“อนันต์ชัย” ปะทะ “ทนายสิงห์” ปม “ครูบาบุญเลิศ” ไม่ใช่ลูกน้อง ให้ขอโทษ 3 ครั้ง

2022-10-07 17:50:44

“อนันต์ชัย” ปะทะ “ทนายสิงห์” ปม “ครูบาบุญเลิศ”  ไม่ใช่ลูกน้อง ให้ขอโทษ 3 ครั้ง

Advertisement

กรณี “ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช” แม่ทัพทนายกองทัพธรรม พร้อมด้วยเจ้าคณะอำเภอบ้านหมี่ และคณะสงฆ์ในพื้นที่ รวมถึงฝ่ายปกครอง นำกำลังตำรวจ สภ.บ้านหมี่ บุก "วัดเขาปกล้น" ต.บ้านชี อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี เพื่อเชิญตัว พระครูบาบุญเลิศ กิติธโร หรือ พระครูปลัดมหาเถรานุวัตร หรือ นายเมธาศิษฐ์ มาให้ปากคำที่โรงสถานีตำรวจ หลังเจ้าคณะอำเภอบ้านหมี่ ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีในข้อหา “แจ้งความเท็จ ,แต่งกายเลียนแบบสงฆ์ พร้อมทั้งปลอมแปลงและใช้เอกสารปลอม” ขณะที่อีกฝ่ายยืนกรานว่าถูกทนายดังรังแก ยืนยันเป็นพระจริง

รายการโหนกระแสวันที่ 6 ต.ค. 65 ดำเนินรายการโดย “หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย” ทางช่อง 3 กดเลข 33 สัมภาษณ์ ทนายอนันต์ชัย มาพร้อม กิตติศักดิ์, พิเชษฐ์, ชัยพร ชาวบ้านในพื้นที่ที่ไม่ศรัทธาในตัวครูบาบุญเลิศ เกิดจากสาเหตุอะไร





พี่ตั้งทนายกองทัพธรรมขึ้นมา?

อนันต์ชัย : ตอนนี้กำลังจดทะเบียนเป็นมูลนิธิ อยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาของกรมการปกครอง รู้สึกว่าจะผ่านแล้ว เหลือไปสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติให้พิจารณาอีกครั้ง



เรื่องเกิดที่ไหน?

อนันต์ชัย : จากวิกฤตหลวงปู่แสง เราก็ได้ตั้งทนายกองทัพธรรมขึ้นใหม่ๆ ช่วงนั้น ปรากฏว่าวันที่ 4 ก.ค. 65 คณะสงฆ์บ้านหมี่ ก็ได้เข้าไปหาครูบาบุญเลิศ ที่วัดเขาปกล้น จ.ลพบุรี เพื่อไปสอบถามเรื่องการเรี่ยไร ปรากฎว่าการไปวันนั้นมีคณะสงฆ์และสำนักพุทธด้วย ฝ่ายปกครองด้วย ครูบาแจ้งว่าเขาถูกคณะสงฆ์และฝ่ายปกครองรังแก สั่งให้เขาจับสึกภายใน 5 วัน หากว่าไม่สามารถแสดงใบสุทธิสงฆ์ได้ ครูบาบอกว่าใบสุทธิสงฆ์มันหาย 5 วันจะหาให้ ถ้าหาไม่ได้เดี๋ยวจะลาสิกขา ด้วยเหตุนี้ทางคณะสงฆ์ก็ให้เซ็นเอกสารไว้ หลังจากนั้นมา เขาก็แจ้งไปทนายกองทัพธรรมที่จ.อุบลฯ ท่านนึงที่รู้จักกัน ทนายก็โทรมาหาผมเพื่อขอความช่วยเหลือ ผมก็เลยบอกว่าถ้าจะให้ช่วยเหลือต้องทำเป็นหนังสือ เขาก็ทำเป็นหนังสือฉบับนี้ (โชว์เอกสาร) ขอให้ทนายกองทัพธรรมช่วย 5 ก.ค. 65 นี่ครูบาบุญเลิศเป็นคนเริ่มก่อนนะ

แล้วเราไปช่วยท่านมั้ย?

