กรณี “ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช” แม่ทัพทนายกองทัพธรรม พร้อมด้วยเจ้าคณะอำเภอบ้านหมี่ และคณะสงฆ์ในพื้นที่ รวมถึงฝ่ายปกครอง นำกำลังตำรวจ สภ.บ้านหมี่ บุก "วัดเขาปกล้น" ต.บ้านชี อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี เพื่อเชิญตัว พระครูบาบุญเลิศ กิติธโร หรือ พระครูปลัดมหาเถรานุวัตร หรือ นายเมธาศิษฐ์ มาให้ปากคำที่โรงสถานีตำรวจ หลังเจ้าคณะอำเภอบ้านหมี่ ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหา “แจ้งความเท็จ ,แต่งกายเลียนแบบสงฆ์ พร้อมทั้งปลอมแปลงและใช้เอกสารปลอม” ขณะที่อีกฝ่ายยืนกรานว่าถูกทนายดังรังแก ยืนยันเป็นพระจริง
รายการโหนกระแสวันที่ 6 ต.ค. 65 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ ทนายอนันต์ชัย มาพร้อม กิตติศักดิ์, พิเชษฐ์, ชัยพร ชาวบ้านในพื้นที่ที่ไม่ศรัทธาในตัวครูบาบุญเลิศ เกิดจากสาเหตุอะไร
พี่ตั้งทนายกองทัพธรรมขึ้นมา?
อนันต์ชัย : ตอนนี้กำลังจดทะเบียนเป็นมูลนิธิ อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาของกรมการปกครอง รู้สึกว่าจะผ่านแล้ว เหลือไปสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติให้พิจารณาอีกครั้ง
เรื่องเกิดที่ไหน?
อนันต์ชัย : จากวิกฤตหลวงปู่แสง เราก็ได้ตั้งทนายกองทัพธรรมขึ้นใหม่ๆ ช่วงนั้น ปรากฏว่าวันที่ 4 ก.ค. 65 คณะสงฆ์บ้านหมี่ ก็ได้เข้าไปหาครูบาบุญเลิศ ที่วัดเขาปกล้น จ.ลพบุรี เพื่อไปสอบถามเรื่องการเรี่ยไร ปรากฎว่าการไปวันนั้นมีคณะสงฆ์และสำนักพุทธด้วย ฝ่ายปกครองด้วย ครูบาแจ้งว่าเขาถูกคณะสงฆ์และฝ่ายปกครองรังแก สั่งให้เขาจับสึกภายใน 5 วัน หากว่าไม่สามารถแสดงใบสุทธิสงฆ์ได้ ครูบาบอกว่าใบสุทธิสงฆ์มันหาย 5 วันจะหาให้ ถ้าหาไม่ได้เดี๋ยวจะลาสิกขา ด้วยเหตุนี้ทางคณะสงฆ์ก็ให้เซ็นเอกสารไว้ หลังจากนั้นมา เขาก็แจ้งไปทนายกองทัพธรรมที่จ.อุบลฯ ท่านนึงที่รู้จักกัน ทนายก็โทรมาหาผมเพื่อขอความช่วยเหลือ ผมก็เลยบอกว่าถ้าจะให้ช่วยเหลือต้องทำเป็นหนังสือ เขาก็ทำเป็นหนังสือฉบับนี้ (โชว์เอกสาร) ขอให้ทนายกองทัพธรรมช่วย 5 ก.ค. 65 นี่ครูบาบุญเลิศเป็นคนเริ่มก่อนนะ
แล้วเราไปช่วยท่านมั้ย?
