นายกฯ ลุยเพชรบูรณ์ติดตามแก้ไขปัญหาสถานการณ์น้ำท่วม กำชับส่วนราชการเร่งอำนวยความสะดวก ดูแลชีวิต ทรัพย์สิน ประชาชน พร้อมเตรียมแผนเผชิญเหตุ เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัย ยันรัฐบาลพร้อมดูแลทุกคน ทุกพื้นที่
เมื่อวันที่ 6 ต.ค.65 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจติดตามแก้ไขปัญหาสถานการณ์อุทกภัย ณ จ.เพชรบูรณ์ โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน และ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ร่วมคณะด้วย ณ ห้องประชุมท่าอากาศยาน จ.เพชรบูรณ์ นายกรัฐมนตรีประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง พร้อมรับฟังบรรยายสรุปสถานการณ์น้ำและอุทกภัยในพื้นที่ ซึ่ง จ.เพชรบูรณ์ ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุโนรู ทำให้น้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่การเกษตร ได้รับผลกระทบจํานวน 10 อําเภอ 89 ตําบล 696 หมู่บ้าน 2 เทศบาล 8 ชุมชน ประชาชนได้รับผลกระทบ 20,647 ครัวเรือน โดย อ.หล่มสักได้รับความเสียหายมากที่สุด ภาพรวมสถานการณ์น้ำในขณะนี้ยังมีน้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่การเกษตรในบางพื้นที่ แต่ส่วนใหญ่ระดับน้ำลดลงและทรงตัว โดยทางจังหวัดมีการติดตามสถานการณ์และเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ติดตามและรับทราบสถานการณ์มาโดยตลอด โดยได้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งแก้ปัญหาโดยเร็ว แม้บางพื้นที่สถานการณ์น้ำล้นตลิ่งจะดีขึ้น ปริมาณน้ำลดลง แต่ขอให้ติดตามสถานการณ์ฝนที่จะตกในพื้นที่ในอนาคต ซึ่งอาจจะมีฝนตกเพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพภูมิอากาศจะเป็นปัจจัยสำคัญที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยรัฐบาลได้แก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งมาโดยตลอดในทุกพื้นที่ มีการสนับสนุนงบประมาณเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน ทุกภาคส่วนต้องเยียวยาดูแลผู้ประสบภัยเร่งด่วน พร่องน้ำออกจากพื้นที่การเกษตรและพื้นที่เศรษฐกิจ ดูแลสำรวจข้อมูลผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนและได้รับความเสียหาย และเร่งฟื้นฟูช่วยเหลือดูแลประชาชนภายหลังน้ำลดต่อไป นายกรัฐมนตรียังได้เน้นย้ำ ระบบการสื่อสารกับประชาชนต้องชัดเจนและทันต่อสถานการณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความช่วยเหลือด้านการแพทย์การดูแลผู้ป่วยติดเตียงและผู้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เป็นสิ่งสำคัญที่สุด ต้องให้การดูแลช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด รวมทางการจัดส่งเครื่องยังชีพให้กับกลุ่มประชาชนที่ยังไม่ได้ย้ายออกจากบ้านด้วย
ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี ได้กำชับส่วนราชการเร่งอำนวยความสะดวก ดูแลชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน พร้อมเตรียมแผนเผชิญเหตุ และเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดต่อเนื่อง โดยรัฐบาลจะเร่งขับเคลื่อนโครงการเพื่อการแก้ปัญหาระยะยาวต่อไป
จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะ เดินทางไปยังเทศบาลตำบลตาลเดี่ยว อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เพื่อพบปะให้กำลังใจประชาชนและเยี่ยมเยียนบ้านเรือนที่ประสบอุทกภัย ก่อนเดินทางไปตรวจติดตามสถานการณ์น้ำป่าสัก และเยี่ยมเยียนประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในเขตพื้นที่เศรษฐกิจ เทศบาลเมืองหล่มสัก ณ สวนสาธารณะดงตาล ต.หล่มสัก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์
เวลา 14.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางมาตรวจติดตามแก้ไขปัญหาอุทกภัย พร้อมพบปะให้กำลังใจประชาชนและเยี่ยมเยียนบ้านเรือนที่ประสบอุทกภัย ณ ซอยศรีสะอาด หมู่ที่ 11 ต.ตาลเดี่ยว อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเทศบาลตำบลตาลเดี่ยว เป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัย โดยมีผู้ได้รับกระทบประมาณ 1,500 ครัวเรือน และมีพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายเกือบ 2,000 ไร่