อนันต์ชัย : พอหลักฐานมาปั๊บก็โทรศัพท์คุยกันว่าตกลงท่านเป็นพระจริงหรือพระปลอม ท่านบอกว่าเป็นพระจริง ผมก็บอกว่าอย่าหลอกผมนะ ถ้าหลอกผม ผมซ้ำนะ ผมเอาตายเลยนะ เขายืนยันแน่นอน ครูบาพูดอย่างนี้ ผมเลยโทรไปหาทนายกองทัพธรรมที่จ.ลพบุรีท่านนึง ให้ช่วยประสานงานกับทนายจังหวัดอุบลราชธานีมาช่วยเหลือครูบาบุญเลิศ ณ วันนั้น หลังจากนั้นแล้ว พอเขาทำปั๊บผมก็โทรหาเจ้าคณะตำบลบ้านหมี่ โทรไปหาก่อนออกข่าวครั้งแรกว่าผมอยากดูหลักฐานที่เขามากล่าวหา กล่าวอ้าง ปรากฏว่าท่านเจ้าคณะตำบลบ้านหมี่ท่านอาจจะกลัวผม เพราะตอนนั้นกำลังเป็นประเด็นกันอยู่ เลยไม่ยอมคุยกับผม ตัดสายสามครั้ง แล้วอ้างบุคคลนึงขึ้นมา ซึ่งบุคคลนั้นเรากำลังมีข้อพิพาทกันอยู่ อย่าเพิ่งเอ่ยชื่อเลย พออ้างปั๊บเราก็รู้สึกไม่พอใจ วันที่ 13 ก.ค. ผมเลยไปสภ.บ้านหมี่ พาครูบาบุญเลิศไปแจ้งความดำเนินคดีกับคณะสงฆ์ ฝ่ายปกครอง นายอำเภอ ปลัดอำเภอก็โดน สำนักพุทธก็โดน ข้อหาบุกรุก ข่มขืนใจให้ผู้ใดผู้หนึ่งกระทำการใดหรือไม่กระทำการหนึ่งการใด และหมิ่นประมาท ก็พาครูบาบุญเลิศไปแจ้งทั้งคณะเลยครับ





ยอมทำเรื่องทั้งหมด ยอมทำให้ครูบาบุญเลิศ?

อนันต์ชัย : ผมถามคณะสงฆ์แล้วแต่เขาไม่ยอมคุยกับผมไง หลักฐานฝ่ายเดียวคือของเขา ก็เลยแจ้งความทั้งคณะ ปรากฎว่าเป็นข่าวใหญ่โต แล้วมีประชาชนในบ้านชี บ้านหมี่ มีแมสเสจส่งมาหาผมเยอะ ต่อว่าผมมาก ไม่ถึงกับด่าแต่ทัวร์ลง (หัวเราะ) พูดว่าให้เช็กหน่อยนะ เราก็สงสัย ไม่มีใครทำบุญ เราก็สงสัย ผมก็เลยบอกให้ทนายที่นั่น ทนายอุบลฯ สืบหาข้อเท็จจริงทั้งหมด เพราะเราคุยกันแล้วว่าถ้าไม่จริงผมเอาตาย ผมจะซ้ำ ก็เลยสืบกันว่าตกลงครูบาบุญเลิศมีใบสุทธิสงฆ์จริงมั้ย ปรากฏว่ามีการสืบตั้งแต่ลพบุรี สระบุรี นครปฐม เพชรบูรณ์ เชียงใหม่ เชียงราย เราไปหมดเลย พอสืบเสร็จปั๊บ ประมาณเกือบเดือน เราก็รู้พฤติกรรมหมด ว่าครูบาบุญเลิศไม่ใช่พระจริง แต่เขาบอกว่ามีคดีแบบนี้เกิดขึ้นนะ มีประมาณปี 39 เขาบอกว่าครูบาบุญเลิศ บวชที่วัดโสภณาราม ปี 29 พอปี 38 ลาสิกขาแล้วมาสมัครเป็นผู้ใหญ่บ้าน จากนั้นก็มีคดีเกิดขึ้น มาเช็กตอนหลังล่าสุดนี่เอง

ปี 38 เป็นผู้ใหญ่บ้าน?