อนันต์ชัย : พอหลักฐานมาปั๊บก็โทรศัพท์คุยกันว่าตกลงท่านเป็นพระจริงหรือพระปลอม ท่านบอกว่าเป็นพระจริง ผมก็บอกว่าอย่าหลอกผมนะ ถ้าหลอกผม ผมซ้ำนะ ผมเอาตายเลยนะ เขายืนยันแน่นอน ครูบาพูดอย่างนี้ ผมเลยโทรไปหาทนายกองทัพธรรมที่จ.ลพบุรีท่านนึง ให้ช่วยประสานงานกับทนายจังหวัดอุบลราชธานีมาช่วยเหลือครูบาบุญเลิศ ณ วันนั้น หลังจากนั้นแล้ว พอเขาทำปั๊บผมก็โทรหาเจ้าคณะตำบลบ้านหมี่ โทรไปหาก่อนออกข่าวครั้งแรกว่าผมอยากดูหลักฐานที่เขามากล่าวหา กล่าวอ้าง ปรากฏว่าท่านเจ้าคณะตำบลบ้านหมี่ท่านอาจจะกลัวผม เพราะตอนนั้นกำลังเป็นประเด็นกันอยู่ เลยไม่ยอมคุยกับผม ตัดสายสามครั้ง แล้วอ้างบุคคลนึงขึ้นมา ซึ่งบุคคลนั้นเรากำลังมีข้อพิพาทกันอยู่ อย่าเพิ่งเอ่ยชื่อเลย พออ้างปั๊บเราก็รู้สึกไม่พอใจ วันที่ 13 ก.ค. ผมเลยไปสภ.บ้านหมี่ พาครูบาบุญเลิศไปแจ้งความดำเนินคดีกับคณะสงฆ์ ฝ่ายปกครอง นายอำเภอ ปลัดอำเภอก็โดน สำนักพุทธก็โดน ข้อหาบุกรุก ข่มขืนใจให้ผู้ใดผู้หนึ่งกระทำการใดหรือไม่กระทำการหนึ่งการใด และหมิ่นประมาท ก็พาครูบาบุญเลิศไปแจ้งทั้งคณะเลยครับ

ยอมทำเรื่องทั้งหมด ยอมทำให้ครูบาบุญเลิศ?
อนันต์ชัย : ผมถามคณะสงฆ์แล้วแต่เขาไม่ยอมคุยกับผมไง หลักฐานฝ่ายเดียวคือของเขา ก็เลยแจ้งความทั้งคณะ ปรากฎว่าเป็นข่าวใหญ่โต แล้วมีประชาชนในบ้านชี บ้านหมี่ มีแมสเสจส่งมาหาผมเยอะ ต่อว่าผมมาก ไม่ถึงกับด่าแต่ทัวร์ลง (หัวเราะ) พูดว่าให้เช็กหน่อยนะ เราก็สงสัย ไม่มีใครทำบุญ เราก็สงสัย ผมก็เลยบอกให้ทนายที่นั่น ทนายอุบลฯ สืบหาข้อเท็จจริงทั้งหมด เพราะเราคุยกันแล้วว่าถ้าไม่จริงผมเอาตาย ผมจะซ้ำ ก็เลยสืบกันว่าตกลงครูบาบุญเลิศมีใบสุทธิสงฆ์จริงมั้ย ปรากฏว่ามีการสืบตั้งแต่ลพบุรี สระบุรี นครปฐม เพชรบูรณ์ เชียงใหม่ เชียงราย เราไปหมดเลย พอสืบเสร็จปั๊บ ประมาณเกือบเดือน เราก็รู้พฤติกรรมหมด ว่าครูบาบุญเลิศไม่ใช่พระจริง แต่เขาบอกว่ามีคดีแบบนี้เกิดขึ้นนะ มีประมาณปี 39 เขาบอกว่าครูบาบุญเลิศ บวชที่วัดโสภณาราม ปี 29 พอปี 38 ลาสิกขาแล้วมาสมัครเป็นผู้ใหญ่บ้าน จากนั้นก็มีคดีเกิดขึ้น มาเช็กตอนหลังล่าสุดนี่เอง
ปี 38 เป็นผู้ใหญ่บ้าน?
อนันต์ชัย : อยู่ในเฟซบุ๊กไปดูได้เลย เขาเปิดสาธารณะ หลังจากลูกน้องเราไปดู ตามที่เช็กข้อมูลที่เขาส่งมา ปี 2540 นายกิตติวัฒน์ หรือครูบา ถูกดำเนินคดีพรบ.ป่าไม้ คดีหมายเลขที่ 969/40สภ.ภูพิงค์ จ.เชียงใหม่ ปี 42 นายกิตติวัฒน์ อภิสิทธิ์เมธากุล หมายเลขคดี 537/42 โดนดำเนินคดีข้อหาปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม สภ.ภูพิงค์ ปรากฏว่าข้อมูลล่าสุดที่เช็กได้เมื่อวาน คดีปลอมเอกสาร 537/2542 ยังไม่พบผลการดำเนินคดี ส่วนคดี 969/40 พรบ.ป่าไม้ อัยการสั่งฟ้อง ลงวันที่ 3 มี.ค. 43 มีการออกหมายจับผู้ต้องหา 2 รายแต่ไม่รู้เป็นใคร แต่ผู้ต้องหาคดีนี้ตามเอกสารที่ได้มา ตามข้อเท็จจริงที่เขาส่งมาให้ผม ตามทะเบียนประวัติอาชญากรก็คือครูบาบุญเลิศ เพราะฉะนั้นครูบาบุญเลิศบอกว่าเขาบวชปี 29 เขาโชว์ให้ผมดู ตอนหลังผมไปถามว่าท่านเป็นพระ บวชปีไหน เขาบอกว่าปี 29 แล้วปี 38 ตัวเขาสึกออกมาเป็นผู้ใหญ่บ้าน ดังนั้นใบสุทธิสงฆ์อันนี้ถึงใช้ไม่ได้ เขาโชว์เอง มันอยู่ในเอกสารทั้งหมด พระเป็นบุคคลที่อาศัยความเชื่อความศรัทธาของประชาชน ผมคิดว่าไม่ใช่เฉพาะผมคนเดียว ประชาชนทั่วไปก็คงไม่ยอม หากว่านำพระที่ไม่ได้บวชในพระพุทธศาสนาในครั้งที่สองมา คือครูบาเราก็สงสัยว่าทำไมถึงไม่บวช บวชมันง่ายมาก ไม่มีอะไรต้องติดขัด
พี่ไปขอดูใบสุทธิเขาก็มีจริงๆ?