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรี สอบถามถึงความเป็นอยู่และความเดือดร้อนของประชาชน ย้ำเข้าใจถึงความเดือดร้อนของประชาชนที่ประสบอุทกภัยทุกคน ซึ่งไม่มีใครต้องการให้เกิดเหตุการณ์นี้ เพราะเมื่อประชาชนเดือดร้อน นายกฯ เดือดร้อนยิ่งกว่า พร้อมให้กำลังใจประชาชนทุกคนที่ประสบอุทกภัยในครั้งนี้ ย้ำ “ต้องสู้จึงจะชนะ” รวมทั้งขอบคุณเจ้าหน้าที่และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาสังคมทุกภาคส่วน ในการร่วมมือกันดูแลช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยนายกรัฐมนตรีย้ำว่ารัฐบาลพร้อมช่วยเหลือและเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมทุกกล่ม และสนับสนุนหน่วยงานเพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะการดูแลประชาชนภายหลังจากสถานการณ์น้ำเริ่มคลี่คลาย พร้อมกำชับหน่วยงานกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน พัฒนาส่งเสริมสนับสนุนประชาชนให้มีความรู้ เพื่อให้สามารถสร้างอาชีพและรายได้ให้กับตนเองและครอบครัว รวมไปถึงเน้นย้ำให้มีการเตรียมการในการเร่งฟื้นฟูซ่อมแซมบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหายด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลพยายามทำงานอย่างเต็มที่และเร่งแก้ปัญหาทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์อุทกภัยอย่างทั่วถึง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกัน ก็ขอให้ประชาชนช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกันไม่เพียงแต่รัฐบาล เพราะทุกคนต้องร่วมมือกันในการพัฒนาประเทศ เพื่ออนาคตของเยาวชนคนรุ่นหลังต่อไป
นายกรัฐมนตรีได้ชื่นชมนักเรียนอาชีวะ ที่ได้มาตั้งศูนย์ซ่อมรถของประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ซึ่งนักเรียนอาชีวะคือกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติ ขอให้ส่งเสริมการเรียนรู้ เร่งรัดการพัฒนาทักษะและฝีมือแรงงาน ตลอดจนพัฒนาการเรียนรู้ในสาขาวิชาใหม่ ๆ เพื่อให้ตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานในอนาคต รวมถึงให้สามารถทำงานร่วมกับเทคโนโลยีและเครื่องจักรสมัยใหม่ ให้สอดคล้องกับการพัฒนาในปัจจุบันและอนาคตด้วย
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้เยี่ยมเยียนให้กำลังใจผู้ป่วยติดเตียง พร้อมขอบคุณทีมงานเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานต่าง ๆ จิตอาสา ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พลเรือน รวมทั้งภาคเอกชนที่ร่วมมือกันช่วยเหลือดูแลและอำนวยความสะดวกให้ประชาชน เน้นย้ำต้องให้การดูแลอย่างดีที่สุดเพื่อความปลอดภัยของประชาชน และให้ความสำคัญกับผู้ป่วยติดเตียง พร้อมขอบคุณพยาบาล อสม. และทีมแพทย์ ขอให้ดูแลทั้งร่างกายและจิตใจของทุกคนให้มีกำลังใจที่ดี รวมทั้งระหว่างปฏิบัติหน้าที่ก็ต้องดูแลตนเองให้ปลอดภัยด้วย ทั้งนี้ ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีเดินพบปะเยี่ยมเยียนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยนั้น ประชาชนในพื้นที่ต่างก็ส่งเสียงให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีในการทำงานพร้อมกล่าวว่า “นายกฯ สู้ๆ”
ต่อมาเวลา 16.15 น.นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เดินทางไปตรวจติดตามสถานการณ์น้ำป่าสักและเยี่ยมเยียนประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในเขตพื้นที่เศรษฐกิจ เทศบาลเมืองหล่มสัก ณ สวนสาธารณะดงตาล ต.หล่มสัก อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์
นายกรัฐมนตรีกล่าวให้กำลังใจผู้ประสบภัยและได้รับความเดือดร้อน ขอให้ก้าวผ่านความยากลำบากไปด้วยกันด้วยความเข้มแข็ง ซึ่งรัฐบาลรับทราบสถานการณ์พร้อมติดตามเหตุการณ์ในทุกจังหวัด ทุกพื้นที่ และได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรื่องการบริหารจัดการน้ำ เร่งสำรวจความเสียหาย พร้อมช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนอย่างทั่วถึง และเร่งฟื้นฟูโดยเร็วที่สุด ซึ่งแม้ในวันนี้สถานการณ์น้ำได้ลดลงแล้วบางพื้นที่ ก็ขอให้ทุกคนมีกำลังใจที่เข้มแข็ง อย่าท้อแท้ และช่วยกันแก้ปัญหาเพื่อให้สามารถใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติได้อย่างปลอดภัย รัฐบาลยืนยันจะเร่งดูแลช่วยเหลือเยียวยาประชาชนทุกกลุ่มโดยเร็วและไม่ทอดทิ้งประชาชน
นายกรัฐมนตรีขอให้ทุกคนพร้อมปรับตัวรับการเปลี่ยนแปลงของธรรมชาติและสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป และชื่นชมที่ทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้ด้วยความอดทน และสามารถผ่านพ้นสถานการณ์ต่าง ๆ ไปได้ด้วยดี ยืนยืนยันรัฐบาลพร้อมดูแลอย่างเต็มที่ โดยจะจัดสรรงบประมาณและผลักดันการพัฒนาโครงการต่าง ๆ ที่สำคัญเร่งด่วนอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ในส่วนของประชาชนขอให้ติดตามรับฟังข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง
นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำถึงความรัก ความสามัคคี อันจะเป็นหัวใจในการแก้ไขปัญหาทั้งหมด ยืนยันจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ของรัฐบาล เพื่อการแก้ไขปัญหาปากท้องและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนให้ดีที่สุด