อนันต์ชัย : อยู่ในเฟซบุ๊กไปดูได้เลย เขาเปิดสาธารณะ หลังจากลูกน้องเราไปดู ตามที่เช็กข้อมูลที่เขาส่งมา ปี 2540 นายกิตติวัฒน์ หรือครูบา ถูกดำเนินคดีพรบ.ป่าไม้ คดีหมายเลขที่ 969/40สภ.ภูพิงค์ จ.เชียงใหม่ ปี 42 นายกิตติวัฒน์ อภิสิทธิ์เมธากุล หมายเลขคดี 537/42 โดนดำเนินคดีข้อหาปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม สภ.ภูพิงค์ ปรากฏว่าข้อมูลล่าสุดที่เช็กได้เมื่อวาน คดีปลอมเอกสาร 537/2542 ยังไม่พบผลการดำเนินคดี ส่วนคดี 969/40 พรบ.ป่าไม้ อัยการสั่งฟ้อง ลงวันที่ 3 มี.ค. 43 มีการออกหมายจับผู้ต้องหา 2 รายแต่ไม่รู้เป็นใคร แต่ผู้ต้องหาคดีนี้ตามเอกสารที่ได้มา ตามข้อเท็จจริงที่เขาส่งมาให้ผม ตามทะเบียนประวัติอาชญากรก็คือครูบาบุญเลิศ เพราะฉะนั้นครูบาบุญเลิศบอกว่าเขาบวชปี 29 เขาโชว์ให้ผมดู ตอนหลังผมไปถามว่าท่านเป็นพระ บวชปีไหน เขาบอกว่าปี 29 แล้วปี 38 ตัวเขาสึกออกมาเป็นผู้ใหญ่บ้าน ดังนั้นใบสุทธิสงฆ์อันนี้ถึงใช้ไม่ได้ เขาโชว์เอง มันอยู่ในเอกสารทั้งหมด พระเป็นบุคคลที่อาศัยความเชื่อความศรัทธาของประชาชน ผมคิดว่าไม่ใช่เฉพาะผมคนเดียว ประชาชนทั่วไปก็คงไม่ยอม หากว่านำพระที่ไม่ได้บวชในพระพุทธศาสนาในครั้งที่สองมา คือครูบาเราก็สงสัยว่าทำไมถึงไม่บวช บวชมันง่ายมาก ไม่มีอะไรต้องติดขัด



พี่ไปขอดูใบสุทธิเขาก็มีจริงๆ?

อนันต์ชัย : มี ปี 29 เป็นของจริง หลังจากที่ผมได้แล้ว ผมก็บินไปจ.เชียงใหม่ บินไปหาเจ้าอาวาสวัดโสภณาราม เขาบอกว่าใบสุทธิอันนี้อันจริง แต่ใบสุทธิอีกอัน ทำขึ้นมาใหม่ สถานภาพบวชเหมือนกัน เป็นของปลอมที่ทำเลียนแบบขึ้นมา ทางครูบาเป็นคนทำ ผมมั่นใจว่าเขาทำ แล้วพอเป็นแบบนี้ปั๊บ ทางวัดโสภณารามบอกว่าจากนี้สังกัดวัดต่างๆ เขาไม่รับทราบ เขายังทำหนังสือมอบอำนาจให้ผมมาดำเนินคดีกับครูบาด้วยนะ วัดโสภณารามนี่แหละ ผมแจ้งความเรียบร้อยแล้ว ปลอมเอกสารครับ แล้วมีอีก ปรากฏว่ามีใบสุทธิสงฆ์อีกใบ เป็นใบของธรรมยุติ บวชที่วัดศรัทธาประชากร ที่จ.สระบุรี คณะสงฆ์เลยไปถามวัดนี้ว่าเคยบวชมั้ยเขาบอกไม่เคยบวช ปรากฏว่าใบสุทธิสงฆ์อันนี้เมื่อเป็นธรรมยุติไม่เคยบวช ก็เป็นใบสุทธิสงฆ์ปลอมเหมือนกัน ตกลงเขาสังกัดวัดไหนกันแน่ ผมถามเขาถึงโชว์ แต่ใบสุทธิสงฆ์ถูกยกเลิกไปแล้วเพราะเขาเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 เขาบอกด้วยว่าไปดูงานที่ชลบุรี เมื่อ 20 ปีที่แล้ว นับไปสิ ก็ปี 38-39 เมื่อใบสุทธิสงฆ์ถูกยกเลิกก็ต้องบวชใหม่ เขาบวชปี 29 พอเป็นผู้ใหญ่บ้านปี 38 ยังไปดูงานที่ชลบุรีปี 39 เขาก็ยังบอกว่าได้รับเครื่องราชย์ปี 39 อยู่เลย นี่คือเฟซบุ๊กของเขานะ

ชาวบ้านไม่ศรัทธาครูบาเหรอ?

ชาวบ้าน : ไม่มีอะไรให้น่าศรัทธา ไม่กลัวฟ้องครับ

อยู่ในสายกับทนายสิงห์ ทนายครูบา และครูบาอยู่ในสายด้วย ในอดีตทนายสิงห์เคยเป็นทนายกองทัพธรรมหรือเปล่า?

ทนายสิงห์ : ใช่ครับ เป็นทนายกองทัพธรรมที่ส่งมาช่วยเหลือคดีครูบุญเลิศครับ



ทำไมทั้งสองฝ่ายกลายเป็นมามีปัญหากัน?