อนันต์ชัย : มี ปี 29 เป็นของจริง หลังจากที่ผมได้แล้ว ผมก็บินไปจ.เชียงใหม่ บินไปหาเจ้าอาวาสวัดโสภณาราม เขาบอกว่าใบสุทธิอันนี้อันจริง แต่ใบสุทธิอีกอัน ทำขึ้นมาใหม่ สถานภาพบวชเหมือนกัน เป็นของปลอมที่ทำเลียนแบบขึ้นมา ทางครูบาเป็นคนทำ ผมมั่นใจว่าเขาทำ แล้วพอเป็นแบบนี้ปั๊บ ทางวัดโสภณารามบอกว่าจากนี้สังกัดวัดต่างๆ เขาไม่รับทราบ เขายังทำหนังสือมอบอำนาจให้ผมมาดำเนินคดีกับครูบาด้วยนะ วัดโสภณารามนี่แหละ ผมแจ้งความเรียบร้อยแล้ว ปลอมเอกสารครับ แล้วมีอีก ปรากฏว่ามีใบสุทธิสงฆ์อีกใบ เป็นใบของธรรมยุติ บวชที่วัดศรัทธาประชากร ที่จ.สระบุรี คณะสงฆ์เลยไปถามวัดนี้ว่าเคยบวชมั้ยเขาบอกไม่เคยบวช ปรากฏว่าใบสุทธิสงฆ์อันนี้เมื่อเป็นธรรมยุติไม่เคยบวช ก็เป็นใบสุทธิสงฆ์ปลอมเหมือนกัน ตกลงเขาสังกัดวัดไหนกันแน่ ผมถามเขาถึงโชว์ แต่ใบสุทธิสงฆ์ถูกยกเลิกไปแล้วเพราะเขาเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 เขาบอกด้วยว่าไปดูงานที่ชลบุรี เมื่อ 20 ปีที่แล้ว นับไปสิ ก็ปี 38-39 เมื่อใบสุทธิสงฆ์ถูกยกเลิกก็ต้องบวชใหม่ เขาบวชปี 29 พอเป็นผู้ใหญ่บ้านปี 38 ยังไปดูงานที่ชลบุรีปี 39 เขาก็ยังบอกว่าได้รับเครื่องราชย์ปี 39 อยู่เลย นี่คือเฟซบุ๊กของเขานะ
ชาวบ้านไม่ศรัทธาครูบาเหรอ?
ชาวบ้าน : ไม่มีอะไรให้น่าศรัทธา ไม่กลัวฟ้องครับ
อยู่ในสายกับทนายสิงห์ ทนายครูบา และครูบาอยู่ในสายด้วย ในอดีตทนายสิงห์เคยเป็นทนายกองทัพธรรมหรือเปล่า?
ทนายสิงห์ : ใช่ครับ เป็นทนายกองทัพธรรมที่ส่งมาช่วยเหลือคดีครูบุญเลิศครับ
ทำไมทั้งสองฝ่ายกลายเป็นมามีปัญหากัน?
ทนายสิงห์ : ทนายอนันต์ชัยเขามาช่วยเหลือครูบาบุญเลิศเรื่องคดี แต่ต่อมาเขาไปทางเจ้าคณะตำบล แล้วสั่งให้ผมยุติการให้การช่วยเหลือครูบาบุญเลิศ แต่ผมเห็นแล้วครูบาบุญเลิศมีหลักฐานถูกต้อง ผมก็บอกว่าขอช่วยเหลือต่อไปครับ
ใบสุทธิ 3 ใบ บางใบไม่ได้เป็นใบจริง?
