คณบดีศิริราชชี้หลัง 1 ต.ค. ปชช.อาจสวมหน้ากากน้อยลง

2022-10-01 06:00:33

 คณบดีศิริราชชี้หลัง 1 ต.ค. ปชช.อาจสวมหน้ากากน้อยลง

Advertisement

คณบดีศิริราชชี้นิวนอร์มอลหลัง 1 ต.ค. ปชช.อาจสวมหน้ากากน้อยลง ยันชอบใส่หน้ากากทำเสี่ยงน้อยลง

เมื่อวันที่ 30 ก.ย. 65 ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหดิล กล่าวถึงสถานการณ์โรคโควิด – 19 หลังวันที่ 1 ต.ค.ว่า สถานการณ์โรคโควิด – 19 ในปัจจุบันไม่ได้หลุดไปจากที่มีการคาดการณ์ไว้เมื่อ 3-4 เดือนที่แล้วว่า เข้าสู่ปลายทางของโรควิด – 19 แล้ว เพราะ 1. ทั่วโลกมีการฉีดวัคซีนจำนวนมาก 2. การเข้ามาของสายพันธุ์โอมิครอนที่มีการแพร่เร็ว แต่อาการไม่รุนแรง ผลักดันสายพันธุ์ที่ก่อโรครุนแรง แต่แพร่ระบาดช้า ดังนั้นเมื่อแพร่เร็ว อาการไม่มากก็จะทำให้เกิดภูมิคุ้มกัน คล้ายไข้หวัด และทั่วโลกขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกันคือผ่อนคลายมาตรการ ซึ่งจากการติดตาม 3-4 เดือนก็ไม่พบความรุนแรงมากขึ้น การเสียชีวิตลดลง เช่นเดียวกับประเทศไทย แต่ที่เสียชีวิตตอนนี้พบว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ไม่ได้ฉีดวัคซีนหรือฉีดไม่ครบ อย่างไรก็ตามประเทศไทยยังต้องติดตามไปถึงปีใหม่ว่าจะมีการกลายพันธุ์อีกหรือไม่ เหมือนทั่วโลกก็มีการติดตามอยู่ แต่ไม่จำเป็นต้องรายงานทุกครั้งที่เจอกันกลายพันธุ์เพราะสร้างความตกใจ แต่หากเจอการกลายพันธุ์ที่มีสัญญาณอันตราย หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะเป็นผู้รายงานให้ทราบ

ศ.นพ.ประสิทธิ์  กล่าวต่อว่า สำคัญที่อยากจะย้ำคืออีกหลายปีนับจากนี้ ซึ่งในอดีตก่อนหน้านี้มีโรคซารส์ เมอร์ส มาจนถึงโควิด – 19 ล้วนเป็นไวรัสตระกูลโคโรนาทั้งสิ้น วันไม่ดีคืนดีจะเจอสายพันธุ์รุนแรงขึ้น ก็อยู่ที่เทคโนโลยีวัคซีนว่าจะสร้างภูมิคุ้มกันได้ยาวแค่ไหน แต่บทเรียนคือ การรู้จักหลักการของการป้องกันโรคติดต่อ คือการไม่ใกล้ชิด ดังนั้นวันข้างหน้าเกิดโรคกลับมาก็ขอให้คนไทยนึกถึงบทเรียนนี้ ตระหนักเรื่องการป้องกันตนเองและครอบครัว และหากเจอโรคใหม่ ต้นทางที่เจอต้องรายงานที่ถูกต้อง เพื่อให้ทั่วโลกจัดการกับมันซึ่งคิดว่าทั่วโลกจัดการไหว เราต้องเรียนรู้ ไม่ใช่ไม่เรียนรู้อะไรเลย รวมถึงเรียนรู้ในการรับข้อมูลผ่านโซฌชียลว่ามีทั้งข้อมูลข้อเท็จจริง กับความเห็นส่วนตัว ต้องแยกให้ออก

เมื่อถามว่า ตอนนี้คนสามารถถอดหน้ากากได้แล้วใช่หรือไม่ ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ตนคิดว่า ต่อไปในอนาคต นิวนอร์มอล (New Normal) ของเราไม่ได้แปลว่าไม่ต้องใส่หน้ากาก แต่หมายความว่าใครอยากใส่ก็ใส่ ใครไม่อยากใส่ก็ไม่ต้องใส่ ไม่เช่นนั้นอาจจะเป็นการละเมิดสิทธิกัน ส่วนตัวมีแนวโน้มชอบใส่หน้ากาก เพราะเวลาไปไหนมาไหนก็เสี่ยงน้อยลง ไข้หวัดใหญ่ก็ไม่ต้องกลัว ดังนั้นนิวนอมอลไม่ได้หมายความว่าไม่ใส่หน้ากาก คนอาจจะใส่หน้ากากน้อยลงแน่ๆ เหมือนใส่เสื้อนอก หรือผูกเน็คไทด์ ซึ่งบางคนก็ไม่ใส่เสื้อนอก ไม่ผูกเนคไทด์ กลายเป็น “นอร์ม” คือต่างคนต่างยอมรับซึ่งกันและกัน ใครใคร่ใส่ก็ใส่ ใครไม่ใคร่ใส่ก็ไม่ต้องใส่

“คำว่านิวนอร์มอล หมายความว่าโลกนี้ผ่านกระบวนการที่เป็นการบังคับ หรือควบคุมอย่างเข้มงวดไปแล้ว เพราะปัจจุบันไม่ได้เป็นโรคติดต่อร้ายแรงแล้ว ดังนั้นนิวนอร์มอลของแต่ละคนคือดูแลสุขภาพของตัวเอง ป้องกันตัวเองให้แข็งแรง ซึ่งแต่ละคนไม่เหมือนกัน แต่เราไม่ได้เป็นการกลับมาควบคุมทุกอย่างเหมือนเดิมอีก”ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าว.