ทนายสิงห์ : ทนายอนันต์ชัยเขามาช่วยเหลือครูบาบุญเลิศเรื่องคดี แต่ต่อมาเขาไปทางเจ้าคณะตำบล แล้วสั่งให้ผมยุติการให้การช่วยเหลือครูบาบุญเลิศ แต่ผมเห็นแล้วครูบาบุญเลิศมีหลักฐานถูกต้อง ผมก็บอกว่าขอช่วยเหลือต่อไปครับ

ใบสุทธิ 3 ใบ บางใบไม่ได้เป็นใบจริง?

ทนายสิงห์ : ที่ทนายอนันต์ชัยเอาใบสุทธิมาไม่ถูกต้องเลย เป็นใบสุทธิที่ใช้ไม่ได้ ทนายอนันต์ชัยใช้ให้ทนายอุบลฯ ช่วยเหลือครูบาบุญเลิศ แล้วทนายทางอุบลฯ ที่เขาอ้างเป็นทนาย เขาเอาเอกสารไปทำที่วัดธรรมิการาม แล้วเอาไปให้เจ้าอาวาสเซ็น ซึ่งเป็นใบสุทธิที่ไม่ถูกต้อง ครูบาบุญเลิศไม่รู้เรื่องนี้ดี

ครูบาบุญเลิศเป็นพระดีมั้ย?

ทนายสิงห์ : เป็นพระดี

แล้วทำไมมีข้อมูลว่าเป็นพระปลอม แล้วเคยติดคดี?

ทนายสิงห์ : อันนั้นเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ปัจจุบันชาวบ้านก็เป็นของวัดอื่น ไม่ใช่ปกล้น



พี่อยู่ไหน?

พิเชษฐ์ : ผมอยู่หมู่ 11 อยู่หมู่เดียวกันกับวัดเขาปกล้น และรู้พฤติกรรมพระองค์นี้มาตั้งแต่ต้น หนึ่งไม่ทำกิจของสงฆ์ อยู่แบบไม่บิณฑบาต ท่านก็ไม่ได้อาพาธ ปั่นจักรยานรอบเขา ขี่มอเตอร์ไซค์ด้วย

เรื่องการเรี่ยไรที่มีการกล่าวหาท่าน จริงไม่จริง?

พิเชษฐ์ : จริง รถติดป้ายเขาปกล้นเลย แล้วออกเรี่ยไรข้าวสาวอาหารแห้ง เงิน

ชาวบ้านบอกมีการเรี่ยไร มองยังไง?

ทนายสิงห์ : ไม่มีหลักฐาน เป็นการกล่าวหาเฉยๆ เอาประเด็นตรงพี่อนันต์ชัยเลยดีกว่า อันนั้นเรื่องเล็กน้อย เขากล่าวหาท่านได้ใบสุทธิปลอม มันของจริง จะพิสูจน์ที่ไหนก็ได้ ที่ตำบล อำเภอ หรือที่ตำรวจก็ได้ หรือพิสูจน์ที่ศาลก็ได้หมด

อนันต์ชัย : ใบสุทธิสงฆ์ของวัดธรรมยุติ มาได้ไง

ทนายสิงห์ : อันนั้นก็ไม่ใช่ของครูบา มันมีคดีอยู่ แล้วเขาก็สั่งฟ้องแล้ว พี่อนันต์ชัยได้รับข้อมูลที่ผิดมา เข้าใจมั้ยครับ ถามหน่อยทนายอุบลฯ เป็นทนายหรือไม่อย่างไร

อนันต์ชัย : เขาไม่ได้เป็นทนาย เขาเป็นทนายในกองทัพธรรม ซึ่งประกอบด้วยประชาชน สงฆ์ ทนายความ สามส่วน มี 700 กว่าคน ประกอบด้วย พระภิกษุสงฆ์ ทนายความ แล้วก็ประชาชนที่มีความรู้ด้านกฎหมายและศาสนา มีหนึ่งในนั้นเข้าไปเป็นสายสืบครูบาถึงได้หลักฐานมา

ทนายสิงห์ : ก็หลอกว่าเป็นทนายกองทัพธรรม

อนันต์ชัย : ไม่ใช่ครับ ทนายคนนี้อยู่อุบลฯ แล้วรู้จักครูบา มาขอความช่วยเหลือจากผม คุณสิงห์มาตอนหลัง ผมเป็นคนบอก เพราะเขามาก่อนเขาเลยมาขอผม ผมเลยเรียกให้คุณสิงห์เข้ามาช่วย ฉะนั้นตัวครูบาบุญเลิศกับทีมทนายที่อุบลฯ รู้จักกันมาก่อนตั้งแต่เชียงใหม่ เพราะเป็นคนเชียงใหม่เหมือนกัน ผมเรียกคุณสิงห์มาช่วย

ทนายสิงห์ : ผมมาช่วยจริง แต่มาช่วยเรื่องคดีความ และผมเห็นว่าเอกสารท่านถูกต้อง

อนันต์ชัย : แล้วใบสุทธิอันนี้ของจริงใช่มั้ย คุณใช้อยู่ใช่มั้ยทุกวันนี้

ดูในจอนะ ของจริงใช่มั้ย?