ทนายสิงห์ : ที่ทนายอนันต์ชัยเอาใบสุทธิมาไม่ถูกต้องเลย เป็นใบสุทธิที่ใช้ไม่ได้ ทนายอนันต์ชัยใช้ให้ทนายอุบลฯ ช่วยเหลือครูบาบุญเลิศ แล้วทนายทางอุบลฯ ที่เขาอ้างเป็นทนาย เขาเอาเอกสารไปทำที่วัดธรรมิการาม แล้วเอาไปให้เจ้าอาวาสเซ็น ซึ่งเป็นใบสุทธิที่ไม่ถูกต้อง ครูบาบุญเลิศไม่รู้เรื่องนี้ดี
ครูบาบุญเลิศเป็นพระดีมั้ย?
ทนายสิงห์ : เป็นพระดี
แล้วทำไมมีข้อมูลว่าเป็นพระปลอม แล้วเคยติดคดี?
ทนายสิงห์ : อันนั้นเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ปัจจุบันชาวบ้านก็เป็นของวัดอื่น ไม่ใช่ปกล้น

พี่อยู่ไหน?
พิเชษฐ์ : ผมอยู่หมู่ 11 อยู่หมู่เดียวกันกับวัดเขาปกล้น และรู้พฤติกรรมพระองค์นี้มาตั้งแต่ต้น หนึ่งไม่ทำกิจของสงฆ์ อยู่แบบไม่บิณฑบาต ท่านก็ไม่ได้อาพาธ ปั่นจักรยานรอบเขา ขี่มอเตอร์ไซค์ด้วย
เรื่องการเรี่ยไรที่มีการกล่าวหาท่าน จริงไม่จริง?
พิเชษฐ์ : จริง รถติดป้ายเขาปกล้นเลย แล้วออกเรี่ยไรข้าวสาวอาหารแห้ง เงิน
ชาวบ้านบอกมีการเรี่ยไร มองยังไง?
ทนายสิงห์ : ไม่มีหลักฐาน เป็นการกล่าวหาเฉยๆ เอาประเด็นตรงพี่อนันต์ชัยเลยดีกว่า อันนั้นเรื่องเล็กน้อย เขากล่าวหาท่านได้ใบสุทธิปลอม มันของจริง จะพิสูจน์ที่ไหนก็ได้ ที่ตำบล อำเภอ หรือที่ตำรวจก็ได้ หรือพิสูจน์ที่ศาลก็ได้หมด
อนันต์ชัย : ใบสุทธิสงฆ์ของวัดธรรมยุติ มาได้ไง
ทนายสิงห์ : อันนั้นก็ไม่ใช่ของครูบา มันมีคดีอยู่ แล้วเขาก็สั่งฟ้องแล้ว พี่อนันต์ชัยได้รับข้อมูลที่ผิดมา เข้าใจมั้ยครับ ถามหน่อยทนายอุบลฯ เป็นทนายหรือไม่อย่างไร
อนันต์ชัย : เขาไม่ได้เป็นทนาย เขาเป็นทนายในกองทัพธรรม ซึ่งประกอบด้วยประชาชน สงฆ์ ทนายความ สามส่วน มี 700 กว่าคน ประกอบด้วย พระภิกษุสงฆ์ ทนายความ แล้วก็ประชาชนที่มีความรู้ด้านกฎหมายและศาสนา มีหนึ่งในนั้นเข้าไปเป็นสายสืบครูบาถึงได้หลักฐานมา
ทนายสิงห์ : ก็หลอกว่าเป็นทนายกองทัพธรรม
อนันต์ชัย : ไม่ใช่ครับ ทนายคนนี้อยู่อุบลฯ แล้วรู้จักครูบา มาขอความช่วยเหลือจากผม คุณสิงห์มาตอนหลัง ผมเป็นคนบอก เพราะเขามาก่อนเขาเลยมาขอผม ผมเลยเรียกให้คุณสิงห์เข้ามาช่วย ฉะนั้นตัวครูบาบุญเลิศกับทีมทนายที่อุบลฯ รู้จักกันมาก่อนตั้งแต่เชียงใหม่ เพราะเป็นคนเชียงใหม่เหมือนกัน ผมเรียกคุณสิงห์มาช่วย
ทนายสิงห์ : ผมมาช่วยจริง แต่มาช่วยเรื่องคดีความ และผมเห็นว่าเอกสารท่านถูกต้อง
อนันต์ชัย : แล้วใบสุทธิอันนี้ของจริงใช่มั้ย คุณใช้อยู่ใช่มั้ยทุกวันนี้
ดูในจอนะ ของจริงใช่มั้ย?
