"อุตตม"รับคุ้นเคย "หญิงหน่อย" ถ้าอุดมการณ์ตรงกันเป็นพันธมิตรได้

2022-10-13 11:36:47

 "อุตตม"รับคุ้นเคย "หญิงหน่อย" ถ้าอุดมการณ์ตรงกันเป็นพันธมิตรได้

Advertisement


"อุตตม"รับคุ้นเคย  "หญิงหน่อย" ชี้ถ้าอุดมการณ์ตรงกันเป็นพันธมิตรกันได้ 

เมื่อวันที่ 13 ต.ค.65  นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.)ให้สัมภาษณ์ถึงทิศทางการเมืองของพรรคหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เดินหน้าต่อทางการเมืองว่า เรามีแนวทางขับเคลื่อนพรรคสร้างอนาคตไทย เพราะอาสามาทำงานให้กับประชาชน โดยเฉพาะในยามที่ประเทศเผชิญวิกฤตด้านเศรษฐกิจ ปากท้อง ศรัทธาของประชาชน และความหวังต่ออนาคต จึงมุ่งมั่นอาสา มาทำงาน โดยเงื่อนไขการเมืองคือก้าวข้ามความขัดแย้ง โดยไม่พูดถึงขั้วไหนทั้งนั้น โจทย์เราชัดเจนมาทำงานด้านเศรษฐกิจ แก้ไขเรื่องปากท้อง และพยายามสรรหาคนของพรรคสร้างอนาคตไทยที่เหมาะสมที่สุดมาเป็นตัวแทนของพรรค เมื่อถึงเวลาเลือกตั้ง ซึ่งนี่เป็นแนวทางของเรา  หากพล.อ.ประยุทธ์ ได้ไปต่อ เป็นเรื่องของประชาชน เมื่อถึงเวลาจะตัดสินใจว่าจะสนับสนุนใครบ้างให้เข้ามาทำงานให้ประเทศชาติและประชาชน โดยจุดยืนของพรรคชัดเจนและพูดมาหลายครั้งว่าถึงเวลาที่ประเทศต้องเปลี่ยนแปลง และจากโควิด-19 เป็นตัวกระตุ้นให้เห็นถึงความเปราะบางในเชิงเศรษฐกิจของประเทศ ที่ต้องเร่งปรับเปลี่ยนให้ทันโลก วันนี้ต้องมารวมกันปรับเปลี่ยนประเทศ ส่วนใครจะมาบริหารในอนาคต นั่นอยู่ที่ประชาชน พรรคมีอุดมการณ์ และจะเห็นเมื่อถึงเวลาการฟอร์มรัฐบาลใครเป็นใครบ้าง

เมื่อถามว่า ความชัดเจนกับกระแสข่าวคุยกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายอุตตม กล่าวว่า ในการพูดคุยตนเรียนว่า การพูดคุยก็เกิดขึ้นเป็นปกติธรรมดาระหว่างพรรคการเมือง และไม่ใช่ระบุว่าพรรคใดพรรคหนึ่งเท่านั้น นี่เป็นข้อเท็จจริงที่พรรคสร้างอนาคตไทยได้ประสบมาในหลายๆเดือน เราพูดคุยกับหลายพรรคเป็นข้อเท็จจริง ก็เป็นธรรมดาเป็นธรรมชาติ พรรคการเมืองนักการเมืองก็มาแลกเปลี่ยนข้อมูล ประเมิน วิเคราะห์ โดยเฉพาะครั้งนี้เราเห็นได้ว่าสนามเลือกตั้งที่จะมาถึงในเรื่องของกฎเกณฑ์ขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปแล้วพอสมควร มันเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้พรรคการเมืองจะมานั่งคุยกันแลกเปลี่ยนกันเป็นธรรมดาเพราะฉะนั้นเราคุยกับหลายพรรค อันนี้เป็นข้อเท็จจริง

เมื่อถามว่า มีพรรคไหนที่เคมีตรงกันแล้วหรือยัง นายอุตตม กล่าวว่า เคมีนั้นก็มีได้หลายส่วนว่าอะไรตรงกันไหม แต่คำว่าเคมีตรงกัน สุดท้ายหมายถึงว่าคุยกันด้วยอุดมการณ์อะไร และสู่เป้าหมายอะไร ถ้าพูดว่าเป้าหมายคือการทำงานร่วมกันก็ต้องพูดให้ชัดว่าทำงานร่วมกันในรูปแบบไหน มีได้หลายรูปแบบ ใช้คำว่าเป็นพันธมิตรกัน เป็นพันธมิตรที่ร่วมอุดมการณ์ ซึ่งควรจะเป็นอย่างนั้นในมุมมองพรรคสร้างอนาคตไทย ถ้ามีอุดมการณ์ตรงกันถึงจะเป็นพันธมิตรได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคสร้างอนาคตไทยและพรรคไทยสร้างไทย มีโอกาสจะรวมพรรคกันหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ตนยังตอบไม่ได้ วันนี้ยังไม่มีการพูดถึงการรวมพรรคแต่อย่างใด ซึ่งการหารือพูดจากัน อย่างที่ตนเรียนว่าได้มีโอกาสพบปะพูดจากัน หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยกับตนก็คุ้นเคยกันมาก่อน ซึ่งหลายท่านในพรรคไทยสร้างไทยมีการพบปะกัน รวมถึงพรรคอื่นด้วย