ทนายสิงห์ : ใช่ครับ

อนันต์ชัย : ผมจะบอกให้ ใบสุทธินี้ของจริงไม่เถียง แต่ปรากฏว่าหลังจากนี้ไปแล้ว ตั้งแต่โพทะเล เซกา วัดพรหมจริยา เขาไม่รู้เรื่องเลย แล้วเขาบอกเลยว่าตั้งแต่ออกใบสุทธิสงฆ์มา เขาไม่เคยเห็นหน้าครูบาประจำวัดเลย แล้วผมถามว่ตั้งแต่ 29-55 เขาสังกัดวัดไหน ในระหว่างช่วงนี้ปกติสงฆ์จะออกจากวัดต้องมีใบส่งตัว ช่วงระหว่างปี 29-55 คุณไปอยู่ไหน คุณไปสมัครผู้ใหญ่บ้านปี 38 อยู่ในเฟซบุ๊กเต็มเลย คุณถามหรือเปล่าว่าไปสมัครผู้ใหญ่บ้านหรือเปล่า แล้วคุณใช้ใบสุทธิสงฆ์อันนี้อยู่คุณใช้ได้ยังไง มันยกเลิกไปแล้ว คุณถามเขาหรือเปล่า

ทนายสิงห์ : คุณพูดคุณต้องรับผิดชอบนะ

อนันต์ชัย : แน่นอน

ทนายสิงห์ : คุณอย่าเสียงดัง คุณมีมารยาทหน่อย

อนันต์ชัย : สไตล์ผมเป็นแบบนี้อยู่แล้ว คุณเป็นลูกน้องผมอยู่ในกองทัพธรรม

ทนายสิงห์ : ผมไม่เคยเป็นลูกน้องคุณ ผมทำงานในฐานะสภาทนายความราชูปถัมภ์ ผมมีมรรยาททนายความ มีความเป็นธรรม แต่คุณเป็นใคร

อนันต์ชัย : ผมก็เป็นทนายไง

ทนายสิงห์ : คุณมีความยุติธรรมมั้ย คุณรู้จักมรรยาททนายข้อที่สามมั้ย ตอบมา เข้ามาช่วยเหลือคดีแล้ว แล้วเอาคดีไปช่วยฝั่งตรงข้าม เป็นกองทัพธรรมจริงหรือไม่

อนันต์ชัย : ไม่ใช่ เราคุยกับครูบาแล้วว่าถ้าหลอกผม ผมสืบทราบได้ ผมเอาตายเลย

ทนายสิงห์ : เขาไม่ได้หลอกคุณ

อนันต์ชัย : ก็ว่ากันในศาล

ทนายสิงห์ : บอกเขาเป็นผู้ใหญ่บ้าน ต้องรับผิดชอบนะคุณอนันต์ชัย ที่กล่าวหาทั้งหมดไม่ถูกต้อง เป็นเท็จ แล้วทุกอย่างไม่ถูกต้องหมดเลย ไปออกข่าวรับผิดชอบไม่ไหวเลยนะ ผมไม่ใช่ลูกน้องคุณนะ

อนันต์ชัย : โอเค ไม่เป็น

ตกลงพี่ยืนยันว่าพระบุญเลิศเป็นพระจริงๆ?

ทนายสิงห์ : ใช่ครับ



แล้วที่ท่านไปลงเป็นผู้ใหญ่บ้าน เมื่อ 20 ปีก่อน จริงมั้ย?

ทนายสิงห์ : ผมบอกไปมันเป็นคดีความอยู่ แต่ปฏิเสธได้เลย มันเป็นข่าวเท็จทั้งสิ้น ข้อกล่าวหาเท็จทั้งสิ้น

ดร.เมธาศิษฐ์ คือเฟซบุ๊กท่านหรือเปล่า?