ทนายสิงห์ : ใช่ครับ
อนันต์ชัย : ผมจะบอกให้ ใบสุทธินี้ของจริงไม่เถียง แต่ปรากฏว่าหลังจากนี้ไปแล้ว ตั้งแต่โพทะเล เซกา วัดพรหมจริยา เขาไม่รู้เรื่องเลย แล้วเขาบอกเลยว่าตั้งแต่ออกใบสุทธิสงฆ์มา เขาไม่เคยเห็นหน้าครูบาประจำวัดเลย แล้วผมถามว่ตั้งแต่ 29-55 เขาสังกัดวัดไหน ในระหว่างช่วงนี้ปกติสงฆ์จะออกจากวัดต้องมีใบส่งตัว ช่วงระหว่างปี 29-55 คุณไปอยู่ไหน คุณไปสมัครผู้ใหญ่บ้านปี 38 อยู่ในเฟซบุ๊กเต็มเลย คุณถามหรือเปล่าว่าไปสมัครผู้ใหญ่บ้านหรือเปล่า แล้วคุณใช้ใบสุทธิสงฆ์อันนี้อยู่คุณใช้ได้ยังไง มันยกเลิกไปแล้ว คุณถามเขาหรือเปล่า
ทนายสิงห์ : คุณพูดคุณต้องรับผิดชอบนะ
อนันต์ชัย : แน่นอน
ทนายสิงห์ : คุณอย่าเสียงดัง คุณมีมารยาทหน่อย
อนันต์ชัย : สไตล์ผมเป็นแบบนี้อยู่แล้ว คุณเป็นลูกน้องผมอยู่ในกองทัพธรรม
ทนายสิงห์ : ผมไม่เคยเป็นลูกน้องคุณ ผมทำงานในฐานะสภาทนายความราชูปถัมภ์ ผมมีมรรยาททนายความ มีความเป็นธรรม แต่คุณเป็นใคร
อนันต์ชัย : ผมก็เป็นทนายไง
ทนายสิงห์ : คุณมีความยุติธรรมมั้ย คุณรู้จักมรรยาททนายข้อที่สามมั้ย ตอบมา เข้ามาช่วยเหลือคดีแล้ว แล้วเอาคดีไปช่วยฝั่งตรงข้าม เป็นกองทัพธรรมจริงหรือไม่
อนันต์ชัย : ไม่ใช่ เราคุยกับครูบาแล้วว่าถ้าหลอกผม ผมสืบทราบได้ ผมเอาตายเลย
ทนายสิงห์ : เขาไม่ได้หลอกคุณ
อนันต์ชัย : ก็ว่ากันในศาล
ทนายสิงห์ : บอกเขาเป็นผู้ใหญ่บ้าน ต้องรับผิดชอบนะคุณอนันต์ชัย ที่กล่าวหาทั้งหมดไม่ถูกต้อง เป็นเท็จ แล้วทุกอย่างไม่ถูกต้องหมดเลย ไปออกข่าวรับผิดชอบไม่ไหวเลยนะ ผมไม่ใช่ลูกน้องคุณนะ
อนันต์ชัย : โอเค ไม่เป็น
ตกลงพี่ยืนยันว่าพระบุญเลิศเป็นพระจริงๆ?
ทนายสิงห์ : ใช่ครับ
แล้วที่ท่านไปลงเป็นผู้ใหญ่บ้าน เมื่อ 20 ปีก่อน จริงมั้ย?
ทนายสิงห์ : ผมบอกไปมันเป็นคดีความอยู่ แต่ปฏิเสธได้เลย มันเป็นข่าวเท็จทั้งสิ้น ข้อกล่าวหาเท็จทั้งสิ้น
ดร.เมธาศิษฐ์ คือเฟซบุ๊กท่านหรือเปล่า?
