อธิบดีกรมสุขภาพจิตเผยวางแผนเยียวยาจิตใจผู้ได้รับผลกระทบหนองบัวลำภู 3 ระยะ หลังพระราชทานเพลิงศพจะประเมินสภาพจิตใจรายบุคคล
เมื่อวันที่ 12 ต.ค.65 พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ตามได้รับมอบหมายจากปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในการแถลงข่าวความคืบหน้าการดูแลจิตใจพื้นที่หนองบัวลำภู เมื่อวันที่ 11 ต.ค.65 ที่ผ่านมา ซึ่งกรมสุขภาพจิต ได้รับมอบหมายจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข และ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้เข้าพื้นที่เยียวยาจิตใจร่วมกับสุขภาพกายตั้งแต่วันที่ 6 ต.ค.65 เป็นต้นมา ซึ่งความคืบหน้าของอาการผู้ได้รับบาดเจ็บ ขณะนี้ทุกคนมีอาการขึ้นตามลำดับ ในส่วนของการดูแลใจได้แบ่งกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มสีแดง (A) กลุ่มสีเหลือง (B) และกลุ่มสีเขียว (C) โดยกลุ่ม A (สีแดง) ผู้ได้รับผลกระทบทางตรงมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากเดิม 170 คน เป็น 260 คน ขอให้สื่อมวลชนไม่ต้องกังวลตัวเลขที่เพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นว่าการเข้าถึงการบริการเยียวยาใจเพิ่มขึ้น โดยกรมสุขภาพจิตได้จัดทีมจะดูแลจิตใจกลุ่มนี้อย่างรอบด้าน และวางแผนการเยียวยาจิตใจเป็น 3 ระยะ ซึ่งขณะนี้อยู่ในระยะที่ 2 (1-2 สัปดาห์หลังเกิดเหตุ) ได้ทำการประเมินสุขภาพจิตและเยียวยาจิตใจเป็นรายบุคคล โดยหลังจากงานพระราชทานเพลิงศพในพระบรมราชานุเคราะห์ กรมสุขภาพจิตจะดำเนินการตรวจประเมินทางจิตใจรายบุคคลในทุกกลุ่ม เพื่อออกแบบการดูแลทางจิตใจ เพื่อให้ดำเนินชีวิตในสังคมได้ โดยการจัดเก็บข้อมูลทะเบียนผู้ได้รับผลกระทบ และทำแผนที่เดินดินในการลงเยียวยาจิตใจในกลุ่ม A (สีแดง) และประเมินกลุ่มผู้ที่ได้ผลกระทบในชุมชนพื้นที่ใกล้เคียง เช่น เจ้าหน้าที่อบต. กู้ภัย ครู ชุมชม และโรงเรียนทั้ง 2 แห่ง เพื่อดูแลเยียวยาจิตใจในระยะยาว ทั้งนี้สิ่งกรมสุขภาพจิตรู้สึกซาบซึ้งในน้ำหนึ่งใจเดียวของคนในชุมชนได้แสดงออกการประคับประคองจิตใจครอบครัวผู้สูญเสียร่วมกัน
พญ.อัมพร กล่าวต่อว่า ตามที่มีกระแสข่าวเกี่ยวกับครอบครัวและญาติผู้ก่อเหตุถูกคุกคามและชุมชนกล่าวโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้ดำเนินการตรวจสอบพบว่าไม่พบเหตุการณ์ตามที่เป็นข่าว ทั้งนี้แม่ผู้ก่อเหตุมีความประสงค์ที่จะกล่าว ขอโทษครอบครัวผู้สูญเสียในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรวมทั้งขอโทษที่ไม่สามารถไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพผ่านคลิปวิดีโอ และอนุญาตให้สื่อมวลชนสามารถนำไปเผยแพร่ได้ กรมสุขภาพจิตจะเร่งพัฒนาแนวทางการชันสูตรทางจิตใจ เพื่อเข้าใจที่มาและโอกาสของการก่อเหตุความรุนแรงในอนาคต ซึ่งจะนำข้อค้นพบสัญญานเตือนหรือผลการประเมินปัญหาทางจิตใจ เพื่อประโยชน์ในการทำงานดูแลเฝ้าระวังปัญหาสุขภาพจิตเชิงรุกต่อไป