประธานมอบนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหาไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง ปี 2566 โดยมีนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) ผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชน ที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วยผู้แทนจากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 76 จังหวัด เข้าร่วมรับฟังนโยบาย โดย คพ. ได้สรุปภาพรวมสถานการณ์ฝุ่นละอองที่ดีขึ้นเมื่อเทียบปีที่ผ่านมาทั้งใน กทม. ปริมณฑลและ 17 จังหวัดภาคเหนือ รวมถึงจำนวนจุดความร้อนของประเทศไทย 3 ปีที่ผ่านมา มีจำนวนลดลงถึง 80%


นายวราวุธ กล่าวว่า การคาดการณ์แนวโน้มฝุ่นละอองปี 2566 สถานการณ์อาจมีแนวโน้มสูงกว่าปีที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากสภาพอุตุนิยมวิทยาตั้งแต่เดือน พ.ย.นี้จนถึงปลายเดือน ก.พ.66 จะมีสภาพเพดานการลอยตัวอากาศต่ำ สภาวะอากาศที่นิ่ง ลมสงบ สอดคล้องกับกรมอุตุนิยมวิทยาที่คาดการณ์ว่าจะมีอากาศหนาวเย็น ปริมาณฝนน้อย และเป็นไปในทิศทางเดียวกับการคาดการณ์ของศูนย์พยากรณ์สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ประเทศสหรัฐอเมริกาที่คาดว่าปรากฎการณ์ลานีญา จะเริ่มน้อยลง หรือมีสภาวะแห้งแล้งมากขึ้น ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร แหล่งกำเนิดของฝุ่น PM2.5 ยังคงมีปริมาณเท่าเดิมต่อเนื่องทุกปี แต่เนื่องจากสภาพอากาศในช่วงนี้จะมีความกดอากาศ อากาศนิ่ง ลมสงบ ทำให้ปริมาณฝุ่นไม่สามารถระบายออกได้เกิดการสะสมของฝุ่นแหล่งกำเนิดฝุ่นละอองหลักเกิดจากการจราจรและรถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล สำหรับมาตรการรับมือในปี 66 ขอความร่วมมือผู้ประกอบการค้าน้ำมันจัดจำหน่ายน้ำมันที่มีปริมาณกำมะถันต่ำในช่วงเดือน ธ.ค.-เม.ย.ผู้ประกอบการยานยนต์จัดกิจกรรมตรวจเช็กสภาพเครื่องยนต์และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องในราคาพิเศษ และเข้มงวดกับการตรวจควันดำรถยนต์ของหน่วยงานราชการที่เข้มข้นกว่ารถทั่วไป


นายวราวุธ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่ภาคเหนือ การประเมินจำนวนจุดความร้อนในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พบว่าจำนวนจุดความร้อนลดลงไปกว่า 80% ส่งผลให้ปริมาณเชื้อเพลิงที่สะสมอยู่ในพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น จึงขอให้เร่งจัดการเพื่อป้องกันไม่ให้มีการเผา เร่งดำเนินโครงการชิงเก็บ ลดเผา เปลี่ยนเชื้อเพลิงเหล่านั้นให้มาเป็นเชื้อเพลิง RDF หรือเพิ่มมูลค่า ซึ่งจะช่วยลดปริมาณเชื้อเพลิงและการเกิดไฟป่า ส่วนพื้นที่การเกษตร ให้มีการเคาะประตูบ้านเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการเผาเพื่อไม่ให้มีการเผา และการรับมือหมอกควันข้ามแดน ซึ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของประเทศไทย สิ่งที่ทางประเทศไทยจะดำเนินการคือการส่งเอกสารไปยังสำนักงานเลขาธิการอาเซียนในการขอความร่วมมือไปยังรัฐบาลประเทศต่างๆ นอกจากนี้ ยังขอฝากแนวทางให้ภาคราชการ ภาคเอกชน และสื่อมวลชนทำความเข้าใจกับประชาชนในประเด็นที่เกี่ยวกับการรายงานข้อมูลสถานการณ์ที่เป็นไปตามมาตรฐาน เพื่อไม่ให้ประชาชนรับทราบข้อมูลที่คลาดเคลื่อน จนอาจสร้างความตื่นตระหนก หรือแหล่งกำเนิด PM2.5 ที่ทุกคนมีส่วนร่วมในการระบาย


นายปิ่นสักก์ กล่าวว่า การแก้ไขปัญหาสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละออง PM2.5 เป็นปัญหาที่รัฐบาลให้ความสำคัญและมีการแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่อง ตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” อีกทั้งได้มีการยกระดับความเข้มงวดการดำเนินงานในทุกปี โดยการจัดทำเป็นแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ตั้งแต่ปี 2564 จนถึงปัจจุบันซึ่งคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ได้ให้ความเห็นชอบแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง ปี 2566 โดยในปีนี้ มุ่งเน้นยกระดับความเข้มงวดการดำเนินงานภายใต้หลักการ 3 พื้นที่ ได้แก่ พื้นที่เมือง พื้นที่ป่า และ พื้นที่เกษตรกรรม 7 มาตรการ ตามกรอบ “สื่อสารเชิงรุก ยกระดับปฏิบัติการ สร้างการมีส่วนร่วม” ดังนี้ 1.เร่งรัดการประชาสัมพันธ์เชิงรุกและแจ้งเตือนล่วงหน้า 7 วันทุกพื้นที่ 2.ยกระดับมาตรการการดำเนินงานตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” และแผนอื่นที่เกี่ยวข้อง 3.ยกระดับการบริหารจัดการเชื้อเพลิงแบบครบวงจร (ชิงเก็บ ลดเผา และ Burn Check) 4.กำกับดูแลการดำเนินการในทุกระดับอย่างเข้มงวด ติดตามผลการดำเนินการและประเมินสถานการณ์เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง 5.ลดจุดความร้อน ป้องกันและควบคุมการเกิดไฟในทุกพื้นที่ และพัฒนาระบบพยากรณ์ความรุนแรงและอันตรายของไฟ (Fire Danger Rating System : FDRS) 6.ผลักดันกลไกระหว่างประเทศ เพื่อให้การป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนมีประสิทธิภาพสูงสุด 7.ให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผนและดำเนินการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่นละออง