ทนายสิงห์ : อย่าไปถามประเด็นตรงนี้เลย เอาประเด็นที่คุณอนันต์ชัยกล่าวหามาเลย
อนันต์ชัย : สมัครเป็นผู้ใหญ่บ้านเปล่าปี 38
ทนายสิงห์ : ไม่ๆ ไม่ต้องมาจี้ตรงนี้หรอก ฟังดีๆ นะ คุณเอาความลับครูบาไปเปิดเผยฝ่ายตรงข้ามคุณก็ผิดแล้ว
อนันต์ชัย : อันนี้ผมสืบเองครับ อยู่ในเฟซบุ๊ก
ทนายสิงห์ : คุณฟังหน่อยสิ อย่าโมโห อนันต์ชัยไปร่วมมือกับคนที่อ้างเป็นทนายอุบลฯ มาหลอกครูบาบุญเลิศ ไม่ถูกต้องนะครับ
อนันต์ชัย : ก็ว่ากันไปตามกฎหมาย
พระอยู่ตรงนั้นมั้ย?
ครูบาบุญเลิศ : อยู่ครับ
ท่านเครียดมั้ย?
ทนายสิงห์ : ไม่เครียดเลย สบาย
มียันต์ครูบาออกมา คืออะไร?
ทนายสิงห์ : ถ้าอย่างนี้ไม่ขอให้ข้อมูล คนอื่นเขาทำ ไม่ได้เกี่ยวข้อง
ยันต์สาวกับชายขี่กัน?
ทนายสิงห์ : ขอคุยกับอนันต์ชัย คุณบอกว่าผมเป็นลูกน้องคุณ
อนันต์ชัย : ผมก็ขอโทษไปแล้วไง
ทนายสิงห์ : ขอโทษ 3 ครั้งเลย
อนันต์ชัย : ไม่ขอโทษแล้ว ผมไม่ใช่ลูกไล่คุณนี่ เมื่อกี้พูดผิด ผมขอโทษไปแล้ว
เขาพูดขอโทษไปแล้วนะ?
ทนายสิงห์ : เขาโอนเงินมาให้ 1 หมื่น บอกว่าอย่าช่วยครูบาบุญเลิศ ใช่มั้ยครับ เขาจะอ้างว่าผมเป็นลูกน้องเขา
อนันต์ชัย : เรามีกองทุนทนายกองทัพธรรม เมื่อเราขอความช่วยเหลือจากเขา เราก็จะโอนค่าใช้จ่ายไปให้เขา เพื่อให้เขามีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ครั้งแรกโอนไปให้จำนวนนึง ทนายที่อุบล ก็โอนให้นะ ที่ผมโอนให้ 1 หมื่นเป็นการโอนค่าใช้จ่ายให้เขา แค่นั้นเอง
ทนายสิงห์ : แต่มีข้อแม้ว่าห้ามช่วยเหลือครูบาบุญเลิศ
อนันต์ชัย : ไม่ใช่ ผมบอกให้คุณถอยออกมาไง
ทนายสิงห์ : พระไม่ผิดจะถอยได้ไง
อนันต์ชัย : ก็ไม่เป็นไร ผมก็ให้คุณออกจากกองทัพธรรมไง
เรื่องเฟซบุ๊กพระไม่ตอบ แล้วพระยันต์ขี่กันล่ะ?
ทนายสิงห์ : เป็นการใส่ร้ายทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวกับพระ
คาถาภาวนาไม่ใช่นะ?
ทนายสิงห์ : ไม่ใช่ ทนายกองทัพธรรมอ้างทนายอุบลฯ เขาไม่ใช่ทนายเลย ไปออกข่าวทั่วประเทศ ยันต์นั้นไม่ใช่ของพระ ถ้าอย่างนี้ไม่คุยแล้วนะคุณหนุ่ม ผมบอกแค่นี้
ทำไมต้องให้ขอโทษ 3 ครั้ง?
อนันต์ชัย : เราอาจพลั้งปากไปหน่อย แต่ขอโทษครั้งเดียวพอแล้ว เราเป็นทีมไปด้วยกัน เหมือนเราเป็นแม่ทัพ คนร่วมงานกับเราต้องเชื่อฟังแม่ฟัง เขาไม่เชื่อฟังเราก็จำเป็นต้องให้เอาออก เหมือนเราเป็นผู้บังคับบัญชา เราเป็นแม่ทัพ เราสั่งให้คุณหยุด แต่คุณไม่หยุด คุณก็ต้องออกไป
พี่สิงห์ชัย บอกว่าสิ่งที่คุณพูดจะมีผลทางกฎหมาย?