เมื่อถามว่า ที่นายสมคิด ระบุว่าหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทยกับคุณหญิงสุดารัตน์ พูดภาษาเดียวกัน นายอุตตม กล่าวว่า เราคนไทยยังไงก็พูดภาษาไทยแน่นอน เมื่อถามต่อว่า มีนัยอื่นหรือไม่ในทางการเมือง นายอุตตม กล่าวว่า นี่คือสิ่งที่ตนกล่าวว่า ภาษาเดียวกันหรือเคมีเดียวกันก็ต้องเป็นเรื่องของการหารือ ไม่ใช่แต่หัวหน้าพรรค 2 คน เราทำงานเป็นทีม ทั้งสองฝ่ายตนเชื่อว่าอย่างนั้น ซึ่งพรรคสร้างอนาคตไทยมีการหารือกันว่าเราจะเดินเส้นทางยุทธศาสตร์ไหนและปัจจัยสำคัญที่เราจะตัดสินใจคืออะไรที่จะเป็นประโยชน์สูงสุดในการทำงานของเราเพื่อประชาชน เหมือนที่นายสมคิดพูดว่า เราไม่ได้ทำเพื่อให้ได้ส.ส.มากๆนั่นไม่ใช่เป้าหมายใหญ่ แต่เป้าหมายใหญ่คือทำอย่างไรให้พวกเราไปทำงานให้กับประชาชนได้อย่างเต็มที่ ถ้าการเป็นพันธมิตรไม่ว่ารูปแบบไหน ตนยังไม่ทราบ วันนี้ยังไม่มีข้อยุติอะไรทั้งนั้น ยังไม่มีแนวความคิดจะไปร่วมกับใคร ถ้าเป็นประโยชน์เราก็จะมาหารือกันในพรรค

เมื่อถามวอีกว่า อนาคตพรรคสร้างอนาคตไทยตั้งเป้าหมายหรือไม่ว่าเราจะเป็นพรรครัฐบาลเท่านั้น นายอุตตม กล่าวว่า เราตั้งเป้าว่าจะทำพรรคการเมืองให้เป็นพรรคที่ดี เป็นสถาบันทางการเมืองให้กับคนหลายรุ่นร่วมงานกัน ส่วนเราจะได้รับความไว้วางใจให้ทำงานในรัฐบาลหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชน ตนว่าเราพร้อมที่จะทำงานเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลหน้า

ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการ  สอท. กล่าวว่า พรรคสร้างอนาคตไทย ประกาศเดินหน้าที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศไทย และถึงเวลาแล้วที่ประเทศจะต้องเปลี่ยน ส่วนพรรคมุ่งมั่นที่จะชูนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรค เป็นนายกรัฐมนตรีและหน้าที่ของพรรคคือหาความไว้วางใจจากประชาชน และผลักดันให้นายสมคิดได้ รับการยอมรับจากพี่น้องประชาชน ไม่ว่าใครจะลงสู่สนามการแข่งขัน พรรคสร้างอนาคตไทยยืนยันจะสนับสนุนนายสมคิดเป็นนายกฯของประเทศไทยเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศและนำประเทศยามวิกฤต

เมื่อถามว่า พรรคสร้างอนาคตไทย จะเสนอชื่อนายสมคิด เป็นนายกรัฐมนตรีเพียงชื่อเดียวหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรค เมื่อถามย้ำว่า คิดว่าจะสู้กับแคนดิเดตพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ที่ชู นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ที่ตนพูดมาเสมอนายกรัฐมนตรีในภาวะวิกฤตต้องมีคุณสมบัติอย่างน้อย คือ 1.มีประสบการณ์ในการทำงาน 2.สามารถเข้าใจกลไกราชการและกลไกการบริหารราชการแผ่นดิน รวมทั้งกลไกทางการเมือง และต้องเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ คงจะไม่บอกว่าสู้กับใครได้หรือไม่ แต่นั่นคือคุณสมบัติของนายกรัฐมนตรี ที่พรรคสร้างอนาคตไทยตั้งเป็นเกณฑ์หลักในการสรรหาแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

ต่อข้อถามว่า ขณะที่พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าแลนด์สไลด์ ส่วนพรรคภูมิใจไทยตั้งเป้า 120 คน พรรคสร้างอนาคตไทยตั้งเป้าหมายการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นอย่างไร นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เราตั้งเป้าทำงานหนักที่สุด ทำเต็มที่ทำอย่างสุดความสามารถ เป้าหมายเป็นสิ่งที่เรายอมรับเมื่อพี่น้องประชาชนตัดสินใจเราเองถือว่าทำดีที่สุด ซึ่งในทางการเมือง โดยนายสมคิดพูดแล้วว่าไม่ได้ทำงานการเมืองเพื่อเอาอำนาจ ไม่ได้ทำการเมืองเพื่อจะเอาจำนวนส.ส.แต่จะเป็นพรรคการเมืองที่เปลี่ยนแปลงชีวิตพี่น้องประชาชน หน้าที่เราตรงนี้ทำให้ดีที่สุดประชาชนตัดสินใจอย่างไรเป็นสิ่งที่เราพร้อมรับ