ทนายสิงห์ : อย่าไปถามประเด็นตรงนี้เลย เอาประเด็นที่คุณอนันต์ชัยกล่าวหามาเลย

อนันต์ชัย : สมัครเป็นผู้ใหญ่บ้านเปล่าปี 38

ทนายสิงห์ : ไม่ๆ ไม่ต้องมาจี้ตรงนี้หรอก ฟังดีๆ นะ คุณเอาความลับครูบาไปเปิดเผยฝ่ายตรงข้ามคุณก็ผิดแล้ว

อนันต์ชัย : อันนี้ผมสืบเองครับ อยู่ในเฟซบุ๊ก


ทนายสิงห์ : คุณฟังหน่อยสิ อย่าโมโห อนันต์ชัยไปร่วมมือกับคนที่อ้างเป็นทนายอุบลฯ มาหลอกครูบาบุญเลิศ ไม่ถูกต้องนะครับ

อนันต์ชัย : ก็ว่ากันไปตามกฎหมาย

พระอยู่ตรงนั้นมั้ย?

ครูบาบุญเลิศ : อยู่ครับ

ท่านเครียดมั้ย?

ทนายสิงห์ : ไม่เครียดเลย สบาย

มียันต์ครูบาออกมา คืออะไร?

ทนายสิงห์ : ถ้าอย่างนี้ไม่ขอให้ข้อมูล คนอื่นเขาทำ ไม่ได้เกี่ยวข้อง

ยันต์สาวกับชายขี่กัน?

ทนายสิงห์ : ขอคุยกับอนันต์ชัย คุณบอกว่าผมเป็นลูกน้องคุณ

อนันต์ชัย : ผมก็ขอโทษไปแล้วไง

ทนายสิงห์ : ขอโทษ 3 ครั้งเลย

อนันต์ชัย : ไม่ขอโทษแล้ว ผมไม่ใช่ลูกไล่คุณนี่ เมื่อกี้พูดผิด ผมขอโทษไปแล้ว

เขาพูดขอโทษไปแล้วนะ?

ทนายสิงห์ : เขาโอนเงินมาให้ 1 หมื่น บอกว่าอย่าช่วยครูบาบุญเลิศ ใช่มั้ยครับ เขาจะอ้างว่าผมเป็นลูกน้องเขา

อนันต์ชัย : เรามีกองทุนทนายกองทัพธรรม เมื่อเราขอความช่วยเหลือจากเขา เราก็จะโอนค่าใช้จ่ายไปให้เขา เพื่อให้เขามีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ครั้งแรกโอนไปให้จำนวนนึง ทนายที่อุบล ก็โอนให้นะ ที่ผมโอนให้ 1 หมื่นเป็นการโอนค่าใช้จ่ายให้เขา แค่นั้นเอง

ทนายสิงห์ : แต่มีข้อแม้ว่าห้ามช่วยเหลือครูบาบุญเลิศ

อนันต์ชัย : ไม่ใช่ ผมบอกให้คุณถอยออกมาไง

ทนายสิงห์ : พระไม่ผิดจะถอยได้ไง

อนันต์ชัย : ก็ไม่เป็นไร ผมก็ให้คุณออกจากกองทัพธรรมไง

เรื่องเฟซบุ๊กพระไม่ตอบ แล้วพระยันต์ขี่กันล่ะ?

ทนายสิงห์ : เป็นการใส่ร้ายทั้งสิ้น ไม่เกี่ยวกับพระ

คาถาภาวนาไม่ใช่นะ?

ทนายสิงห์ : ไม่ใช่ ทนายกองทัพธรรมอ้างทนายอุบลฯ เขาไม่ใช่ทนายเลย ไปออกข่าวทั่วประเทศ ยันต์นั้นไม่ใช่ของพระ ถ้าอย่างนี้ไม่คุยแล้วนะคุณหนุ่ม ผมบอกแค่นี้

ทำไมต้องให้ขอโทษ 3 ครั้ง?

อนันต์ชัย : เราอาจพลั้งปากไปหน่อย แต่ขอโทษครั้งเดียวพอแล้ว เราเป็นทีมไปด้วยกัน เหมือนเราเป็นแม่ทัพ คนร่วมงานกับเราต้องเชื่อฟังแม่ฟัง เขาไม่เชื่อฟังเราก็จำเป็นต้องให้เอาออก เหมือนเราเป็นผู้บังคับบัญชา เราเป็นแม่ทัพ เราสั่งให้คุณหยุด แต่คุณไม่หยุด คุณก็ต้องออกไป

พี่สิงห์ชัย บอกว่าสิ่งที่คุณพูดจะมีผลทางกฎหมาย?