อนันต์ชัย : ผมไปสืบมาหมดแล้ว และบอกครูบาถ้าสืบรู้ผมเอาคุณตาย แกก็ยอมรับ ผมไม่ได้เป็นทนายเขานะ แล้วให้ค่าใช้จ่ายทีมทนายเพื่อไปดูแล ครูบาไม่ได้จ้างผมนะ
คนในพื้นที่ ทำไมถึงบอกว่าอย่าไปช่วยครูบา เพราะอะไร?
กิตติศักดิ์ : บ้านผมอยู่ที่นั่น เกิดที่นั่น ผมไม่เคยเห็นการกระทำทุกอย่างตั้งแต่ก้าวเท้ามาเยี่ยมตรงนั้น การกระทำทุกอย่างผมเห็น ผมสัมผัสมา
คุณเห็นอะไร?
กิตติศักดิ์ : กิจของสงฆ์ไม่เคยมีเลย มันนานไปแล้ว
ไม่กลัวพระฟ้องเหรอ?
กิตติศักดิ์ : ไม่มีอะไรจะเสีย ต้องการความยุติธรรม ไม่สงสัยเหรอทำไมไม่มีใครทำบุญที่วัดนี้เลย มันต้องรู้อยู่แก่ใจ ความลับไม่มีในโลก การกระทำทุกอย่างสร้างภาพทั้งหมด คุณทอดกฐิน คุณเอาเงินไปไหนหมด อยู่มา 20 ปี ศาลาไม่มีสักหลัง ทำไมไม่สร้างล่ะ
ท่านเอาเงินไปบริจาคหรือเปล่า?
ชัยพร : เขาไปสร้างบ้าน บ้านเขาติดกับวัดเลยครับ เป็นบ้านเลย ไม่ใช่กุฏิ เวลามีงานบุญเขาจะบอกว่าวัดไม่มีเงิน แต่เรี่ยไรตลอด ถ้าพระอยู่แล้วสร้างวัดมันดี แต่ถ้าหาเงินสร้างบ้านไม่ดี
เป็นวัดหรือสำนักสงฆ์?
อนันต์ชัย : ไม่เป็นวัด ไม่ได้เป็นสำนักสงฆ์ ตามพรบ.สำนักสงฆ์ ไม่ได้เป็นสำนักปฏิบัติธรรม เพราะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของวัด เป็นบ้านครับ ไม่ได้ขออนุญาตโดยถูกต้องตามกฎหมาย ปกติเราจะทำสำนักสงฆ์ ต้องทำหนังสือขอนุญาตจากเจ้าคณะตำบล อำเภอ จังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วต้องทำประชามติให้ชาวบ้านยิมยอมด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. เขาอนุญาตแล้วถึงสร้างเป็นสำนักสงฆ์ได้ก่อน แต่อันนี้ไม่มี ตั้งอยู่บนที่สาธารณะ
พิเชษฐ์ : ตรงนั้นเป็นเขา น้ำก็ไหลลงมาระบายน้ำออก แกไปถมที่ทับเขา แล้วก็อยู่ต่อมาอย่างนั้น
เคยมีคณะสงฆ์ อำเภอไปมั้ย?
พิเชษฐ์ : เคยไปครับ แกยังเคยบอกว่าเอกสารร้องเรียนแกไม่รู้กี่ลังแล้ว ยังทำอะไรแกไม่ได้ เขาอ้างเบื้องสูง
ชาวบ้านในพื้นที่ว่าไง เพราะเขาอ้างว่ายังมีคนศรัทธาเขาอยู่?
พิเชษฐ์ : ไม่มี ขอยืนยัน มีแต่คนที่อื่น เขาไม่รู้ แต่คนในพื้นที่เขาไม่เอา
กิตติศักดิ์ : ครูบารู้อยู่แก่ใจ ไม่รู้วันๆ คุณทำอะไรกับแม่ครัว
อนันต์ชัย : วันที่นักข่าวไป แม่ครัวอยู่กับครูบา อยู่สองคน อยู่ได้เหรอเป็นพระ เขาบอกอยู่เช้ากลับเย็น ในข่าวก็มี
กิตติศักดิ์ : ก่อนหน้านี้มีแม่ครัวคนนึงอยู่ดั้งเดิมกับเขา ไม่รู้อยู่ด้วยกันในฐานะอะไร แต่พอทะเลาะกันที ก็ตบตีแม่ครัว แต่ไม่ใช่แม่ครัวคนนี้นะ เป็นแม่ครัวคนก่อน ไม่พอใจอะไรอยู่ใกล้มือก็ขว้าง ถ้าไม่ได้ดั่งใจจะอารมณ์ร้าย
เรื่องเรี่ยไรล่ะ?