อนันต์ชัย : ผมไปสืบมาหมดแล้ว และบอกครูบาถ้าสืบรู้ผมเอาคุณตาย แกก็ยอมรับ ผมไม่ได้เป็นทนายเขานะ แล้วให้ค่าใช้จ่ายทีมทนายเพื่อไปดูแล ครูบาไม่ได้จ้างผมนะ

คนในพื้นที่ ทำไมถึงบอกว่าอย่าไปช่วยครูบา เพราะอะไร?

กิตติศักดิ์ : บ้านผมอยู่ที่นั่น เกิดที่นั่น ผมไม่เคยเห็นการกระทำทุกอย่างตั้งแต่ก้าวเท้ามาเยี่ยมตรงนั้น การกระทำทุกอย่างผมเห็น ผมสัมผัสมา

คุณเห็นอะไร?

กิตติศักดิ์ : กิจของสงฆ์ไม่เคยมีเลย มันนานไปแล้ว



ไม่กลัวพระฟ้องเหรอ?

กิตติศักดิ์ : ไม่มีอะไรจะเสีย ต้องการความยุติธรรม ไม่สงสัยเหรอทำไมไม่มีใครทำบุญที่วัดนี้เลย มันต้องรู้อยู่แก่ใจ ความลับไม่มีในโลก การกระทำทุกอย่างสร้างภาพทั้งหมด คุณทอดกฐิน คุณเอาเงินไปไหนหมด อยู่มา 20 ปี ศาลาไม่มีสักหลัง ทำไมไม่สร้างล่ะ

ท่านเอาเงินไปบริจาคหรือเปล่า?

ชัยพร : เขาไปสร้างบ้าน บ้านเขาติดกับวัดเลยครับ เป็นบ้านเลย ไม่ใช่กุฏิ เวลามีงานบุญเขาจะบอกว่าวัดไม่มีเงิน แต่เรี่ยไรตลอด ถ้าพระอยู่แล้วสร้างวัดมันดี แต่ถ้าหาเงินสร้างบ้านไม่ดี

เป็นวัดหรือสำนักสงฆ์?

อนันต์ชัย : ไม่เป็นวัด ไม่ได้เป็นสำนักสงฆ์ ตามพรบ.สำนักสงฆ์ ไม่ได้เป็นสำนักปฏิบัติธรรม เพราะไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของวัด เป็นบ้านครับ ไม่ได้ขออนุญาตโดยถูกต้องตามกฎหมาย ปกติเราจะทำสำนักสงฆ์ ต้องทำหนังสือขอนุญาตจากเจ้าคณะตำบล อำเภอ จังหวัด และผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วต้องทำประชามติให้ชาวบ้านยิมยอมด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. เขาอนุญาตแล้วถึงสร้างเป็นสำนักสงฆ์ได้ก่อน แต่อันนี้ไม่มี ตั้งอยู่บนที่สาธารณะ

พิเชษฐ์ : ตรงนั้นเป็นเขา น้ำก็ไหลลงมาระบายน้ำออก แกไปถมที่ทับเขา แล้วก็อยู่ต่อมาอย่างนั้น

เคยมีคณะสงฆ์ อำเภอไปมั้ย?

พิเชษฐ์ : เคยไปครับ แกยังเคยบอกว่าเอกสารร้องเรียนแกไม่รู้กี่ลังแล้ว ยังทำอะไรแกไม่ได้ เขาอ้างเบื้องสูง

ชาวบ้านในพื้นที่ว่าไง เพราะเขาอ้างว่ายังมีคนศรัทธาเขาอยู่?

พิเชษฐ์ : ไม่มี ขอยืนยัน มีแต่คนที่อื่น เขาไม่รู้ แต่คนในพื้นที่เขาไม่เอา

กิตติศักดิ์ : ครูบารู้อยู่แก่ใจ ไม่รู้วันๆ คุณทำอะไรกับแม่ครัว

อนันต์ชัย : วันที่นักข่าวไป แม่ครัวอยู่กับครูบา อยู่สองคน อยู่ได้เหรอเป็นพระ เขาบอกอยู่เช้ากลับเย็น ในข่าวก็มี

กิตติศักดิ์ : ก่อนหน้านี้มีแม่ครัวคนนึงอยู่ดั้งเดิมกับเขา ไม่รู้อยู่ด้วยกันในฐานะอะไร แต่พอทะเลาะกันที ก็ตบตีแม่ครัว แต่ไม่ใช่แม่ครัวคนนี้นะ เป็นแม่ครัวคนก่อน ไม่พอใจอะไรอยู่ใกล้มือก็ขว้าง ถ้าไม่ได้ดั่งใจจะอารมณ์ร้าย

เรื่องเรี่ยไรล่ะ?