กิตติศักดิ์ : ผมเห็นกับตาเขาเรี่ยไรจริง ไม่ต้องสร้างภาพ ผมอยู่ที่นี่มานานแล้ว ยายตายไปหมดแล้ว ยังทำอะไรมันไม่ได้เลย ถ้าพัฒนาหมู่บ้านให้ทุกคนยินดี แต่ทุกวันนี้อยู่ไม่ได้มีความเจริญอะไรเลย อยู่หนักแผ่นดิน เรื่องบิณฑบาตไม่ต้องพูดถึง แต่ก่อนเขามีพระ 3 รูป เขาก็คอยโขกสับ ผมเป็นเด็กไปเล่นในวัด เขาให้พระไปบิณฑบาต เขาไม่ทำใดๆ ทั้งสิ้น
เป็นอาศรม ที่ท่านอยู่ มีพระอีกมั้ย?
กิตติศักดิ์ : ปัจจุบันไม่มีใครอยู่แล้ว
พิเชษฐ์ : เหมือนเขารู้กัน หายหมดเลย
ชัยพร : วันที่เจ้าคณะอำเภอมาตรวจสอบ พระที่อยู่กับเขาไม่มีใครมีใบสุทธิสักรูป คณะสงฆ์เลยตั้งกรรมการสอบสวน ผมก็อยู่ในทีมเขาด้วย มีมติออกมาแล้วว่าเขาไม่ใช่พระ เพราะหาต้นสังกัดไม่ได้ ใบสุทธิก็ไม่มีสักอย่าง
ชาวบ้านยืนยันว่าในพื้นที่ไม่ต้อนรับครูบาบุญเลิศ?
พิเชษฐ์ : ยืนยันครับ
เรื่องยันต์ ท่านบอกไม่ใช่ของท่าน?
อนันต์ชัย : ไม่ใช่ได้ยังไง แล้วใช้คำว่าดร.ครูบาเจ้าบุญเลิศ ดร.มาได้ยังไง แล้วเฟซบุ๊กเขา ยันต์ก็อยู่ในเฟซบุ๊กเขา
เอาไงต่อไป?
อนันต์ชัย : ถ้ามีการทอดกฐินผ้าป่า ผมจะดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงประชาชน จะตามเช็กหมดเลย เล่นกับผมเหนื่อย คุณไม่ได้เป็นพระ หลักฐานเขาเองนะที่บอกว่าเป็นผู้ใหญ่บ้าน
เรื่องที่นัดท่านไปสภ.แล้วเขาไม่ไป?
อนันต์ชัย : ผมไปตามถึงที่ แต่สิงห์ชัยไม่ให้ไปไง แล้ววัดปิดได้ไง นี่เป็นบ้าน ประตูปิดได้ไง อันนี้ไม่ใช่วัด มันบ้าน
กิตติศักดิ์ : เหมือนรีสอร์ต วันปกติไม่มีงาน เขาห้ามชาวบ้านเข้าเลย ไม่เข้าใจเลย วัดอะไร ทำไมคนเข้าไปทำบุญไม่ได้ ไม่มีการรับอะไรใดๆ ทั้งสิ้น
ชัยพร : มีรูปปั้นหน้าเขา ที่ปั้นเป็นฤาษี ไม่ได้เป็นรูปพระ อยู่ในวัดเขา ออกผ้ายันต์ก็เป็นหน้าเขา
ไม่จบแน่ๆ คดีเพิ่มอีก?
อนันต์ชัย : ผมจะไปเพิ่มเอง เพราะมีการจำหน่ายพระหาว่าเป็นพระปกล้น 700 ปี อยู่ใต้อุโบสถ แต่วัดเขาปกล้นไม่มีอุโบสถ หลอกขายประชาชน ผมจะเล่นด้วย เอาทุกดอก ผมพูดตามพยานหลักฐาน ผมมีหลักฐาน แค่ผมถามว่าคุณไปสมัครเป็นผู้ใหญ่บ้านมั้ย เขายังไม่ตอบเลย ตอบหน่อยสิ หลักฐานคุณเองนะ ไม่ใช่หลักฐานผม คุณเอามาโชว์เอง
พิเชษฐ์ : ศาลาก็ไม่มี เขามาอยู่แรกๆ เขาปั้นช้างไว้บนยอดเขา 2 ตัว พอท่านมาอยู่ปุ๊บสั่งทุบเลย เขาบอกว่าขวางทางเทพ
กิตติศักดิ์ : มาเพื่อทำลาย ไม่ได้มาเพื่อพัฒนา