กิตติศักดิ์ : ผมเห็นกับตาเขาเรี่ยไรจริง ไม่ต้องสร้างภาพ ผมอยู่ที่นี่มานานแล้ว ยายตายไปหมดแล้ว ยังทำอะไรมันไม่ได้เลย ถ้าพัฒนาหมู่บ้านให้ทุกคนยินดี แต่ทุกวันนี้อยู่ไม่ได้มีความเจริญอะไรเลย อยู่หนักแผ่นดิน เรื่องบิณฑบาตไม่ต้องพูดถึง แต่ก่อนเขามีพระ 3 รูป เขาก็คอยโขกสับ ผมเป็นเด็กไปเล่นในวัด เขาให้พระไปบิณฑบาต เขาไม่ทำใดๆ ทั้งสิ้น

เป็นอาศรม ที่ท่านอยู่ มีพระอีกมั้ย?

กิตติศักดิ์ : ปัจจุบันไม่มีใครอยู่แล้ว

พิเชษฐ์ : เหมือนเขารู้กัน หายหมดเลย

ชัยพร : วันที่เจ้าคณะอำเภอมาตรวจสอบ พระที่อยู่กับเขาไม่มีใครมีใบสุทธิสักรูป คณะสงฆ์เลยตั้งกรรมการสอบสวน ผมก็อยู่ในทีมเขาด้วย มีมติออกมาแล้วว่าเขาไม่ใช่พระ เพราะหาต้นสังกัดไม่ได้ ใบสุทธิก็ไม่มีสักอย่าง

ชาวบ้านยืนยันว่าในพื้นที่ไม่ต้อนรับครูบาบุญเลิศ?

พิเชษฐ์ : ยืนยันครับ

เรื่องยันต์ ท่านบอกไม่ใช่ของท่าน?

อนันต์ชัย : ไม่ใช่ได้ยังไง แล้วใช้คำว่าดร.ครูบาเจ้าบุญเลิศ ดร.มาได้ยังไง แล้วเฟซบุ๊กเขา ยันต์ก็อยู่ในเฟซบุ๊กเขา

เอาไงต่อไป?

อนันต์ชัย : ถ้ามีการทอดกฐินผ้าป่า ผมจะดำเนินคดีข้อหาฉ้อโกงประชาชน จะตามเช็กหมดเลย เล่นกับผมเหนื่อย คุณไม่ได้เป็นพระ หลักฐานเขาเองนะที่บอกว่าเป็นผู้ใหญ่บ้าน

เรื่องที่นัดท่านไปสภ.แล้วเขาไม่ไป?

อนันต์ชัย : ผมไปตามถึงที่ แต่สิงห์ชัยไม่ให้ไปไง แล้ววัดปิดได้ไง นี่เป็นบ้าน ประตูปิดได้ไง อันนี้ไม่ใช่วัด มันบ้าน

กิตติศักดิ์ : เหมือนรีสอร์ต วันปกติไม่มีงาน เขาห้ามชาวบ้านเข้าเลย ไม่เข้าใจเลย วัดอะไร ทำไมคนเข้าไปทำบุญไม่ได้ ไม่มีการรับอะไรใดๆ ทั้งสิ้น

ชัยพร : มีรูปปั้นหน้าเขา ที่ปั้นเป็นฤาษี ไม่ได้เป็นรูปพระ อยู่ในวัดเขา ออกผ้ายันต์ก็เป็นหน้าเขา

ไม่จบแน่ๆ คดีเพิ่มอีก?

อนันต์ชัย : ผมจะไปเพิ่มเอง เพราะมีการจำหน่ายพระหาว่าเป็นพระปกล้น 700 ปี อยู่ใต้อุโบสถ แต่วัดเขาปกล้นไม่มีอุโบสถ หลอกขายประชาชน ผมจะเล่นด้วย เอาทุกดอก ผมพูดตามพยานหลักฐาน ผมมีหลักฐาน แค่ผมถามว่าคุณไปสมัครเป็นผู้ใหญ่บ้านมั้ย เขายังไม่ตอบเลย ตอบหน่อยสิ หลักฐานคุณเองนะ ไม่ใช่หลักฐานผม คุณเอามาโชว์เอง

พิเชษฐ์ : ศาลาก็ไม่มี เขามาอยู่แรกๆ เขาปั้นช้างไว้บนยอดเขา 2 ตัว พอท่านมาอยู่ปุ๊บสั่งทุบเลย เขาบอกว่าขวางทางเทพ

กิตติศักดิ์ : มาเพื่อทำลาย ไม่ได้มาเพื่อพัฒนา